A small tool to view real-world ActivityPub objects as JSON! Enter a URL
or username from Mastodon or a similar service below, and we'll send a
request with
the right
Accept
header
to the server to view the underlying object.
{
"@context": "https://www.w3.org/ns/activitystreams",
"type": "OrderedCollectionPage",
"orderedItems": [
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1125406972293832704",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"content": "<br />ธัญขออภิปรายในส่วน “งบของทุกคน” ของพรรคก้าวไกล<br />และใช้ขื่อหัวข้อในการอภิปรายของธัญคือ<br />“งบประมาณที่ไม่เห็นหัวผู้หญิง”<br /><br />การจัดสรรงบประมาณของรัฐที่ไม่เข้าใจความเสมอภาคทางเพศ <br />นั้นย่อมส่งผลต่อความมั่นคงของทรัพยากรมนุษย์ <br />ประกอบกับปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และ การเมือง วันนี้คนไม่มีทางเลือกมากนัก<br /> นอกจากการสร้างความมั่นคงของตนเองทางเศรษฐกิจ <br />ด้วยการทุ่มเทกับการทำงาน ทำงาน ทำงาน<br />ที่เป็นทางรอดของคนในสังคมวันนี้ <br />เพื่อที่จะกระเสือกกระสนใช้ชีวิตในประเทศที่มีค่าครองชีพสูงเมื่อเทียบกับรายได้ <br /><br />ในชีวิตที่กระเสือกกระสนนี้ ส่งผลกระทบอย่างไร<br />หากเราดูจากอัตราการเกิดของประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง <br />โดยเฉพาะ จากช่วงรัฐประหารนั้น อัตราการเกิดลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ <br /><br />จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศในระยะยาว โรงเรียนจะปิดตัว ครูจะตกงาน เราจะไม่มีแรงงานทั้งภาคเอกชน และ รัฐ ที่เป็นพลังสร้างความมั่นคง และ มั่งคั่งให้กับประเทศ <br />หากไม่แก้ไขและไม่เข้าใจความเท่าเทียมทางเพศ <br />นี่คือความสูญเสียของประเทศที่จะประเมินไม่ได้ <br /><br />เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก <br /><br />งานของผู้หญิง อย่างเช่น งานบ้าน งานทำอาหารในครัว <br />งานดูแลให้คนในบ้านกินอิ่นนอนหลับสบายเป็นงานที่ไม่ได้ถูกรวมในมูลค่าทางเศรษฐกิจ <br />หรือ งานดูแลลูก <br />ผู้หญิงต้องออกจากการทำงานที่ได้เงิน มาทำงานที่ไม่ได้เงิน<br />และงานที่พวกเธอทำก็ยังเป็นส่วนลดให้ผู้ชายด้วย<br /><br /><br />หรือตัวอย่างเช่นในด้าน “โครงสร้าง” ขององค์กรต่าง ๆ <br />ท่านไม่ทราบหรือว่าผู้หญิงนั้นเรียนสูงกว่า แต่ไม่สามารถที่จะอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงได้ หรือเมื่อดูในระบบราชการผู้ชายมีสัดส่วนมากกว่าผู้หญิงมาก <br /><br />มายาคติต่อผู้หญิง <br />ทำงานไม่นานก็ต้องออกจากงานไปเลี้ยงลูก <br />ทำงานคงไม่นานไม่จำเป็นต้องเลื่อนตำแหน่งขึ้นไประดับสูง เพราะไม่น่ามีศักยภาพมากเพียงพอ เพราะต้องแบ่งเวลาให้กับการเลี้ยงลูกเป็นต้น <br /><br />งบกรมกิจการสตรีสถาบันครอบครัว ที่พยามสร้างความเท่าเทียมแต่ไม่มีประสิทธิภาพ<br />งบรวม 214.3 ล้านบาท 1 ใน 3 เป็นงบบุคลากร <br />งบ 112.95 ล้านบาท เป็นงบดำเนินการและลงทุนของราชการ<br />30 ล้านบาท เป็นงานอีเวนท์กิจกรรมสตรี ที่ไม่ได้สร้างความเสมอภาคจริง ๆ <br />เมื่อดูผลจากตัวชีวิตทำได้ไม่ถึง 1 ใน 10 จากเป้าที่ต้งไว้<br /><br />งานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าประเวณี และ โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและลดความเหลื่อมล้ำทางเพศ งบเกือบ 20 ล้านตรงนี้หมดไปกับค่าจัดประชุมและเบี้ยประชุม<br /><br />ส่วนโครงการอบรมอาชีพ ก็ไม่ได้พัฒนาศักยภาพบทบาทสตรี แต่กลับอบรมงานที่ล้าสมัย และให้ผู้หญิงเป็นคนที่ทำงานหนักแบบนั้น เหมือนการทอดไข่ดาว ผู้หญิงทอดไข่ดาวให้ลูกให้สามี แต่หลังจากส่งเสริมอาชีพแล้ว ก็กลายเป็นการทอดไข่ฟองที่ 3 ขาย <br />ไม่สอนการคิดวิเคราะห์ การสร้างมูลค่าเพิ่ม เปิดตลาด ให้ผู้หญิงมีบทบาทเป็นผู้ประกอบการ <br /><br />เมื่อการส่งเสริมสตรีผ่านราชการไม่ตอบโจทย์<br />การสร้างความเท่าเทียมทางเพศ คือต้องลดภาระผู้หญิง<br /><br />สิ่งที่รัฐยังไม่จัดสรรงบประมาณคือช่วง 2 ปีแรกที่ดูแลเด็กอ่อน Day Care <br />ซึ่งเป็นช่วงที่สำคัญมาก และรัฐยังมองไม่เห็นภาระของผู้หญิงตรงนี้ <br /><br />และ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่มีงบประมาณน้อยมาก <br />ได้งบ 19,675 ล้านบาทจากรัฐบาล เฉลี่ยที่ละ 1.02 ล้านบาท <br />ซึ่งดูแลเด็กประมาณ 8 แสนกว่าคน <br /><br />หรือในกรุงเทพ มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กถึง 298 ศูนย์ <br />แต่ได้งบเพียง 5.12 ล้านบาท <br /><br />มันเพียงพอสำหรับสำหรับอนาคตของชาติไหมคะ<br /><br /><br />เด็กที่ควรได้รับการดูแลอย่างถ้วนหน้า <br />ปัจจุบันเรามีเด็กอายุ 0 - 6 ปี ทั้งหมด 4.67 ล้านคน <br />แต่ท่านก็เลือกการอุดหนุนเด็กแบบไม่ถ้วนหน้า <br />จากเงื่อนไขความยากจนของผู้ปกครอง <br />ทำให้กลุ่มเด็กที่ควรจะได้รับเงินอุดหนุน จาก 4.67 ล้านคน เหลือเพียง 2.1 ล้านคน หรือ 45% ของเด็กทั้งหมด<br /><br />และซ้ำร้าย แม้ท่านจะกำหนดเงินอุดหนุนเด็กที่ไม่ถ้วนหน้าแล้ว ก็ยังไม่ทั่วถึงอีก โดยการจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เด็กที่รับเงินอุดหนุนจริง ๆ เพียงแค่ 1.07 ล้านคนเท่านั้น หรือ 23 %<br /><br />ท่านทราบไหมคะ ค่าเฉลี่ยประเทศที่พัฒนาแล้ว มีสัดส่วนในการอุดหนุนเด็กสูงถึง 1.23% ของ GDP แต่สำหรับประเทศไทยนั้น ถ้าเทียบจาก GDP แล้ว แค่ 0.08 % เป็นการอุดหนุนที่น่าเวทนามาก. ๆ คะ<br /><br />ธัญไม่สามารถเห็นด้วยกับการหลักการงบประมาณนี้ได้ ถ้าไม่<br />1. เพิ่มเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดถึง 6 ปี เป็นการอุดหนุนถ้วนหน้า เป็นเดือนละ 1,200 บาท<br />2. ถ้าไม่เพิ่มเงินอุดหนุนศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อย่างที่กล่าวมาแล้วคะท่าน งบน้อยมาก <br />3. ไม่สามารถเห็นด้วยกับหลักการณ์ถ้าไม่มีการจัดสรรงบทำศูนย์เลี้ยงเด็กเล็ก และ บรรจุแรงงาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาท่ีเหมาะมากในขณะนี้ เรากำลังมีคนตกงาน แต่ถ้าเราพัฒนาฝีกอบรมในการดูแลเด็กแบบมืออาชีพให้กับคนที่สนใจ มีใจรักเด็ก การบรรจุแรงงานตรงนี้ก็จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้มาก และ ในทางกลับกัน ก็คืนพื้นที่ผู้หญิงอีกส่วนได้กลับไปทำงาน ก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่นกัน และ ยังมีทรัพยากรมนุษย์ที่จะเติบโตมากขึ้น เรียกว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ถึง 3 เท่า <br />4. มาตรการที่ไม่ใช่งบประมาณ เช่น ออกกฎหมาย ออกแบบการลดหย่อนภาษี สำหรับการกำหนดพื้นที่การดูแลเด็กเล็ก ในพื้นที่ประกอบการ พรรคก้าวไกลไม่คิดว่าจะจัดเก็บภาษีได้น้อย แต่มันคือการจัดสรรงบประมาณให้บริษัทได้ทันที และเป็นการสร้างแรงจูงใจ <br />5. พรรคก้าวไกลจะใช้มุมมองในการจัดสรรงบประมาณทั้งหมดให้มีมุมมองเพศ โดยใช้แนวคิด Gender Responsive Budgeting นโยบายจัดสรรงบประมาณเพื่อตอบสนองและส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ <br /><br />ทิ้งท้ายคะ<br />ธัญไม่สามารถรับงบประมาณนี้ได้ เพราะงบนี้ไม่ได้ส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์ให้เสมอภาค แต่ยิ่งทำให้เราสูญสิ้นทรัพยากรที่ประเมินค่าไม่ได้ คือ มนุษย์ คะ<br /><br />แต่พรรคก้าวไกลจะจัดสรรงบประมาณอย่างที่กล่าวมาเราทุกคนสามารถเปลี่ยนคำพูด “เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก”<br />เป็น “เกิดเป็นหญิงที่จริงไม่ลำบากเลย” คะ<br /><a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=ธัญวัจน์\" title=\"#ธัญวัจน์\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#ธัญวัจน์</a> <a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=พรรคก้าวไกล\" title=\"#พรรคก้าวไกล\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#พรรคก้าวไกล</a>",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1125406972293832704",
"published": "2020-07-02T12:45:29+00:00",
"source": {
"content": "\nธัญขออภิปรายในส่วน “งบของทุกคน” ของพรรคก้าวไกล\nและใช้ขื่อหัวข้อในการอภิปรายของธัญคือ\n“งบประมาณที่ไม่เห็นหัวผู้หญิง”\n\nการจัดสรรงบประมาณของรัฐที่ไม่เข้าใจความเสมอภาคทางเพศ \nนั้นย่อมส่งผลต่อความมั่นคงของทรัพยากรมนุษย์ \nประกอบกับปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และ การเมือง วันนี้คนไม่มีทางเลือกมากนัก\n นอกจากการสร้างความมั่นคงของตนเองทางเศรษฐกิจ \nด้วยการทุ่มเทกับการทำงาน ทำงาน ทำงาน\nที่เป็นทางรอดของคนในสังคมวันนี้ \nเพื่อที่จะกระเสือกกระสนใช้ชีวิตในประเทศที่มีค่าครองชีพสูงเมื่อเทียบกับรายได้ \n\nในชีวิตที่กระเสือกกระสนนี้ ส่งผลกระทบอย่างไร\nหากเราดูจากอัตราการเกิดของประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง \nโดยเฉพาะ จากช่วงรัฐประหารนั้น อัตราการเกิดลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ \n\nจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศในระยะยาว โรงเรียนจะปิดตัว ครูจะตกงาน เราจะไม่มีแรงงานทั้งภาคเอกชน และ รัฐ ที่เป็นพลังสร้างความมั่นคง และ มั่งคั่งให้กับประเทศ \nหากไม่แก้ไขและไม่เข้าใจความเท่าเทียมทางเพศ \nนี่คือความสูญเสียของประเทศที่จะประเมินไม่ได้ \n\nเกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก \n\nงานของผู้หญิง อย่างเช่น งานบ้าน งานทำอาหารในครัว \nงานดูแลให้คนในบ้านกินอิ่นนอนหลับสบายเป็นงานที่ไม่ได้ถูกรวมในมูลค่าทางเศรษฐกิจ \nหรือ งานดูแลลูก \nผู้หญิงต้องออกจากการทำงานที่ได้เงิน มาทำงานที่ไม่ได้เงิน\nและงานที่พวกเธอทำก็ยังเป็นส่วนลดให้ผู้ชายด้วย\n\n\nหรือตัวอย่างเช่นในด้าน “โครงสร้าง” ขององค์กรต่าง ๆ \nท่านไม่ทราบหรือว่าผู้หญิงนั้นเรียนสูงกว่า แต่ไม่สามารถที่จะอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงได้ หรือเมื่อดูในระบบราชการผู้ชายมีสัดส่วนมากกว่าผู้หญิงมาก \n\nมายาคติต่อผู้หญิง \nทำงานไม่นานก็ต้องออกจากงานไปเลี้ยงลูก \nทำงานคงไม่นานไม่จำเป็นต้องเลื่อนตำแหน่งขึ้นไประดับสูง เพราะไม่น่ามีศักยภาพมากเพียงพอ เพราะต้องแบ่งเวลาให้กับการเลี้ยงลูกเป็นต้น \n\nงบกรมกิจการสตรีสถาบันครอบครัว ที่พยามสร้างความเท่าเทียมแต่ไม่มีประสิทธิภาพ\nงบรวม 214.3 ล้านบาท 1 ใน 3 เป็นงบบุคลากร \nงบ 112.95 ล้านบาท เป็นงบดำเนินการและลงทุนของราชการ\n30 ล้านบาท เป็นงานอีเวนท์กิจกรรมสตรี ที่ไม่ได้สร้างความเสมอภาคจริง ๆ \nเมื่อดูผลจากตัวชีวิตทำได้ไม่ถึง 1 ใน 10 จากเป้าที่ต้งไว้\n\nงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าประเวณี และ โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและลดความเหลื่อมล้ำทางเพศ งบเกือบ 20 ล้านตรงนี้หมดไปกับค่าจัดประชุมและเบี้ยประชุม\n\nส่วนโครงการอบรมอาชีพ ก็ไม่ได้พัฒนาศักยภาพบทบาทสตรี แต่กลับอบรมงานที่ล้าสมัย และให้ผู้หญิงเป็นคนที่ทำงานหนักแบบนั้น เหมือนการทอดไข่ดาว ผู้หญิงทอดไข่ดาวให้ลูกให้สามี แต่หลังจากส่งเสริมอาชีพแล้ว ก็กลายเป็นการทอดไข่ฟองที่ 3 ขาย \nไม่สอนการคิดวิเคราะห์ การสร้างมูลค่าเพิ่ม เปิดตลาด ให้ผู้หญิงมีบทบาทเป็นผู้ประกอบการ \n\nเมื่อการส่งเสริมสตรีผ่านราชการไม่ตอบโจทย์\nการสร้างความเท่าเทียมทางเพศ คือต้องลดภาระผู้หญิง\n\nสิ่งที่รัฐยังไม่จัดสรรงบประมาณคือช่วง 2 ปีแรกที่ดูแลเด็กอ่อน Day Care \nซึ่งเป็นช่วงที่สำคัญมาก และรัฐยังมองไม่เห็นภาระของผู้หญิงตรงนี้ \n\nและ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่มีงบประมาณน้อยมาก \nได้งบ 19,675 ล้านบาทจากรัฐบาล เฉลี่ยที่ละ 1.02 ล้านบาท \nซึ่งดูแลเด็กประมาณ 8 แสนกว่าคน \n\nหรือในกรุงเทพ มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กถึง 298 ศูนย์ \nแต่ได้งบเพียง 5.12 ล้านบาท \n\nมันเพียงพอสำหรับสำหรับอนาคตของชาติไหมคะ\n\n\nเด็กที่ควรได้รับการดูแลอย่างถ้วนหน้า \nปัจจุบันเรามีเด็กอายุ 0 - 6 ปี ทั้งหมด 4.67 ล้านคน \nแต่ท่านก็เลือกการอุดหนุนเด็กแบบไม่ถ้วนหน้า \nจากเงื่อนไขความยากจนของผู้ปกครอง \nทำให้กลุ่มเด็กที่ควรจะได้รับเงินอุดหนุน จาก 4.67 ล้านคน เหลือเพียง 2.1 ล้านคน หรือ 45% ของเด็กทั้งหมด\n\nและซ้ำร้าย แม้ท่านจะกำหนดเงินอุดหนุนเด็กที่ไม่ถ้วนหน้าแล้ว ก็ยังไม่ทั่วถึงอีก โดยการจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เด็กที่รับเงินอุดหนุนจริง ๆ เพียงแค่ 1.07 ล้านคนเท่านั้น หรือ 23 %\n\nท่านทราบไหมคะ ค่าเฉลี่ยประเทศที่พัฒนาแล้ว มีสัดส่วนในการอุดหนุนเด็กสูงถึง 1.23% ของ GDP แต่สำหรับประเทศไทยนั้น ถ้าเทียบจาก GDP แล้ว แค่ 0.08 % เป็นการอุดหนุนที่น่าเวทนามาก. ๆ คะ\n\nธัญไม่สามารถเห็นด้วยกับการหลักการงบประมาณนี้ได้ ถ้าไม่\n1. เพิ่มเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดถึง 6 ปี เป็นการอุดหนุนถ้วนหน้า เป็นเดือนละ 1,200 บาท\n2. ถ้าไม่เพิ่มเงินอุดหนุนศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อย่างที่กล่าวมาแล้วคะท่าน งบน้อยมาก \n3. ไม่สามารถเห็นด้วยกับหลักการณ์ถ้าไม่มีการจัดสรรงบทำศูนย์เลี้ยงเด็กเล็ก และ บรรจุแรงงาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาท่ีเหมาะมากในขณะนี้ เรากำลังมีคนตกงาน แต่ถ้าเราพัฒนาฝีกอบรมในการดูแลเด็กแบบมืออาชีพให้กับคนที่สนใจ มีใจรักเด็ก การบรรจุแรงงานตรงนี้ก็จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้มาก และ ในทางกลับกัน ก็คืนพื้นที่ผู้หญิงอีกส่วนได้กลับไปทำงาน ก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่นกัน และ ยังมีทรัพยากรมนุษย์ที่จะเติบโตมากขึ้น เรียกว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ถึง 3 เท่า \n4. มาตรการที่ไม่ใช่งบประมาณ เช่น ออกกฎหมาย ออกแบบการลดหย่อนภาษี สำหรับการกำหนดพื้นที่การดูแลเด็กเล็ก ในพื้นที่ประกอบการ พรรคก้าวไกลไม่คิดว่าจะจัดเก็บภาษีได้น้อย แต่มันคือการจัดสรรงบประมาณให้บริษัทได้ทันที และเป็นการสร้างแรงจูงใจ \n5. พรรคก้าวไกลจะใช้มุมมองในการจัดสรรงบประมาณทั้งหมดให้มีมุมมองเพศ โดยใช้แนวคิด Gender Responsive Budgeting นโยบายจัดสรรงบประมาณเพื่อตอบสนองและส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ \n\nทิ้งท้ายคะ\nธัญไม่สามารถรับงบประมาณนี้ได้ เพราะงบนี้ไม่ได้ส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์ให้เสมอภาค แต่ยิ่งทำให้เราสูญสิ้นทรัพยากรที่ประเมินค่าไม่ได้ คือ มนุษย์ คะ\n\nแต่พรรคก้าวไกลจะจัดสรรงบประมาณอย่างที่กล่าวมาเราทุกคนสามารถเปลี่ยนคำพูด “เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก”\nเป็น “เกิดเป็นหญิงที่จริงไม่ลำบากเลย” คะ\n#ธัญวัจน์ #พรรคก้าวไกล",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1125406972293832704/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1124718548756783104",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"content": "ธัญได้รับเชิญร่วมงาน LGBTI Policy Roundtable Discussion(เสวนาโต๊ะกลมนโยบายความหลากหลายทางเพศ) ที่จัดโดยสถานฑูตสหรัฐอเมริกา และ สถานฑูตอังกฤษ ซึ่งในงานนี้มีท่านเอกอัครราชทูตทั้ง 2 ท่าน ได้แก่ Michael George DeSombre เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา และ Brian Davidson เอกอัครราชทูตเข้าร่วมเสวนาด้วย และในฐานะผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล ที่พรรคมีนโยบายส่งเสริมความเสมอภาคในความหลากหลาย เราได้ผลักดัน พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 - 6 “สมรสเท่าเท่ียมทุกเพศ” และได้ยื่นเข้าสู่กระบวนการและขั้นตอนของรัฐสภา เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ธัญมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมเป็นผู้อภิปราย 1 ใน 6 Panelist ในงานวันนี้ <br /><br />ทำไมต้องเป้นการแก้ประมวลแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 - 6 (ครอบครัว และ มรดก) เพราะการแก้กฏหมายดังกล่าวคือการทำให้คนทุกเพศยืนอย่างเสมอภาคต่อกันหน้ากฎหมาย จากการจำกัดเพียงแค่เพศชายเพศหญิง ที่ต้องสมรสกันเท่านั้น เปลี่ยนเป็น บุคคล และ บุคคล เปลี่ยนจาก สามี ภริยา เป็น คู่สมรส โดยมองความเป็นมนุษย์แต่ขยายสิทธิ์จากเดิมสู่คนทุกเพศด้วยความเท่าเทียม และสามารถสร้างครอบครัวได้ตามสิทธิขึ้นพื้นฐาน และการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งในครั้งนี้ ก็จะส่งผลให้กับกฎหมายอื่น ๆ ที่มีคำว่าคู่สมรสนั้นได้รับสิทธิ์ และการปกป้องดูแลด้วยความเสมอภาค <br /><br />ทางพรรคก้าวไกลนั้น มีการแก้หมวดหมั้น ซึ่งใครไม่ว่าจะเพศอะไรก็สามารถเป็นผู้หมั้นได้ โดยที่อีกฝ่ายเป็นผู้รับหมั้น ส่วนในคำว่า บิดา มารดา ทางพรรคก้าวไกลไม่ได้เปลี่ยนคำดังกล่าว เพราะหลังจากการศึกษารอบด้านแล้ว ธัญพบว่ามีกฎหมายหลายร้อยฉบับที่เกี่ยวข้องกับเด็ก และ บิดา มารดา ซึ่งอาจจะกระทบกับ สิทธิต่าง ๆ ที่เด็กพึงได้รับ ในฐานะเป็นผู้สืบสายโลหิต และพรรคก้าวไกลโอบรับความหลากหลาย ว่าในแต่ละครอบครัวนั้นย่อมมีความแตกต่าง และการแก้คำว่า ชาย หญิง สามี ภริยา ก็นำพาความ เสมอภาคสู่ทุกเพศแล้ว<br /><br />สิทธิในการจดทะเบียนสมรส เป็นคู่สมรสตามกฎหมาย จะมี<br />สิทธิ หน้าที่ และ ศักดิ์ศรี ในการเป็นคู่สมรสตามกฎหมาย มีหน้าที่อุปการะซึ่งกันและกัน <br />สิทธิเรียกร้องค่าอุปการะ <br />สิทธิดำเนินคดีอาญาแทนคู่สมรสอีกฝ่าย <br />สิทธิจัดการทรัพย์สินร่วมกัน <br />สิทธิการให้มรดก <br />สิทธิในการเลิกการเป็นคู่รส <br />สิทธิในการฟ้องเลิกการเป็นคู่สมรสโดยเหตุแห่งความผิดของอีกฝ่าย <br />สิทธิรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน <br />สิทธิในการดำเนินการตั้งครรภ์แทนโดยเทคโนโลยีฯ สิทธิในการเป็นผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนไร้ความสามารถ <br />สิทธิเซ็นยินยอมรักษาพยาบาลอีกฝ่าย <br />สิทธิในการจัดงานศพอีกฝ่าย <br />สิทธิในการรับสวัสดิการร่วมจากรัฐในฐานะคู่สมรส สิทธิในกองทุนประกันสังคมในฐานะคู่สมรส <br />สิทธิการใช้ชื่อสกุลร่วมกับคู่อีกฝ่าย <br />สิทธิในการขอสัญชาติให้คู่สมรส <br />สิทธิในการขอวีซ่าให้คู่สมรส เป็นต้น<br /><br />ส่วนประเด็น พ.ร.บ. คู่ชีวิตที่กำลังจะเข้าสภานั้น ธัญยังคงต้องรอดูร่างทั้งหมด เพราะที่ปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน เมื่อเดือน ส.ค. 2562 ที่ผ่านมานั้น พ.ร.บ. คู่ชีวิต ยังไม่สามารถรับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้ ไม่สามารถรับสวัสดิการจากรัฐในฐานะคู่สมรสตามกฎหมาย ในกรณีคู่อีกฝ่ายรับราชการ กรณีคู่อีกฝ่ายเป็นชาวต่างชาติ ยังไม่สามารถขอเปลี่ยนสัญชาติ และ ไม่สามารถดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทน โดยใช้เทคโนโลยีฯ <br />ณ ปัจจุบัน ร่าง พ.ร.บ. คู่ชีวิต ฉบับที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ว่าหลังจากรับฟังความคิดเห็น ประชาชน ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2562 จะมีการแก้ไขไปในทิศทางใด<br /><br />แต่อย่างไรก็ตาม หากจะคิดว่าซ้ำซ้อน ก็คิดได้ เพราะในต่างประเทศ เช่นใน ประเทศ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ก็มีกฎหมายให้พลเมืองของรัฐเลือกหลายรูปแบบ ว่า คู่รักอยากจะจดทะเบียนเป็น คู่ชีวิต แบบ Civil Partnership หรือ คู่สมรส แบบ Marriage ก็ได้ ธัญอยากสื่อสารให้ชัดเจนว่า Civil Partnership ไม่ใช่ Marriage ดังนั้น หากเราจะผลักดันให้เกิดความเสมอภาคเท่าเทียมที่แท้จริง เราก็ต้องผลักดันกฎหมายที่กฎหมายหลัก คือ ปพพ. หาก ไปเริ่มที่ Civil Partnership ตอนนี้ อีกไม่นาน ก็ต้องแก้ไข ปพพ. อยู่ดี ทำไมเราไปแก้ไข ปพพ. ไปเสียทีเดียว <a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=ธัญวัจน์\" title=\"#ธัญวัจน์\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#ธัญวัจน์</a> <a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=พรรคก้าวไกล\" title=\"#พรรคก้าวไกล\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#พรรคก้าวไกล</a> ",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1124718548756783104",
"published": "2020-06-30T15:09:56+00:00",
"source": {
"content": "ธัญได้รับเชิญร่วมงาน LGBTI Policy Roundtable Discussion(เสวนาโต๊ะกลมนโยบายความหลากหลายทางเพศ) ที่จัดโดยสถานฑูตสหรัฐอเมริกา และ สถานฑูตอังกฤษ ซึ่งในงานนี้มีท่านเอกอัครราชทูตทั้ง 2 ท่าน ได้แก่ Michael George DeSombre เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา และ Brian Davidson เอกอัครราชทูตเข้าร่วมเสวนาด้วย และในฐานะผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล ที่พรรคมีนโยบายส่งเสริมความเสมอภาคในความหลากหลาย เราได้ผลักดัน พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 - 6 “สมรสเท่าเท่ียมทุกเพศ” และได้ยื่นเข้าสู่กระบวนการและขั้นตอนของรัฐสภา เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ธัญมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมเป็นผู้อภิปราย 1 ใน 6 Panelist ในงานวันนี้ \n\nทำไมต้องเป้นการแก้ประมวลแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 - 6 (ครอบครัว และ มรดก) เพราะการแก้กฏหมายดังกล่าวคือการทำให้คนทุกเพศยืนอย่างเสมอภาคต่อกันหน้ากฎหมาย จากการจำกัดเพียงแค่เพศชายเพศหญิง ที่ต้องสมรสกันเท่านั้น เปลี่ยนเป็น บุคคล และ บุคคล เปลี่ยนจาก สามี ภริยา เป็น คู่สมรส โดยมองความเป็นมนุษย์แต่ขยายสิทธิ์จากเดิมสู่คนทุกเพศด้วยความเท่าเทียม และสามารถสร้างครอบครัวได้ตามสิทธิขึ้นพื้นฐาน และการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งในครั้งนี้ ก็จะส่งผลให้กับกฎหมายอื่น ๆ ที่มีคำว่าคู่สมรสนั้นได้รับสิทธิ์ และการปกป้องดูแลด้วยความเสมอภาค \n\nทางพรรคก้าวไกลนั้น มีการแก้หมวดหมั้น ซึ่งใครไม่ว่าจะเพศอะไรก็สามารถเป็นผู้หมั้นได้ โดยที่อีกฝ่ายเป็นผู้รับหมั้น ส่วนในคำว่า บิดา มารดา ทางพรรคก้าวไกลไม่ได้เปลี่ยนคำดังกล่าว เพราะหลังจากการศึกษารอบด้านแล้ว ธัญพบว่ามีกฎหมายหลายร้อยฉบับที่เกี่ยวข้องกับเด็ก และ บิดา มารดา ซึ่งอาจจะกระทบกับ สิทธิต่าง ๆ ที่เด็กพึงได้รับ ในฐานะเป็นผู้สืบสายโลหิต และพรรคก้าวไกลโอบรับความหลากหลาย ว่าในแต่ละครอบครัวนั้นย่อมมีความแตกต่าง และการแก้คำว่า ชาย หญิง สามี ภริยา ก็นำพาความ เสมอภาคสู่ทุกเพศแล้ว\n\nสิทธิในการจดทะเบียนสมรส เป็นคู่สมรสตามกฎหมาย จะมี\nสิทธิ หน้าที่ และ ศักดิ์ศรี ในการเป็นคู่สมรสตามกฎหมาย มีหน้าที่อุปการะซึ่งกันและกัน \nสิทธิเรียกร้องค่าอุปการะ \nสิทธิดำเนินคดีอาญาแทนคู่สมรสอีกฝ่าย \nสิทธิจัดการทรัพย์สินร่วมกัน \nสิทธิการให้มรดก \nสิทธิในการเลิกการเป็นคู่รส \nสิทธิในการฟ้องเลิกการเป็นคู่สมรสโดยเหตุแห่งความผิดของอีกฝ่าย \nสิทธิรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน \nสิทธิในการดำเนินการตั้งครรภ์แทนโดยเทคโนโลยีฯ สิทธิในการเป็นผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนไร้ความสามารถ \nสิทธิเซ็นยินยอมรักษาพยาบาลอีกฝ่าย \nสิทธิในการจัดงานศพอีกฝ่าย \nสิทธิในการรับสวัสดิการร่วมจากรัฐในฐานะคู่สมรส สิทธิในกองทุนประกันสังคมในฐานะคู่สมรส \nสิทธิการใช้ชื่อสกุลร่วมกับคู่อีกฝ่าย \nสิทธิในการขอสัญชาติให้คู่สมรส \nสิทธิในการขอวีซ่าให้คู่สมรส เป็นต้น\n\nส่วนประเด็น พ.ร.บ. คู่ชีวิตที่กำลังจะเข้าสภานั้น ธัญยังคงต้องรอดูร่างทั้งหมด เพราะที่ปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน เมื่อเดือน ส.ค. 2562 ที่ผ่านมานั้น พ.ร.บ. คู่ชีวิต ยังไม่สามารถรับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้ ไม่สามารถรับสวัสดิการจากรัฐในฐานะคู่สมรสตามกฎหมาย ในกรณีคู่อีกฝ่ายรับราชการ กรณีคู่อีกฝ่ายเป็นชาวต่างชาติ ยังไม่สามารถขอเปลี่ยนสัญชาติ และ ไม่สามารถดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทน โดยใช้เทคโนโลยีฯ \nณ ปัจจุบัน ร่าง พ.ร.บ. คู่ชีวิต ฉบับที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ว่าหลังจากรับฟังความคิดเห็น ประชาชน ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2562 จะมีการแก้ไขไปในทิศทางใด\n\nแต่อย่างไรก็ตาม หากจะคิดว่าซ้ำซ้อน ก็คิดได้ เพราะในต่างประเทศ เช่นใน ประเทศ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ก็มีกฎหมายให้พลเมืองของรัฐเลือกหลายรูปแบบ ว่า คู่รักอยากจะจดทะเบียนเป็น คู่ชีวิต แบบ Civil Partnership หรือ คู่สมรส แบบ Marriage ก็ได้ ธัญอยากสื่อสารให้ชัดเจนว่า Civil Partnership ไม่ใช่ Marriage ดังนั้น หากเราจะผลักดันให้เกิดความเสมอภาคเท่าเทียมที่แท้จริง เราก็ต้องผลักดันกฎหมายที่กฎหมายหลัก คือ ปพพ. หาก ไปเริ่มที่ Civil Partnership ตอนนี้ อีกไม่นาน ก็ต้องแก้ไข ปพพ. อยู่ดี ทำไมเราไปแก้ไข ปพพ. ไปเสียทีเดียว #ธัญวัจน์ #พรรคก้าวไกล ",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1124718548756783104/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1123233569951580160",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"content": "<br />จากกรณีที่มีกระแสข่าวโรงเรียนแห่งหนึ่งออกเอกสารส่งไปยังโรงเรียนในเครือ มีรายละเอียดตอนหนึ่งหนึ่งระบุว่า “โรงเรียนมีความเป็นห่วงเรื่องอภิบาลการแสดงออกทางเพศของนักเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีชั้นมัธยม เมื่อนักเรียนอยู่ในช่วงวัยรุ่นจะมีการแสดงออกทางเพศที่ปกติและไม่ปกติ ถ้าไม่ปกติครูต้องสอนครูต้องสอนนักเรียนให้รู้”<br /><br /><a href=\"http://www.voicetv.co.th/read/B6sI9MsRF\" target=\"_blank\">http://www.voicetv.co.th/read/B6sI9MsRF</a><br /><br /><a href=\"https://www.innnews.co.th/politics/news_708802/\" target=\"_blank\">https://www.innnews.co.th/politics/news_708802/</a>",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1123233569951580160",
"published": "2020-06-26T12:49:11+00:00",
"source": {
"content": "\nจากกรณีที่มีกระแสข่าวโรงเรียนแห่งหนึ่งออกเอกสารส่งไปยังโรงเรียนในเครือ มีรายละเอียดตอนหนึ่งหนึ่งระบุว่า “โรงเรียนมีความเป็นห่วงเรื่องอภิบาลการแสดงออกทางเพศของนักเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีชั้นมัธยม เมื่อนักเรียนอยู่ในช่วงวัยรุ่นจะมีการแสดงออกทางเพศที่ปกติและไม่ปกติ ถ้าไม่ปกติครูต้องสอนครูต้องสอนนักเรียนให้รู้”\n\nhttp://www.voicetv.co.th/read/B6sI9MsRF\n\nhttps://www.innnews.co.th/politics/news_708802/",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1123233569951580160/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1121713828979937280",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"content": "[ 2 Clip VDO การอภิปราย พ.ร.บ. โอนงบประมาณ ส.ส. ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ : คำปรารภ และ งบโอนกระทรวงวัฒนธรรม]<br /><br />งบดูงานมหาดไทยพันล้านไม่ยอมโอน จริงใจช่วยประชาชนจริงหรือ ?<br /><br />กระทรวงมหาดไทย มีงบประมาณสัมนาและดูงานต่างประเทศเหลือกว่าหนึ่งพันล้านบาทที่ไม่โอนกลับมา ขณะที่สำนักงบประมาณยังยืนยันว่า การดำเนินการเช่นนี้ตรงวัตถุประสงค์ตาม มติ ครม. ภาพที่ต่างออกไปในพื้นที่ คือ ตายายที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงซึ่งแทบไม่มีเงินซื้อน้ำกิน นอกจากนี้ ยังมีอีกข้อสังเกตที่ว่า แม้หลายหน่วยงานจะโอนงบประมาณไปแล้ว แต่กลับไม่มีคำยืนยันว่า หน่วยงานเหล่านี้จะขอตั้งงบกลับคืนมาจากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 400,000 ล้านหรือไม่ นี่คือความสงสัยถึงความจริงใจในการช่วยเหลือประชาชน<br />.<br />ลิงก์อภิปราย <a href=\"https://youtu.be/5wcj8dbVppA\" target=\"_blank\">https://youtu.be/5wcj8dbVppA</a><br /><br />เราไม่ได้ต้องการค่านิยม 12 ประการ แต่เราต้องการวัคซีน<br /><br />กระทรวงวัฒนธรรม ยังคงปรับโอนงบได้อีก งบประมาณ เช่น การสร้างค่านิยม 12 ประการในสถานศึกษาหรือกรมศาสนา 47 ล้าน กลับโอนมาเพียง 1.5 ล้านบาท งบสร้างค่านิยมความเป็นไทย 86 ล้าน โอนได้เพียง 2 ล้านบาท งบเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นในเวลานี้เพราะประชาชนไม่ได้ต้องการค่านิยมแต่ต้องการวัคซีน นอกจากนี้ยังมีงบที่เกี่ยวกับความร่วมมือความสัมพันธ์กับต่างประเทศของ สำนักงานปลัดกระทรวง และสำนักงานศิลปร่วมสมัย ที่ตัดได้อีกเพราะกิจกรรมเชิงเครือข่ายวัฒนธรรมเหล่านี้ยังทำไม่ได้แต่กลับโอนกลับมาน้อยมาก ในส่วนที่ไม่ควรตัดแต่กลับตัด คือโครงการเกี่ยวกับปากท้องศิลปินท้องถิ่นพื้นบ้านและโครงการที่เป็นการลงทุนโดยตรง เช่น โครงการค่าใช้จ่ายในการสร้างรายได้สำหรับนักแสดงพื้นบ้านถูกตัดออกไปเกือบหมด งบส่งเสริมสืบสานมรดกท้องถิ่น งบส่งเสริมให้เด็กเล่นดนตรีก็ตัดไปร้อยละ 93 เป็นต้น<br />.<br />ลิงก์การอภิปราย <a href=\"https://youtu.be/srED-n1hYqU\" target=\"_blank\">https://youtu.be/srED-n1hYqU</a><br />.<a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=ธัญวัจน์\" title=\"#ธัญวัจน์\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#ธัญวัจน์</a> <a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=พรรคก้าวไกล\" title=\"#พรรคก้าวไกล\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#พรรคก้าวไกล</a> ",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1121713828979937280",
"published": "2020-06-22T08:10:17+00:00",
"source": {
"content": "[ 2 Clip VDO การอภิปราย พ.ร.บ. โอนงบประมาณ ส.ส. ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ : คำปรารภ และ งบโอนกระทรวงวัฒนธรรม]\n\nงบดูงานมหาดไทยพันล้านไม่ยอมโอน จริงใจช่วยประชาชนจริงหรือ ?\n\nกระทรวงมหาดไทย มีงบประมาณสัมนาและดูงานต่างประเทศเหลือกว่าหนึ่งพันล้านบาทที่ไม่โอนกลับมา ขณะที่สำนักงบประมาณยังยืนยันว่า การดำเนินการเช่นนี้ตรงวัตถุประสงค์ตาม มติ ครม. ภาพที่ต่างออกไปในพื้นที่ คือ ตายายที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงซึ่งแทบไม่มีเงินซื้อน้ำกิน นอกจากนี้ ยังมีอีกข้อสังเกตที่ว่า แม้หลายหน่วยงานจะโอนงบประมาณไปแล้ว แต่กลับไม่มีคำยืนยันว่า หน่วยงานเหล่านี้จะขอตั้งงบกลับคืนมาจากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 400,000 ล้านหรือไม่ นี่คือความสงสัยถึงความจริงใจในการช่วยเหลือประชาชน\n.\nลิงก์อภิปราย https://youtu.be/5wcj8dbVppA\n\nเราไม่ได้ต้องการค่านิยม 12 ประการ แต่เราต้องการวัคซีน\n\nกระทรวงวัฒนธรรม ยังคงปรับโอนงบได้อีก งบประมาณ เช่น การสร้างค่านิยม 12 ประการในสถานศึกษาหรือกรมศาสนา 47 ล้าน กลับโอนมาเพียง 1.5 ล้านบาท งบสร้างค่านิยมความเป็นไทย 86 ล้าน โอนได้เพียง 2 ล้านบาท งบเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นในเวลานี้เพราะประชาชนไม่ได้ต้องการค่านิยมแต่ต้องการวัคซีน นอกจากนี้ยังมีงบที่เกี่ยวกับความร่วมมือความสัมพันธ์กับต่างประเทศของ สำนักงานปลัดกระทรวง และสำนักงานศิลปร่วมสมัย ที่ตัดได้อีกเพราะกิจกรรมเชิงเครือข่ายวัฒนธรรมเหล่านี้ยังทำไม่ได้แต่กลับโอนกลับมาน้อยมาก ในส่วนที่ไม่ควรตัดแต่กลับตัด คือโครงการเกี่ยวกับปากท้องศิลปินท้องถิ่นพื้นบ้านและโครงการที่เป็นการลงทุนโดยตรง เช่น โครงการค่าใช้จ่ายในการสร้างรายได้สำหรับนักแสดงพื้นบ้านถูกตัดออกไปเกือบหมด งบส่งเสริมสืบสานมรดกท้องถิ่น งบส่งเสริมให้เด็กเล่นดนตรีก็ตัดไปร้อยละ 93 เป็นต้น\n.\nลิงก์การอภิปราย https://youtu.be/srED-n1hYqU\n.#ธัญวัจน์ #พรรคก้าวไกล ",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1121713828979937280/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1120304025487491072",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"content": "[การอภิปรายการพิจารณา พ.ร.บ.โอนงบประมาณฯ ปี 63 ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม เสนอส่งคืนเป็นงบกลาง เพิ่มอีก หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นเจ็ดแสนล้านบาท เพื่อใช้แก้ไขปัญหาโควิดและเยียวยาประชาชน]<br /><br />ในฐานะกรรมาธิการเห็นควรตัดมาเพิ่มเป็น 172,761,800 บาท จากเดิมกระทรวงวัฒนธรรมส่งคืน 203 ล้านบาท โดยสัดส่วนที่โอนคืนจะขอแจกแจงให้พี่น้องประชาชนรับทราบดังต่อไปนี้<br /><br />จากรายงานวิเคราะห์ของสภาแห่งนี้ ระบุชัดเจนว่า ในปีงบประมาณที่ผ่านมา(2562) กระทรวงวัฒนธรรม ได้ใช้งบประมาณอย่างไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย มีการเบิกจ่ายงบประมาณต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดค่อนข้างมากโดยเฉพาะ รายจ่ายการลงทุน เช่น ของสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เบิกจ่ายได้ 38.57 % กรมศิลปากร 67.94% และสถานบัณฑิตพัฒนศิลป์ 72.7% และกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เบิกจ่ายได้เพียง 23.62% ซึ่งในทางปฏิบัติ หากยังจ่ายล่าช้าแบบเดิม ยิ่งทำให้สวนทาง กับ การความจำเป็น ที่รัฐบาลจะต้องเร่งการใช้จ่าย การลุงทนภาครัฐ เพื่อกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ จึงได้ตั้งขอสังเกตไว้ว่า งบลงทุนอันไหนยังเบิกจ่ายล่าช้า และไม่ได้โอนงบประมาณมาก็ต้องเร่งรัดใช้จ่ายในสถานการณ์นี้<br /><br />จึงได้อภิปรายแนวทางแก้ไขและรายละเอียดการโอนงบประมาณฯปี 63 ของกระทรวงวัฒนธรรมดังต่อไปนี้<br />1.ขอเสนอให้โอนงบประมาณมาเพิ่ม กล่าวคือ ให้โอนงบประมาณเพิ่มเติมตัดจากโครงการที่ไม่จำเป็นและไม่เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ เป็นโครงการสร้างค่านิยมในสถานศึกษาที่ยังไม่จำเป็นเร่งด่วน <br /><br />2.ไม่เห็นด้วยกับที่หน่วยงานที่ผ่านโอนงบประมาณมาตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพราะเป็นโครงการที่จำเป็น ควรให้ได้งบประมาณไปใช้ปกติ ตามแผนประจำปี ซึ่งเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับศิลปิน ประชาชน ส่วนที่เกี่ยวข้อง มีรายได้ในการดำรงชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปินพื้นบ้าน <br /><br />3.การใช้จ่ายงบประมาณตาม พ.ร.บ ขอเสนอให้โครงการของสำนักปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สำนักศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กรมการศาสนา ให้โอนมีการโอนงบเพิ่ม โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้<br /><br /> 3.1 ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาความร่วมมือและความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับต่างประเทศ ของสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ธัญขอเสนอให้โอนเพิ่มจากปัจจุบัน จากเดิมที่คิดเป็นร้อยละ 9 ของงบประมาณที่ได้รับทั้งโครงการ ซึ่งคิดว่าในส่วนนี้น่าจะตัดงบประมาณได้เพิ่มเติม คือสถานการณ์ปัจจุบัน เศรษฐกิจปากท้องของแต่ละประเทศคือธงสำคัญ <br />และการจัดกิจกรรมเชิงสร้างเครือข่ายวัฒนธรรม หรือ ที่จะต้องประสานกับต่างประเทศ อาจจะจัด หรือ สามสัมพันธ์ได้ยากกว่าปกติ ทั้งพิจารณาในความพร้อมของรัฐบาลเรา กฎหมายที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ก็ยังทำให้กิจกรรมโครงการนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก เว้นเสียแต่ว่าโครงการเหล่านี้จะทำไปในทิศทางลักษณะ ไปช่วยกระตุ้นภาคการท่องท่องเที่ยว <br /> <br /> 3.2 ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาความร่วมมือด้านศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัยและนาความเป็นไทยสู่สากล ของสำนักศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัย เมื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายในการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ต่าง ๆ ตัดลดงบประมาณมาเพียงร้อยละ 3 ของงบประมาณทั้งโครงการ จากงบประมาณ 7,513,200 (เจ็ดล้านห้าแสนหนึ่งหมื่นสามพันสองร้อยบาท) <br />อีกทั้ง ในชั้นกรรมาธิการก็ได้รับฟังเจ้าหน้าที่จากหน่วยงาน แต่ก็ยังไม่ได้ให้คำตอบชัดเจน ว่าดำเนินการไปมากน้อยเพียงไร จึงเห็นว่า โครงการยังมีความสำคัญลำดับรอง จึงควรปรับลดมาใช้เป็นงบกลางได้เพิ่มอีก เพราะก็เป็นกิจกรรมที่ดำเนินลักษณะขัดหรือแย้งกับสถานการณ์และความพร้อมในปัจจุบัน เว้นแต่หน่วยงานจะได้ปรับกิจกรรมไปเป็น Road Map ที่มีภารกิจ ทำนองที่ เชิญนักท่องเที่ยวสัมผัสวัฒนธรรมต่างๆ ของไทย มาท่องเที่ยงใน ประเทศ แต่เป็นที่ทราบว่า ความพร้อมรองรับการท่องเที่ยวในขณะนี้ก็ยังไม่มีทิศทางข้อสรุปที่ชัดเจน จึงเห็นควรโอนคืนไว้สำหรับงบกลางจะเหมาะสมที่สุด เช่นเดียวกับ ค่าใช้จ่ายในการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ลดได้เพียงร้อยละ 3 จากงบประมาณ 19,500,000 (สิบเก้าล้านห้าแสนบาท) ซึ่งกิจกรรมนี้ ต้องพิจารณาการจัดกิจกรรมอัน เนื่องจากสถานการณ์โควิด หากงานอีเวนท์ดังกล่าวไม่ได้จัด หรือแม้จะเปลี่ยนรูปแบบเป็นออนไลน์ ก็ควรต้องอยู่ในขอบข่ายการที่จะถูกตัดได้มากกว่านี้ <br /><br />3.3 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการส่งเสริมและเผยแพร่ค่านิยมและความเป็นไทย ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้รับ งบประมาณกว่า 86.3 ล้านบาทแต่ปรับลดได้เพียงร้อยละ 2 หรือแค่ประมาณ 2 ล้านบาท พอได้ลองดูโครงการย่อยที่อยู่ในโครงการเหล่านี้พบว่าเป็น โครงการประกวดเยาวชนต้นแบบมารยาทไทย ประกวดเรื่องสั้น ประกวดหนังสั้นมารยาทไทย และสัมมนาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับมารยาทไทย จึงมองว่าในภาวะวิกฤติเช่นนี้ โครงการเหล่านี้สมควรโอนคืนได้มากกว่านี้ <br /><br />3.4 เงินอุดหนุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมค่านิยมหลัก 12 ประการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม ของกรมการศาสนา 47.76 ล้านบาท โอนเพียง 1.5 ล้าน คิดเป็นร้อยละ 2 งบส่วนนี้เป็น งบที่ให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดต่างๆ จัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับส่งเสริมคุณธรรมเยาวชน ค่ายเยาวชน หรือ งานบรรพชาภาคฤดูร้อน ต่างที่เกี่ยวกับค่านิยม 12 ประการ ซึ่งในภาวะดังกล่าว งบส่วนนี้ควรต้องโอนมากขึ้น<br /><br />ยังมีรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมที่เจาะลึกลงได้ในโอกาสหน้าจะลงคลิปอภิปรายเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบถึงการใช้จ่ายเงินจากภาษีประชาชนในทุกบาททุกสตางค์<br /><br />สุดท้ายขอสรุปว่า การโอนงบประมาณที่เกิดขึ้นจริงนั้นกรมต่าง ๆ ยังไม่จริงใจและมีการหวงงบไว้อยู่ โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นโครงการยังที่ไม่จำเป็นในสถานการณ์ช่วงนี้ และยังไม่เร่งด่วนที่โอนได้ในสัดส่วนที่น้อยมากๆ ในขณะเดียวกับงบที่ตัดเพื่อโอนไปใช้ในการเยียวยา ก็เยียวยาแบบสองชั้น สามชั้น ประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงวัฒนธรรม ไม่ว่าจะกองถ่ายละคร ศิลปินพื้นบ้าน แหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรมต่างๆ กลับไม่ได้รับการเหลียวแลและจากการตรวจสอบในคณะกรรมาธิการนั้น ยังไม่มีหน่วยงานไหนที่ตอบเรื่องการปรับแผนให้เหมาะสมกับยุค New Normal เลย <br /><br />ซึ่งหากมีสถานการณ์ระบาดของโรคระลอก2 ในหลายประเทศ ไม่แน่ใจทิศทางการแพร่ระบาทจะจบลงเมือใด แต่เมื่อมีการโอนงบประมาณมาตั้งไว้แล้ว เป็นกระเป๋าสำรอง ขอให้เป็น งบที่ใช้จ่ายอย่างแท้จริงและครอบคลุม<br /><br />ดังนั้นเพื่อความชัดเจนยิ่งขึ้น จึงขอเสนอให้แก้ไขมาตรา 4 วรรคแรก ให้ระบุไปอย่างชัดเจนเลยว่า งบประมาณที่ตั้งเอาไว้ ตั้งไว้เป็นงบประมาณรายจ่าย สำหรับงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยในการใช้จ่ายงบประมาณนั้น ต้องนำไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ เพื่อแก้ปัญหาที่อาจมีเหตุฉุกเฉินจำเป็นจากสถานการณ์ภัยแล้ง หรือสาธารณภัยเท่านั้น หวังว่า รัฐบาลและหน่วยงานรับงบประมาณ จะตระหนึงถึงสถานการณ์ต่าง ๆ และเป็นเวลาที่ดีที่ท่านจะ ๆ ได้แสดงฝีมือในจำนวนเงินกว่า แปดสิบแปดล้านบาท ว่าใช้จ่ายภาษีอย่างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์<br /><br /><a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=ธัญวัจน์\" title=\"#ธัญวัจน์\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#ธัญวัจน์</a> <a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=พรรคก้าวไกล\" title=\"#พรรคก้าวไกล\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#พรรคก้าวไกล</a> ",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1120304025487491072",
"published": "2020-06-18T10:48:12+00:00",
"source": {
"content": "[การอภิปรายการพิจารณา พ.ร.บ.โอนงบประมาณฯ ปี 63 ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม เสนอส่งคืนเป็นงบกลาง เพิ่มอีก หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นเจ็ดแสนล้านบาท เพื่อใช้แก้ไขปัญหาโควิดและเยียวยาประชาชน]\n\nในฐานะกรรมาธิการเห็นควรตัดมาเพิ่มเป็น 172,761,800 บาท จากเดิมกระทรวงวัฒนธรรมส่งคืน 203 ล้านบาท โดยสัดส่วนที่โอนคืนจะขอแจกแจงให้พี่น้องประชาชนรับทราบดังต่อไปนี้\n\nจากรายงานวิเคราะห์ของสภาแห่งนี้ ระบุชัดเจนว่า ในปีงบประมาณที่ผ่านมา(2562) กระทรวงวัฒนธรรม ได้ใช้งบประมาณอย่างไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย มีการเบิกจ่ายงบประมาณต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดค่อนข้างมากโดยเฉพาะ รายจ่ายการลงทุน เช่น ของสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เบิกจ่ายได้ 38.57 % กรมศิลปากร 67.94% และสถานบัณฑิตพัฒนศิลป์ 72.7% และกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เบิกจ่ายได้เพียง 23.62% ซึ่งในทางปฏิบัติ หากยังจ่ายล่าช้าแบบเดิม ยิ่งทำให้สวนทาง กับ การความจำเป็น ที่รัฐบาลจะต้องเร่งการใช้จ่าย การลุงทนภาครัฐ เพื่อกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ จึงได้ตั้งขอสังเกตไว้ว่า งบลงทุนอันไหนยังเบิกจ่ายล่าช้า และไม่ได้โอนงบประมาณมาก็ต้องเร่งรัดใช้จ่ายในสถานการณ์นี้\n\nจึงได้อภิปรายแนวทางแก้ไขและรายละเอียดการโอนงบประมาณฯปี 63 ของกระทรวงวัฒนธรรมดังต่อไปนี้\n1.ขอเสนอให้โอนงบประมาณมาเพิ่ม กล่าวคือ ให้โอนงบประมาณเพิ่มเติมตัดจากโครงการที่ไม่จำเป็นและไม่เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ เป็นโครงการสร้างค่านิยมในสถานศึกษาที่ยังไม่จำเป็นเร่งด่วน \n\n2.ไม่เห็นด้วยกับที่หน่วยงานที่ผ่านโอนงบประมาณมาตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพราะเป็นโครงการที่จำเป็น ควรให้ได้งบประมาณไปใช้ปกติ ตามแผนประจำปี ซึ่งเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับศิลปิน ประชาชน ส่วนที่เกี่ยวข้อง มีรายได้ในการดำรงชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปินพื้นบ้าน \n\n3.การใช้จ่ายงบประมาณตาม พ.ร.บ ขอเสนอให้โครงการของสำนักปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สำนักศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กรมการศาสนา ให้โอนมีการโอนงบเพิ่ม โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้\n\n 3.1 ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาความร่วมมือและความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมกับต่างประเทศ ของสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ธัญขอเสนอให้โอนเพิ่มจากปัจจุบัน จากเดิมที่คิดเป็นร้อยละ 9 ของงบประมาณที่ได้รับทั้งโครงการ ซึ่งคิดว่าในส่วนนี้น่าจะตัดงบประมาณได้เพิ่มเติม คือสถานการณ์ปัจจุบัน เศรษฐกิจปากท้องของแต่ละประเทศคือธงสำคัญ \nและการจัดกิจกรรมเชิงสร้างเครือข่ายวัฒนธรรม หรือ ที่จะต้องประสานกับต่างประเทศ อาจจะจัด หรือ สามสัมพันธ์ได้ยากกว่าปกติ ทั้งพิจารณาในความพร้อมของรัฐบาลเรา กฎหมายที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ก็ยังทำให้กิจกรรมโครงการนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก เว้นเสียแต่ว่าโครงการเหล่านี้จะทำไปในทิศทางลักษณะ ไปช่วยกระตุ้นภาคการท่องท่องเที่ยว \n \n 3.2 ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาความร่วมมือด้านศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัยและนาความเป็นไทยสู่สากล ของสำนักศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัย เมื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายในการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ต่าง ๆ ตัดลดงบประมาณมาเพียงร้อยละ 3 ของงบประมาณทั้งโครงการ จากงบประมาณ 7,513,200 (เจ็ดล้านห้าแสนหนึ่งหมื่นสามพันสองร้อยบาท) \nอีกทั้ง ในชั้นกรรมาธิการก็ได้รับฟังเจ้าหน้าที่จากหน่วยงาน แต่ก็ยังไม่ได้ให้คำตอบชัดเจน ว่าดำเนินการไปมากน้อยเพียงไร จึงเห็นว่า โครงการยังมีความสำคัญลำดับรอง จึงควรปรับลดมาใช้เป็นงบกลางได้เพิ่มอีก เพราะก็เป็นกิจกรรมที่ดำเนินลักษณะขัดหรือแย้งกับสถานการณ์และความพร้อมในปัจจุบัน เว้นแต่หน่วยงานจะได้ปรับกิจกรรมไปเป็น Road Map ที่มีภารกิจ ทำนองที่ เชิญนักท่องเที่ยวสัมผัสวัฒนธรรมต่างๆ ของไทย มาท่องเที่ยงใน ประเทศ แต่เป็นที่ทราบว่า ความพร้อมรองรับการท่องเที่ยวในขณะนี้ก็ยังไม่มีทิศทางข้อสรุปที่ชัดเจน จึงเห็นควรโอนคืนไว้สำหรับงบกลางจะเหมาะสมที่สุด เช่นเดียวกับ ค่าใช้จ่ายในการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ลดได้เพียงร้อยละ 3 จากงบประมาณ 19,500,000 (สิบเก้าล้านห้าแสนบาท) ซึ่งกิจกรรมนี้ ต้องพิจารณาการจัดกิจกรรมอัน เนื่องจากสถานการณ์โควิด หากงานอีเวนท์ดังกล่าวไม่ได้จัด หรือแม้จะเปลี่ยนรูปแบบเป็นออนไลน์ ก็ควรต้องอยู่ในขอบข่ายการที่จะถูกตัดได้มากกว่านี้ \n\n3.3 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการส่งเสริมและเผยแพร่ค่านิยมและความเป็นไทย ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้รับ งบประมาณกว่า 86.3 ล้านบาทแต่ปรับลดได้เพียงร้อยละ 2 หรือแค่ประมาณ 2 ล้านบาท พอได้ลองดูโครงการย่อยที่อยู่ในโครงการเหล่านี้พบว่าเป็น โครงการประกวดเยาวชนต้นแบบมารยาทไทย ประกวดเรื่องสั้น ประกวดหนังสั้นมารยาทไทย และสัมมนาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับมารยาทไทย จึงมองว่าในภาวะวิกฤติเช่นนี้ โครงการเหล่านี้สมควรโอนคืนได้มากกว่านี้ \n\n3.4 เงินอุดหนุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมค่านิยมหลัก 12 ประการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม ของกรมการศาสนา 47.76 ล้านบาท โอนเพียง 1.5 ล้าน คิดเป็นร้อยละ 2 งบส่วนนี้เป็น งบที่ให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดต่างๆ จัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับส่งเสริมคุณธรรมเยาวชน ค่ายเยาวชน หรือ งานบรรพชาภาคฤดูร้อน ต่างที่เกี่ยวกับค่านิยม 12 ประการ ซึ่งในภาวะดังกล่าว งบส่วนนี้ควรต้องโอนมากขึ้น\n\nยังมีรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมที่เจาะลึกลงได้ในโอกาสหน้าจะลงคลิปอภิปรายเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบถึงการใช้จ่ายเงินจากภาษีประชาชนในทุกบาททุกสตางค์\n\nสุดท้ายขอสรุปว่า การโอนงบประมาณที่เกิดขึ้นจริงนั้นกรมต่าง ๆ ยังไม่จริงใจและมีการหวงงบไว้อยู่ โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นโครงการยังที่ไม่จำเป็นในสถานการณ์ช่วงนี้ และยังไม่เร่งด่วนที่โอนได้ในสัดส่วนที่น้อยมากๆ ในขณะเดียวกับงบที่ตัดเพื่อโอนไปใช้ในการเยียวยา ก็เยียวยาแบบสองชั้น สามชั้น ประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงวัฒนธรรม ไม่ว่าจะกองถ่ายละคร ศิลปินพื้นบ้าน แหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรมต่างๆ กลับไม่ได้รับการเหลียวแลและจากการตรวจสอบในคณะกรรมาธิการนั้น ยังไม่มีหน่วยงานไหนที่ตอบเรื่องการปรับแผนให้เหมาะสมกับยุค New Normal เลย \n\nซึ่งหากมีสถานการณ์ระบาดของโรคระลอก2 ในหลายประเทศ ไม่แน่ใจทิศทางการแพร่ระบาทจะจบลงเมือใด แต่เมื่อมีการโอนงบประมาณมาตั้งไว้แล้ว เป็นกระเป๋าสำรอง ขอให้เป็น งบที่ใช้จ่ายอย่างแท้จริงและครอบคลุม\n\nดังนั้นเพื่อความชัดเจนยิ่งขึ้น จึงขอเสนอให้แก้ไขมาตรา 4 วรรคแรก ให้ระบุไปอย่างชัดเจนเลยว่า งบประมาณที่ตั้งเอาไว้ ตั้งไว้เป็นงบประมาณรายจ่าย สำหรับงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยในการใช้จ่ายงบประมาณนั้น ต้องนำไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ เพื่อแก้ปัญหาที่อาจมีเหตุฉุกเฉินจำเป็นจากสถานการณ์ภัยแล้ง หรือสาธารณภัยเท่านั้น หวังว่า รัฐบาลและหน่วยงานรับงบประมาณ จะตระหนึงถึงสถานการณ์ต่าง ๆ และเป็นเวลาที่ดีที่ท่านจะ ๆ ได้แสดงฝีมือในจำนวนเงินกว่า แปดสิบแปดล้านบาท ว่าใช้จ่ายภาษีอย่างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์\n\n#ธัญวัจน์ #พรรคก้าวไกล ",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1120304025487491072/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1118830061800456192",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"content": "<br />ธัญมีข่าวแจ้งให้ทุกคนทราบ ณ วันนี้ 14 มิถุนายน 2563<br />พ.ร.บ. การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ บรรพ 5 (การสมรส)<br />การสมรสที่ไม่จำกัดเพศเพียงชายหญิง<br />การสมรสที่ให้สิทธิทุกอย่างเท่ากับชายหญิง<br />การสมรสของผู้มีความหลากหลายทางเพศ ไม่กระทบสิทธิเดิมใดของชายหญิง<br />การสมรสที่เปิดประตูให้ทุกความรัก สู่ความหลากหลายของสังคม<br />ได้กลับมาอยู่ในมือของธัญแล้ว ย้ำคะ ... อยู่ในมือแล้ว<br />และพร้อมที่จะยื่นเข้าสู่สภาต่อไป<br />นี่คือจุดเริ่มของความเสมอภาคทางเพศ <br /><br />ด้วยหลักการว่า กฎหมายสมรสเดิมที่จำกัดเพศเพียงแค่ชายหญิงนั้น<br />ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 27 วรรค 3 ซึ่งเป็นการเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อบุคคล<br />“ด้วยเหตุแห่งเพศ” และนี่คือเวลาที่เราจะแก้ไขและ “ยุติการเลือกปฏิบัติ”<br /><br />แน่นอนที่สุดหลังจากการยื่นเข้าสู่สภาก็จะมีอีกหลายขั้นตอนในกระบวนการ<br />และกฎหมาย “รัฐธรรมนูญ 60” ทั้งขั้นตอนรับฟังความคิดเห็น การผ่านกฎหมายทั้ง 3 วาระ<br />และต้องผ่านทั้งสภาสูง และ สภาผู้แทนราษฎร แต่นี่ก็จะเป็นการขีดเส้นใต้<br />และเห็นว่าประเทศไทยยอมรับ “ผู้มีความหลากหลายทางเพศ” หรือไม่ <br />และในฐานะผู้แทนราษฎร ก็ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ประชาชนต้องการ<br /><br />และในที่ 30 มิถุนายน นี้ ฉันได้รับเชิญจากสถานฑูตอเมริกา <br />เพื่อพบกับท่านเอกอัครราชฑูตประเทศสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ไมเคิล จอร์แดน ดีซอมบรี<br />และ เอกราชฑูตอังกฤษประจำประเทศไทย มร. ไบรตัน เดวิดสัน <br />ฉันจะบอกเล่าความคืบหน้าในประเด็นความหลากหลายทางเพศในสภา<br />ในการสนทนาประเด็น “ความหลากหลายทางเพศ” ในรัฐสภา การเมือง และ วัฒนธรรม<br />และนี่คือสิ่งหนึ่งที่เป็นข่าวดี และ แน่นอนที่สุด ฉันจะแจ้งการสนทนาในสถานฑูตว่านี่คือ<br />“ข่าวดี” เริ่มแล้ว <br /><br />เพราะการเลือกปฏิบัติ<br />คือการกีดกัน ทางความคิด และ เสรีภาพ<br /><br />เพราะการเลือกปฏิบัติ<br />คือการกีดกัน เศรษฐกิจ และ วัฒนธรรม<br /><br />เพราะการเลือกปฏิบัติ<br />คือการกีดกัน “ความรัก” <br /><br />เพราะธัญและพรรคก้าวไกลเชื่อเสมอมาว่า<br />“ความรักทำให้โลกหมุนไปข้างหน้าเสมอ”<br /><br />ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์<br />ผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อ <br />พรรคก้าวไกล<br /><br /><a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=ธัญวัจน์\" title=\"#ธัญวัจน์\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#ธัญวัจน์</a> <a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=พรรคก้าวไกล\" title=\"#พรรคก้าวไกล\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#พรรคก้าวไกล</a> <a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=LGBTQI\" title=\"#LGBTQI\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#LGBTQI</a> ",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1118830061800456192",
"published": "2020-06-14T09:11:12+00:00",
"source": {
"content": "\nธัญมีข่าวแจ้งให้ทุกคนทราบ ณ วันนี้ 14 มิถุนายน 2563\nพ.ร.บ. การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ บรรพ 5 (การสมรส)\nการสมรสที่ไม่จำกัดเพศเพียงชายหญิง\nการสมรสที่ให้สิทธิทุกอย่างเท่ากับชายหญิง\nการสมรสของผู้มีความหลากหลายทางเพศ ไม่กระทบสิทธิเดิมใดของชายหญิง\nการสมรสที่เปิดประตูให้ทุกความรัก สู่ความหลากหลายของสังคม\nได้กลับมาอยู่ในมือของธัญแล้ว ย้ำคะ ... อยู่ในมือแล้ว\nและพร้อมที่จะยื่นเข้าสู่สภาต่อไป\nนี่คือจุดเริ่มของความเสมอภาคทางเพศ \n\nด้วยหลักการว่า กฎหมายสมรสเดิมที่จำกัดเพศเพียงแค่ชายหญิงนั้น\nขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 27 วรรค 3 ซึ่งเป็นการเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อบุคคล\n“ด้วยเหตุแห่งเพศ” และนี่คือเวลาที่เราจะแก้ไขและ “ยุติการเลือกปฏิบัติ”\n\nแน่นอนที่สุดหลังจากการยื่นเข้าสู่สภาก็จะมีอีกหลายขั้นตอนในกระบวนการ\nและกฎหมาย “รัฐธรรมนูญ 60” ทั้งขั้นตอนรับฟังความคิดเห็น การผ่านกฎหมายทั้ง 3 วาระ\nและต้องผ่านทั้งสภาสูง และ สภาผู้แทนราษฎร แต่นี่ก็จะเป็นการขีดเส้นใต้\nและเห็นว่าประเทศไทยยอมรับ “ผู้มีความหลากหลายทางเพศ” หรือไม่ \nและในฐานะผู้แทนราษฎร ก็ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ประชาชนต้องการ\n\nและในที่ 30 มิถุนายน นี้ ฉันได้รับเชิญจากสถานฑูตอเมริกา \nเพื่อพบกับท่านเอกอัครราชฑูตประเทศสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ไมเคิล จอร์แดน ดีซอมบรี\nและ เอกราชฑูตอังกฤษประจำประเทศไทย มร. ไบรตัน เดวิดสัน \nฉันจะบอกเล่าความคืบหน้าในประเด็นความหลากหลายทางเพศในสภา\nในการสนทนาประเด็น “ความหลากหลายทางเพศ” ในรัฐสภา การเมือง และ วัฒนธรรม\nและนี่คือสิ่งหนึ่งที่เป็นข่าวดี และ แน่นอนที่สุด ฉันจะแจ้งการสนทนาในสถานฑูตว่านี่คือ\n“ข่าวดี” เริ่มแล้ว \n\nเพราะการเลือกปฏิบัติ\nคือการกีดกัน ทางความคิด และ เสรีภาพ\n\nเพราะการเลือกปฏิบัติ\nคือการกีดกัน เศรษฐกิจ และ วัฒนธรรม\n\nเพราะการเลือกปฏิบัติ\nคือการกีดกัน “ความรัก” \n\nเพราะธัญและพรรคก้าวไกลเชื่อเสมอมาว่า\n“ความรักทำให้โลกหมุนไปข้างหน้าเสมอ”\n\nธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์\nผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อ \nพรรคก้าวไกล\n\n#ธัญวัจน์ #พรรคก้าวไกล #LGBTQI ",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1118830061800456192/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1117797447503147008",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"content": "<br />เมื่อวานนี้ (10มิ.ย.) คณะกรรมาธิการ กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ธัญในฐานะโฆษกได้รับหนังสือร้องเรียนจาก ภาคประชาสังคมกลุ่มตัวแทนเครือข่ายสนับสนุนทางเลือกของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม โดยเนื้อหาได้ระบุถึงมาตรา 301 ที่มีการเอาผิดแต่ฝ่ายหญิงและผู้ให้บริการทำแท้ง ซึ่งถือเป็นการเลือกปฏิบัติ ขัดรัฐธรรมนูญ และแม้จะมีการดำเนินการร่างกฎหมายใหม่ แต่ในเนื้อข้อกฎหมายก็ยังมีการเอาผิดหญิงทำแท้งอยู่ แต่จะมีการกำหนดอายุครรภ์ ทางตัวแทนจึงอยากเสนอให้มีการยกเลิกมาตรานี้แทน<br /><br />เพราะผู้หญิงเมื่อตัดสินใจทำอะไร เรื่องเหล่านั้นมักไม่ใช่เรื่องของเธอคนเดียว ทำไมต้องแบกโลกทั้งใบ “การหยุดการตั้งครรภ์ปลอดภัยกับสังคมไทย ยังคงเป็นเรื่องที่ถูกตีตรา ทำให้เชื่อว่าเป็นเรื่องบาป กรรม เวร แล้วหยุดละไว้แค่นั้นไม่ออกความคิดเห็นใดๆต่อ หากมีบทสนทนาเหล่านี้เกิดขึ้นมาก็มักจะถูกปัดตก เป็นเรื่องห้ามพูด ห้ามออกความเห็น ไปจนถึงห้ามให้การช่วยเหลือใดๆ เพียงเพราะเอ่ยว่าต้องการ “ทำแท้ง” ข้อมูลแหล่งหาความรู้ก็มีให้ค้นหาน้อย ต้องกระทำแบบลับๆ หลบๆ ซ่อนๆ <br /><br />สังคมไทยได้ตีกรอบความคิดเก่า ปล่อยให้มีการหยุดการตั้งครรภ์เถื่อน เป็นอันตรายต่อผู้หญิง ที่หลายครั้งที่เกิดการเสียชีวิต มีการฉกฉวยโอกาสจากตลาดมืด กับผู้หญิงที่หาทางออกไม่ได้ และจุดปลอดภัยสำหรับผู้หญิงจะเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ นั่นคือคำถาม หรือเราควรมองว่า “การหยุดตั้งครรภ์ปลอดภัย” เป็นเรื่องเดียวกับการบริการด้านสุขภาพของผู้หญิงที่ควรเข้าถึงแ ละได้รับการบริการนี้อย่างปลอดภัยและถูกต้องเสียที<br /><br /> “หากนี่คือสิทธิของผู้หญิงที่จะดูแลตนเองและตัดสินใจด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นสังคมจะต้องมีส่วนร่วมด้วย อยากให้ประเด็นดังกล่าว เป็นประเด็นของเราทุกคนในสังคมที่ต้องทำความเข้าใจกัน หยุดการตีตรา หยุดการตัดสิน เพราะว่าผู้หญิงทุกคนมีสิทธิที่จะตัดสินใจบนเนื้อตัวร่างกายของตัวเอง ทำความเข้าใจกัน และนี่คือทางออกที่เราจะอยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจและสันติภาพ”<br /><br /> “เรามีกฎหมายที่ขัดแย้งกัน”<br />มาตรา 301 หญิงใดทำตนเองแท้งลูก หรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก ต้องระวางจำโทษไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (อายุความ 20 ปี)<br /><br />มาตรา 305 ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในมาตรา 301 และ มาตรา 302 นั้นเป็นการกระทำของแพทย์ <br />(1) จำเป็นต้องกระทำเนื่องจากสุขภาพของหญิงนั้น หรือ <br />(2) หญิงมีครรภ์เนื่องจากการกระทความผิดอาญา ตามที่บัญญัติไว้มาตรา 264 มาตรา 277 มาตรา 278 มาตรา 283 หรือ มาตรา 284 ผู้กระทำไม่มีความผิด<br /><br />และหากเกิดคดีความ เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือการตั้งสมมุติฐานในการสืบสวน ก็จะเริ่มตั้งจากผู้หญิง หรือ ผู้ให้บริการทางการแพทย์เป็นผู้ผิดเสียก่อน และค่อยหาทางพิสูจน์ว่า เข้าข่ายความผิดไหม <br /><br />แล้วจะมีหมอ หรือ สถานพยาลที่ไหน อยากจะให้บริการสุขภาพด้านนี้กับผู้หญิง เพราะการให้บริการดังกล่าว อาจจะต้องมากับการหาข้อพิสูจน์ ข้อแก้ต่าง หลักฐานหากมีการดำเนินคดี<br />หยุดการซุกปัญหาไว้ใต้พรม ไม่กล้าพูด ปิดบัง และนำพาไปสู่ที่เลวร้ายา ผู้หญิงไม่ปลอดภัย <br /><br /> และนี่คือคำพูดบางช่วงบางตอนจากกลุ่มตัวแทนเครือข่ายสนับสนุนทางเลือกของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม ที่เข้าร่วมแถลงข่าวยื่นหนังสือต่อกมธ. ณ รัฐสภา ที่กล่าวว่า“มาตรา 301 เป็นมาตราที่อัปลักษณ์ที่สุดในประมวลกฎหมายอาญาไทย เพราะเป็นมาตราเดียวที่เอาผิดผู้หญิงฝ่ายเดียว” นอกจากนี้ การทำแท้งเป็นการกระทำความผิดที่ไม่มีผู้เสียหาย หรือ victimless crime เพราะเป็นสิ่งที่ผู้หญิงกระทำต่อเนื้อตัวร่างกายของตนเอง ดังนั้นจึงถือว่ามาตรานี้เป็นการเลือกปฏิบัติ<br /><br />ที่ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยว่ามาตรา 301 ของประมวลกฏหมายอาญา ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 27 ซึ่งระบุว่า “บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย” และ “ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน” และ มาตรา 28 ซึ่งระบุว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย” นอกจากนี้ยังมีคำวินิจฉัยให้ปรับปรุงแก้ไขมาตรา 301 และมาตรา 305 “ให้สอดคล้องกับสภาพการณ์” <br /><br />นี่จะเป็น การก้าวสู่การเปลี่ยนแปลง ที่ภาคประชาชน นักวิชาการ นักกฏหมาย นักสังคม และผู้ที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินนอกสภา<br /><br />“สิ่งที่เรานำเสนอตรงนี้และยินดีที่จะแก้ไขปัญหาและศึกษาอย่างรอบด้านนั้นมันไม่ได้เป็นประเด็นในเรื่องกฎหมายเท่านั้นเพราะว่าหนึ่ง การที่เราจะขยับหรือเปลี่ยนแปลงความคิดของสังคมนั้น เราต้องยอมรับว่าประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นที่แหลมคม และคนในสังคมไทยในวงกว้างยังไม่มีความเข้าใจในประเด็นของการทำแท้งหรือการหยุดตั้งครรภ์ปลอดภัยที่จริง ๆ แล้ว สังคมไทยควรมองเป็นเรื่องสุขภาพผู้หญิง” <br /><br />ฉันรับเรื่องนี้ไว้ และจะนำเข้าพิจารณาภายในพรรค<br />เพื่อหารือกลไก และ ผลักดันอย่างไรต่อไป<br /><br />ขอขอบคุณภาคประชาชนกลุ่มตัวแทนผู้เข้ายื่นหนังสือ<br /><br />นิศารัตน์ จงวิศาล เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษากลุ่มทำทาง<br />สุพีชา เบาทิพย์ กลุ่มทำทาง<br />สุไลพร ชลวิไล นักวิชาการกลุ่มทำทาง<br />ณฐกมล ศิวะศิลป ทนายความและที่ปรึกษากฎหมายกลุ่มทำทาง<br />ทัศนัย ขันตยาภรณ์ เครือข่ายสนับสนุนทางเลือกของผู้หญิงท้องไม่พร้อม<br />รศ.ดร.กฤตยา อาชวนเจกุล เครือข่ายสนับสนุนทางเลือกของผู้หญิงท้องไม่พร้อม<br />นิธิวัชร์ เรืองแสง ผู้ประสานงานเครือข่ายอาสารับส่งต่อการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย (RSA)<br /><br /><a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=ธัญวัจน์\" title=\"#ธัญวัจน์\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#ธัญวัจน์</a> <a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=พรรคก้าวไกล\" title=\"#พรรคก้าวไกล\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#พรรคก้าวไกล</a> ",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1117797447503147008",
"published": "2020-06-11T12:47:58+00:00",
"source": {
"content": "\nเมื่อวานนี้ (10มิ.ย.) คณะกรรมาธิการ กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ธัญในฐานะโฆษกได้รับหนังสือร้องเรียนจาก ภาคประชาสังคมกลุ่มตัวแทนเครือข่ายสนับสนุนทางเลือกของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม โดยเนื้อหาได้ระบุถึงมาตรา 301 ที่มีการเอาผิดแต่ฝ่ายหญิงและผู้ให้บริการทำแท้ง ซึ่งถือเป็นการเลือกปฏิบัติ ขัดรัฐธรรมนูญ และแม้จะมีการดำเนินการร่างกฎหมายใหม่ แต่ในเนื้อข้อกฎหมายก็ยังมีการเอาผิดหญิงทำแท้งอยู่ แต่จะมีการกำหนดอายุครรภ์ ทางตัวแทนจึงอยากเสนอให้มีการยกเลิกมาตรานี้แทน\n\nเพราะผู้หญิงเมื่อตัดสินใจทำอะไร เรื่องเหล่านั้นมักไม่ใช่เรื่องของเธอคนเดียว ทำไมต้องแบกโลกทั้งใบ “การหยุดการตั้งครรภ์ปลอดภัยกับสังคมไทย ยังคงเป็นเรื่องที่ถูกตีตรา ทำให้เชื่อว่าเป็นเรื่องบาป กรรม เวร แล้วหยุดละไว้แค่นั้นไม่ออกความคิดเห็นใดๆต่อ หากมีบทสนทนาเหล่านี้เกิดขึ้นมาก็มักจะถูกปัดตก เป็นเรื่องห้ามพูด ห้ามออกความเห็น ไปจนถึงห้ามให้การช่วยเหลือใดๆ เพียงเพราะเอ่ยว่าต้องการ “ทำแท้ง” ข้อมูลแหล่งหาความรู้ก็มีให้ค้นหาน้อย ต้องกระทำแบบลับๆ หลบๆ ซ่อนๆ \n\nสังคมไทยได้ตีกรอบความคิดเก่า ปล่อยให้มีการหยุดการตั้งครรภ์เถื่อน เป็นอันตรายต่อผู้หญิง ที่หลายครั้งที่เกิดการเสียชีวิต มีการฉกฉวยโอกาสจากตลาดมืด กับผู้หญิงที่หาทางออกไม่ได้ และจุดปลอดภัยสำหรับผู้หญิงจะเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ นั่นคือคำถาม หรือเราควรมองว่า “การหยุดตั้งครรภ์ปลอดภัย” เป็นเรื่องเดียวกับการบริการด้านสุขภาพของผู้หญิงที่ควรเข้าถึงแ ละได้รับการบริการนี้อย่างปลอดภัยและถูกต้องเสียที\n\n “หากนี่คือสิทธิของผู้หญิงที่จะดูแลตนเองและตัดสินใจด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นสังคมจะต้องมีส่วนร่วมด้วย อยากให้ประเด็นดังกล่าว เป็นประเด็นของเราทุกคนในสังคมที่ต้องทำความเข้าใจกัน หยุดการตีตรา หยุดการตัดสิน เพราะว่าผู้หญิงทุกคนมีสิทธิที่จะตัดสินใจบนเนื้อตัวร่างกายของตัวเอง ทำความเข้าใจกัน และนี่คือทางออกที่เราจะอยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจและสันติภาพ”\n\n “เรามีกฎหมายที่ขัดแย้งกัน”\nมาตรา 301 หญิงใดทำตนเองแท้งลูก หรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก ต้องระวางจำโทษไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (อายุความ 20 ปี)\n\nมาตรา 305 ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในมาตรา 301 และ มาตรา 302 นั้นเป็นการกระทำของแพทย์ \n(1) จำเป็นต้องกระทำเนื่องจากสุขภาพของหญิงนั้น หรือ \n(2) หญิงมีครรภ์เนื่องจากการกระทความผิดอาญา ตามที่บัญญัติไว้มาตรา 264 มาตรา 277 มาตรา 278 มาตรา 283 หรือ มาตรา 284 ผู้กระทำไม่มีความผิด\n\nและหากเกิดคดีความ เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือการตั้งสมมุติฐานในการสืบสวน ก็จะเริ่มตั้งจากผู้หญิง หรือ ผู้ให้บริการทางการแพทย์เป็นผู้ผิดเสียก่อน และค่อยหาทางพิสูจน์ว่า เข้าข่ายความผิดไหม \n\nแล้วจะมีหมอ หรือ สถานพยาลที่ไหน อยากจะให้บริการสุขภาพด้านนี้กับผู้หญิง เพราะการให้บริการดังกล่าว อาจจะต้องมากับการหาข้อพิสูจน์ ข้อแก้ต่าง หลักฐานหากมีการดำเนินคดี\nหยุดการซุกปัญหาไว้ใต้พรม ไม่กล้าพูด ปิดบัง และนำพาไปสู่ที่เลวร้ายา ผู้หญิงไม่ปลอดภัย \n\n และนี่คือคำพูดบางช่วงบางตอนจากกลุ่มตัวแทนเครือข่ายสนับสนุนทางเลือกของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม ที่เข้าร่วมแถลงข่าวยื่นหนังสือต่อกมธ. ณ รัฐสภา ที่กล่าวว่า“มาตรา 301 เป็นมาตราที่อัปลักษณ์ที่สุดในประมวลกฎหมายอาญาไทย เพราะเป็นมาตราเดียวที่เอาผิดผู้หญิงฝ่ายเดียว” นอกจากนี้ การทำแท้งเป็นการกระทำความผิดที่ไม่มีผู้เสียหาย หรือ victimless crime เพราะเป็นสิ่งที่ผู้หญิงกระทำต่อเนื้อตัวร่างกายของตนเอง ดังนั้นจึงถือว่ามาตรานี้เป็นการเลือกปฏิบัติ\n\nที่ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยว่ามาตรา 301 ของประมวลกฏหมายอาญา ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 27 ซึ่งระบุว่า “บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย” และ “ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน” และ มาตรา 28 ซึ่งระบุว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย” นอกจากนี้ยังมีคำวินิจฉัยให้ปรับปรุงแก้ไขมาตรา 301 และมาตรา 305 “ให้สอดคล้องกับสภาพการณ์” \n\nนี่จะเป็น การก้าวสู่การเปลี่ยนแปลง ที่ภาคประชาชน นักวิชาการ นักกฏหมาย นักสังคม และผู้ที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินนอกสภา\n\n“สิ่งที่เรานำเสนอตรงนี้และยินดีที่จะแก้ไขปัญหาและศึกษาอย่างรอบด้านนั้นมันไม่ได้เป็นประเด็นในเรื่องกฎหมายเท่านั้นเพราะว่าหนึ่ง การที่เราจะขยับหรือเปลี่ยนแปลงความคิดของสังคมนั้น เราต้องยอมรับว่าประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นที่แหลมคม และคนในสังคมไทยในวงกว้างยังไม่มีความเข้าใจในประเด็นของการทำแท้งหรือการหยุดตั้งครรภ์ปลอดภัยที่จริง ๆ แล้ว สังคมไทยควรมองเป็นเรื่องสุขภาพผู้หญิง” \n\nฉันรับเรื่องนี้ไว้ และจะนำเข้าพิจารณาภายในพรรค\nเพื่อหารือกลไก และ ผลักดันอย่างไรต่อไป\n\nขอขอบคุณภาคประชาชนกลุ่มตัวแทนผู้เข้ายื่นหนังสือ\n\nนิศารัตน์ จงวิศาล เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษากลุ่มทำทาง\nสุพีชา เบาทิพย์ กลุ่มทำทาง\nสุไลพร ชลวิไล นักวิชาการกลุ่มทำทาง\nณฐกมล ศิวะศิลป ทนายความและที่ปรึกษากฎหมายกลุ่มทำทาง\nทัศนัย ขันตยาภรณ์ เครือข่ายสนับสนุนทางเลือกของผู้หญิงท้องไม่พร้อม\nรศ.ดร.กฤตยา อาชวนเจกุล เครือข่ายสนับสนุนทางเลือกของผู้หญิงท้องไม่พร้อม\nนิธิวัชร์ เรืองแสง ผู้ประสานงานเครือข่ายอาสารับส่งต่อการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย (RSA)\n\n#ธัญวัจน์ #พรรคก้าวไกล ",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1117797447503147008/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1115652499039346688",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"content": "<br />จากกรณีคุณบุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนล่าสุดว่า<br />มีหลายพรรคการเมืองติดต่อมา แต่ส่วนตัวคุณบุ๋มยังไม่ได้มีความสนใจ <br />วันนี้ธัญได้มีโอกาสพูดคุยกับทางไทยรัฐทีวีจึงได้ให้ความเห็นว่า<br /><br />ณ สนามการเมืองทั้งไทยและในต่างประเทศทั่วโลก ในยุคสมัยนี้ธัญเชื่อว่าทุกหน่วยงานต้องการคนรุ่นใหม่ ต้องการส่วนผสมและความคิดใหม่ๆ ซึ่งหากคุณปนัดดาปฏิเสธในการเป็นนักการเมืองณ ตอนนี้ ธัญก็เชื่อว่าคุณปนัดดา<br />จะขับเคลื่อนความคิดสร้างสรรค์ และกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือประชาชนนอกสภาได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็เห็นคุณปนัดดาหรือแม้แต่คนในแวดวงบันเทิงเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมอยู่เสมอ <br /><br />สำหรับพรรคก้าวไกลเอง เราเป็นพรรคการของประชาชน เราเปิดพื้นที่สำหรับทุกคนเช่นกัน เราพร้อมที่จะพูดคุยกับทุกหน่วยงาน ภาคประชาชนต่างๆ ซึ่งก้าวไกลก็มีแนวคิดและอุดมการณ์ที่เข้มแข็ง ไม่ว่าในประเด็นต่างๆ หรืออะไรก็ตามที่เป็นข้อเสนอทางกฎหมายพรรคเราก็เปิดกว้างรับฟังทุกฝ่าย แต่ก็ต้องมาพูดคุยกันอีกทีลงในรายละเอียดว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่อย่างไร ครอบคลุมกับคนทุกกลุ่มอย่างแท้จริง มิใช่จะผลักดันบังคับใช้เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ฝ่ายใดฝ่ายนึง ซึ่งหากมีการพูดคุยกัน<br />สามารถ “คลิ๊ก” กันได้ ก็จะเป็นการดีที่เราจะได้คนเก่งๆ เข้ามาร่วมทำงานให้กับประชาชน<br /><br />หากจะถามถึงประเด็นที่มีการโต้เถียงกันอยู่ตอนนี้ ส่วนตัวธัญไม่อยากตัดสินใคร แต่อยากมองให้ลงลึกไปในมิติของการทำงานมากกว่า เพราะพรรคก้าวไกลเชื่อในคุณค่าของคนทุกคนอยู่แล้ว<br />เชื่อว่าคุณปนัดดา ย่อมมีวิธีนำเสนอ ผลักประเด็น ของตนเอง<br />ในทางกลับกัน คุณปารีณา ก็ย่อมมีวิธีนำเสนอ และผลักประเด็นของตนเองเช่นกัน<br />อาจจะแตกต่างกันที่วิธีการสื่อสาร วาทะศิลป์ ซึ่งทั้งหมดนี้เราเชื่อว่าประชาชนสามารถเข้าถึงและหาข้อมูลเอง ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง หรือแม้แต่ประชาชนจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป ก็เป็นสิทธิในการแสดงออกทางความคิดของแต่ละบุคคล ไม่มีผิดถูก ไม่จำเป็นต้องเลือกข้างเลือกทีม เพราะท้ายที่สุด ถ้าเราต่างถกเถียงเพื่อผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของประชาชน นั่นเป็นสิ่งที่ควรทำเสมอ<br /><br />เพราะนี่น่าจะไม่ใช่ยุค “เลือกแบบ เลือกอย่าง” อีกแล้ว แต่น่าจะเป็นยุค “เลือกได้หลากหลายแบบ”<br />ทุกอย่างเปิดกว้าง โลกก็เปลี่ยนไปทุกวัน<br />เราต้องเปิดรับ เรียนรู้ หาข้อมูลใหม่ๆอยู่เสมอ<br /><br />เชื่อว่าทุกๆความคิดเห็นและการคิดต่างที่เกิดขึ้น จะเป็นการขยับขยายพื้นที่แสดงความคิดเห็นของคนในสังคม ซึ่งเราอยากให้ทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนและเถียงกันได้อย่างเสรี ซึ่งแน่นอนจะมีชุดความคิด ความสร้างสรรค์ต่างๆเกิดขึ้นทุกวัน ก่อให้เกิดประโยชน์ใหม่ๆ ที่คนในสังคมนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และใช้ขับเคลื่อนสังคมไปสู่อนาคตที่ดีต่อไป<br /><br /><a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=ธัญวัจน์\" title=\"#ธัญวัจน์\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#ธัญวัจน์</a> <a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=พรรคก้าวไกล\" title=\"#พรรคก้าวไกล\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#พรรคก้าวไกล</a> <a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=diversity\" title=\"#diversity\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#diversity</a> ",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1115652499039346688",
"published": "2020-06-05T14:44:42+00:00",
"source": {
"content": "\nจากกรณีคุณบุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนล่าสุดว่า\nมีหลายพรรคการเมืองติดต่อมา แต่ส่วนตัวคุณบุ๋มยังไม่ได้มีความสนใจ \nวันนี้ธัญได้มีโอกาสพูดคุยกับทางไทยรัฐทีวีจึงได้ให้ความเห็นว่า\n\nณ สนามการเมืองทั้งไทยและในต่างประเทศทั่วโลก ในยุคสมัยนี้ธัญเชื่อว่าทุกหน่วยงานต้องการคนรุ่นใหม่ ต้องการส่วนผสมและความคิดใหม่ๆ ซึ่งหากคุณปนัดดาปฏิเสธในการเป็นนักการเมืองณ ตอนนี้ ธัญก็เชื่อว่าคุณปนัดดา\nจะขับเคลื่อนความคิดสร้างสรรค์ และกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือประชาชนนอกสภาได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็เห็นคุณปนัดดาหรือแม้แต่คนในแวดวงบันเทิงเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมอยู่เสมอ \n\nสำหรับพรรคก้าวไกลเอง เราเป็นพรรคการของประชาชน เราเปิดพื้นที่สำหรับทุกคนเช่นกัน เราพร้อมที่จะพูดคุยกับทุกหน่วยงาน ภาคประชาชนต่างๆ ซึ่งก้าวไกลก็มีแนวคิดและอุดมการณ์ที่เข้มแข็ง ไม่ว่าในประเด็นต่างๆ หรืออะไรก็ตามที่เป็นข้อเสนอทางกฎหมายพรรคเราก็เปิดกว้างรับฟังทุกฝ่าย แต่ก็ต้องมาพูดคุยกันอีกทีลงในรายละเอียดว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่อย่างไร ครอบคลุมกับคนทุกกลุ่มอย่างแท้จริง มิใช่จะผลักดันบังคับใช้เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ฝ่ายใดฝ่ายนึง ซึ่งหากมีการพูดคุยกัน\nสามารถ “คลิ๊ก” กันได้ ก็จะเป็นการดีที่เราจะได้คนเก่งๆ เข้ามาร่วมทำงานให้กับประชาชน\n\nหากจะถามถึงประเด็นที่มีการโต้เถียงกันอยู่ตอนนี้ ส่วนตัวธัญไม่อยากตัดสินใคร แต่อยากมองให้ลงลึกไปในมิติของการทำงานมากกว่า เพราะพรรคก้าวไกลเชื่อในคุณค่าของคนทุกคนอยู่แล้ว\nเชื่อว่าคุณปนัดดา ย่อมมีวิธีนำเสนอ ผลักประเด็น ของตนเอง\nในทางกลับกัน คุณปารีณา ก็ย่อมมีวิธีนำเสนอ และผลักประเด็นของตนเองเช่นกัน\nอาจจะแตกต่างกันที่วิธีการสื่อสาร วาทะศิลป์ ซึ่งทั้งหมดนี้เราเชื่อว่าประชาชนสามารถเข้าถึงและหาข้อมูลเอง ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง หรือแม้แต่ประชาชนจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป ก็เป็นสิทธิในการแสดงออกทางความคิดของแต่ละบุคคล ไม่มีผิดถูก ไม่จำเป็นต้องเลือกข้างเลือกทีม เพราะท้ายที่สุด ถ้าเราต่างถกเถียงเพื่อผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของประชาชน นั่นเป็นสิ่งที่ควรทำเสมอ\n\nเพราะนี่น่าจะไม่ใช่ยุค “เลือกแบบ เลือกอย่าง” อีกแล้ว แต่น่าจะเป็นยุค “เลือกได้หลากหลายแบบ”\nทุกอย่างเปิดกว้าง โลกก็เปลี่ยนไปทุกวัน\nเราต้องเปิดรับ เรียนรู้ หาข้อมูลใหม่ๆอยู่เสมอ\n\nเชื่อว่าทุกๆความคิดเห็นและการคิดต่างที่เกิดขึ้น จะเป็นการขยับขยายพื้นที่แสดงความคิดเห็นของคนในสังคม ซึ่งเราอยากให้ทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนและเถียงกันได้อย่างเสรี ซึ่งแน่นอนจะมีชุดความคิด ความสร้างสรรค์ต่างๆเกิดขึ้นทุกวัน ก่อให้เกิดประโยชน์ใหม่ๆ ที่คนในสังคมนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และใช้ขับเคลื่อนสังคมไปสู่อนาคตที่ดีต่อไป\n\n#ธัญวัจน์ #พรรคก้าวไกล #diversity ",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1115652499039346688/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1114812376846643200",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"content": "[เมื่อการตีค่าให้คนไม่เท่ากัน ได้ส่งผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ ถึงเวลาถอดบทเรียนซ้ำซากนี้ ด้วยการส่งเสริมเห็นคุณค่าของเพื่อนมนุษย์ ในรั้วสถานศึกษา]<br /><br />ในช่วงเวลานี้ อาจมีประเด็นเยอะแยะมากมายในแต่ละวัน แต่มีประเด็นหนึ่งที่ไม่อยากให้ผ่านเลยไป โดยที่เราไม่ได้หยิบยกหรือถอดบทเรียนจากสิ่งที่เกิดขึ้นเลย นั่นคือ ประเด็นของ George Floyd ชายผิวดำวัย 46 ปีได้เสียชีวิตลงด้วยภาวะขาดอากาศหายใจในเมืองมินเนอาโพลิส มลรัฐมินเนโซต้า หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม เอามือไพล่หลังใส่กุญแจมือ ก่อนจะใช้หัวเข่ากดบริเวณต้นคอลงกับพื้นเป็นระยะเวลา 8 นาที 46 วินาที ซึ่งการใช้กำลังในรูปแบบดังกล่าวเกิดขึ้นแม้ว่า Floyd จะไม่มีการตอบสนองต่อเจ้าหน้าที่ประมาณ 3 นาทีก่อนหน้านั้นแล้ว เหตุการณ์นี้ได้กลายมาเป็นหนึ่งในชนวนเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดการจลาจลาของคนผิวดำและกลุ่มผู้ต่อต้านการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ (police brutality) ในหลายเมืองทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาในขณะนี้ ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรก และไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องไกลตัว และไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย<br /><br />ธัญขอยกตัวอย่าง นายทหารที่ก่อเหตุความรุนแรงในห้างสรรพสินค้า ในจังหวัดนครราชสีมาเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยพิจารณามูลเหตุในการกระทำความรุนแรงครังนี้คือการที่เขาถูกกดให้ต่ำด้วยสถานะชั้นผู้น้อยและถูกปิดกั้นในการเรียกร้องความเป็นธรรม จนเขาลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ใช่ค่ะสิ่งที่ดิฉันกำลังจะบอกคือ การมองเห็นคุณค่าของมนุษย์ตรงหน้า คุณค่าความเป็นคนที่ทุกคนควรมองเห็นซึ่งกันและกัน การตีค่าให้คนไม่เท่ากัน ส่งผลต่อปัญหาทางสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ฉุดรั้งการพัฒนาสังคมนั้นๆไปด้วย หากการพัฒนาประเทศรวมถึงสังคมหรือแม้แต่องค์กรใดก็ตาม หากยังถูกปลูกฝังหลักคิดว่าคนไม่มีทางเท่ากัน ด้วยฐานะทางครอบครัว ที่มาของบุคคลนั้น องค์ประกอบภายนอกที่ถูกตีตราด้วยมายาคติ สังคมนั้นจะไม่สามารถพัฒนาไปไหนได้เลย<br /><br />ปัญหาที่หยิบยกมาไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องมีการแก้ไข และทำให้ดีขึ้น การมองเห็นเพื่อนมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน โดยไม่วัดจาก สีผิว ฐานะทางการเงิน การศึกษา รูปร่างหน้าตา เพศสภาพ เพศกำเนิด แต่มองเห็นตัวตนของคน เพราะเขาคือคนเหมือนเรา<br /><br />ในฐานะตัวแทนของประชาชน สะท้อนปัญหาและเสนอแนวทางแก้ไข ซึ่งเราสามารถเริ่มต้นได้เลย คือสถานศึกษาหรือโรงเรียน จะเสริมหลักสูตร ปลูกผังทัศนคติการมองเห็นคุณค่าของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะในช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีเพราะเราได้เรียนรู้เรื่องวิถีใหม่ของสังคมและการใช้ชีวิตในหลายมิติ การเริ่มต้นบรรจุหลักสูตรการศึกษา วิชาคุณค่าเพื่อนมนุษย์น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี ที่จะทำให้การมองเห็นคุณค่าของผู้อื่น ถูกพูดถึงและตระหนักในการใช้ชีวิตไม่น้อยไปว่าความรู้ทฤษฎีวิชาการ ซึ่งหากกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงสาธารณะสุข ตกผลึกและบรรจุหลักสูตรนี้ลงไป เพื่อปลูกฝังและสื่อสารในทุกระดับการศึกษาได้<br /><br />ธัญเชื่อว่าประเทศไทยจะพ้นวังวนประเทศกำลังพัฒนาไปได้ ก่อนพัฒนาอะไร เราควรพัฒนาจิตใจคนไปพร้อมกันร่วมกันสร้างประเทศไทย ก้าวไปสู่วิถีใหม่เข้าใจจิตใจเพื่อนมนุษย์ไปพร้อมกัน <br /><br /><br /><a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=ธัญวัจน์\" title=\"#ธัญวัจน์\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#ธัญวัจน์</a> <a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=พรรคก้าวไกล\" title=\"#พรรคก้าวไกล\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#พรรคก้าวไกล</a> ",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1114812376846643200",
"published": "2020-06-03T07:06:21+00:00",
"source": {
"content": "[เมื่อการตีค่าให้คนไม่เท่ากัน ได้ส่งผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ ถึงเวลาถอดบทเรียนซ้ำซากนี้ ด้วยการส่งเสริมเห็นคุณค่าของเพื่อนมนุษย์ ในรั้วสถานศึกษา]\n\nในช่วงเวลานี้ อาจมีประเด็นเยอะแยะมากมายในแต่ละวัน แต่มีประเด็นหนึ่งที่ไม่อยากให้ผ่านเลยไป โดยที่เราไม่ได้หยิบยกหรือถอดบทเรียนจากสิ่งที่เกิดขึ้นเลย นั่นคือ ประเด็นของ George Floyd ชายผิวดำวัย 46 ปีได้เสียชีวิตลงด้วยภาวะขาดอากาศหายใจในเมืองมินเนอาโพลิส มลรัฐมินเนโซต้า หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม เอามือไพล่หลังใส่กุญแจมือ ก่อนจะใช้หัวเข่ากดบริเวณต้นคอลงกับพื้นเป็นระยะเวลา 8 นาที 46 วินาที ซึ่งการใช้กำลังในรูปแบบดังกล่าวเกิดขึ้นแม้ว่า Floyd จะไม่มีการตอบสนองต่อเจ้าหน้าที่ประมาณ 3 นาทีก่อนหน้านั้นแล้ว เหตุการณ์นี้ได้กลายมาเป็นหนึ่งในชนวนเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดการจลาจลาของคนผิวดำและกลุ่มผู้ต่อต้านการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ (police brutality) ในหลายเมืองทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาในขณะนี้ ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรก และไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องไกลตัว และไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย\n\nธัญขอยกตัวอย่าง นายทหารที่ก่อเหตุความรุนแรงในห้างสรรพสินค้า ในจังหวัดนครราชสีมาเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยพิจารณามูลเหตุในการกระทำความรุนแรงครังนี้คือการที่เขาถูกกดให้ต่ำด้วยสถานะชั้นผู้น้อยและถูกปิดกั้นในการเรียกร้องความเป็นธรรม จนเขาลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ใช่ค่ะสิ่งที่ดิฉันกำลังจะบอกคือ การมองเห็นคุณค่าของมนุษย์ตรงหน้า คุณค่าความเป็นคนที่ทุกคนควรมองเห็นซึ่งกันและกัน การตีค่าให้คนไม่เท่ากัน ส่งผลต่อปัญหาทางสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ฉุดรั้งการพัฒนาสังคมนั้นๆไปด้วย หากการพัฒนาประเทศรวมถึงสังคมหรือแม้แต่องค์กรใดก็ตาม หากยังถูกปลูกฝังหลักคิดว่าคนไม่มีทางเท่ากัน ด้วยฐานะทางครอบครัว ที่มาของบุคคลนั้น องค์ประกอบภายนอกที่ถูกตีตราด้วยมายาคติ สังคมนั้นจะไม่สามารถพัฒนาไปไหนได้เลย\n\nปัญหาที่หยิบยกมาไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องมีการแก้ไข และทำให้ดีขึ้น การมองเห็นเพื่อนมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน โดยไม่วัดจาก สีผิว ฐานะทางการเงิน การศึกษา รูปร่างหน้าตา เพศสภาพ เพศกำเนิด แต่มองเห็นตัวตนของคน เพราะเขาคือคนเหมือนเรา\n\nในฐานะตัวแทนของประชาชน สะท้อนปัญหาและเสนอแนวทางแก้ไข ซึ่งเราสามารถเริ่มต้นได้เลย คือสถานศึกษาหรือโรงเรียน จะเสริมหลักสูตร ปลูกผังทัศนคติการมองเห็นคุณค่าของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะในช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีเพราะเราได้เรียนรู้เรื่องวิถีใหม่ของสังคมและการใช้ชีวิตในหลายมิติ การเริ่มต้นบรรจุหลักสูตรการศึกษา วิชาคุณค่าเพื่อนมนุษย์น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี ที่จะทำให้การมองเห็นคุณค่าของผู้อื่น ถูกพูดถึงและตระหนักในการใช้ชีวิตไม่น้อยไปว่าความรู้ทฤษฎีวิชาการ ซึ่งหากกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงสาธารณะสุข ตกผลึกและบรรจุหลักสูตรนี้ลงไป เพื่อปลูกฝังและสื่อสารในทุกระดับการศึกษาได้\n\nธัญเชื่อว่าประเทศไทยจะพ้นวังวนประเทศกำลังพัฒนาไปได้ ก่อนพัฒนาอะไร เราควรพัฒนาจิตใจคนไปพร้อมกันร่วมกันสร้างประเทศไทย ก้าวไปสู่วิถีใหม่เข้าใจจิตใจเพื่อนมนุษย์ไปพร้อมกัน \n\n\n#ธัญวัจน์ #พรรคก้าวไกล ",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1114812376846643200/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1114100217432600576",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"content": "<br />เดือนมิถุนายนของทุกปี คือเดือนแห่งความภูมิใจในตนเอง เพื่อแสดงถึงความเป็นตัวตนได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องอายหรือปิดบังตนเองท่ามกลางค่านิยมกระแสหลักของโลกที่เป็นผู้กำหนดการเมือง วัฒนธรรม จนรุกล้ำไปถึงสิทธิส่วนบุคคล เพศ ความงาม ความคิดของผู้คนส่วนใหญ่ในโลกนี้ ที่นำพามาถึงความเกลียดชัง การแบ่งแยก และนำไปสู่สงครามในทุกมิติ นี่คือการต่อสู้เพื่อก้าวสู่สันติภาพอย่างแท้จริง <br /><br />“ความรัก ความภูมิใจในตนเอง การให้เกียรติผู้อื่น เป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่มนุษย์พึ่งมี”<br /><br />สังคมอำนาจนิยมสื่อสารความเกลียดชังผ่านเรื่องเล่า และกลไกที่ควบคุมโดยรัฐ<br />การสื่อสารความเกลียดชังที่กล่าวมาข้างต้นนี้ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบด้วยกันคือ<br /><br />1.\tการสื่อสารให้เราเกลียดชังผู้อื่น เพื่อประโยชน์ทางการเมือง สิ่งเหล่านี้ทำได้ผ่านการเขียน เรื่องเล่าประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่ถูกกำหนดยึดความถูกต้องเพียงประการเดียว มองว่าการคิดต่างเป็นสิ่งไม่ดี ไม่ชอบ สร้างคำพูดที่สวยหรูแต่แฝงให้คนเกลียดชังผู้อื่น <br />2.\tการสื่อสารให้เราเกลียดชังตนเอง เพื่อประโยชน์ทางการตลาด ทำให้คนยอมลดความพึงพอใจในตนเอง ยอมเสียเงินเสียทอง เพียงเพราะยึดติดกับค่านิยมกระแสหลัก ใช้การสื่อสารออกมากำกับมาตรฐานบางอย่างในสังคม เช่น “ผิวดำไม่สวย” “เธออ้วนเพราะน้ำหนักเกิน” “พวกเบี่ยงเบนผิดธรรมชาติ” หากจะอธิบายให้ชัดขึ้นเรามักพบเห็นในการโฆษณาผลิตภัณฑ์ประเภทความสวยงาม เช่น ทาครีมเพื่อผิวขาวกระจายใส เนื้อหาหนังโฆษณาก็จะเล่าในรูปลักษณ์ของผู้หญิงที่จะต้องขาวใส จนผู้ชายตกตะลึง หันมอง ได้รับการสนใจ ได้รับการชื่นชมเป็นที่ยอมรับ ซึ่งต่างๆเหล่านี้คือการล่อเลี้ยงชุดความคิดศูนย์รวมอำนาจ มอมเมาคนในสังคม ให้หลงอยู่ในเปลือกภายนอก ขีดเส้นจำกัดสู่การไปถึงเสรีภาพทั้งทางร่างกาย และภายในจิตใจ <br /><br />มิถุนายน จึงเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของการทำงานทางความคิด เพื่อเปลี่ยนแปลงและเป็นพื้นที่สำคัญในการแสดงตัวตนผ่านขบวนพาเหรดกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ ซึ่งเราจะได้เห็นบรรยากาศการเฉลิมฉลองเทศกาล Pride Month จากทั่วโลกเป็นประจำตลอดเดือนมิถุนายน แต่ในสถานการณ์ Covid-19ที่ระบาดหนักไปทั่วโลก ณ ขณะนี้ทำให้การเฉลิมฉลองขบวนพาเหรดดังกล่าว มีการยกเลิกในหลายประเทศ จนไปถึงเดือนสิงหาคม (ทั้งนี้ในแต่ละประเทศมีการจัดเทศกาลเฉลิมฉลอง ในช่วงเดือนที่ต่างกันไม่เพียงเฉพาะในเดือนมิถุนายนเท่านั้น)<br /><br />สำหรับเดือนมิถุนายนปี2020 นี้ การเฉลิมฉลองในหลายประเทศเปลี่ยนเป็นการเฉลิมฉลองในรูปแบบออนไลน์ New Normal ไม่ว่าจะเป็นการจัด Online Conference กิจกรรมต่างๆ หรือ การแสดงโชว์หลายอย่างที่ทำบนพื้นที่ออนไลน์ ทำให้เราได้ทราบข่าวสารและสถานการณ์ปัจจุบันของผู้มีความหลากหลายทางเพศทั่วโลก <br /><br />และถ้าหากมีกิจกรรมแคมเปญไหนน่าสนใจจะนำภาพมาแชร์อีกครั้งค่ะ ถ้าใครมีเรื่องเล่าหรือภาพกิจกรรมใดๆ เข้ามาแบ่งปันแลกเปลี่ยนกันได้เลยนะคะ <br /><a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=ธัญวัจน์\" title=\"#ธัญวัจน์\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#ธัญวัจน์</a> <a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=พรรคก้าวไกล\" title=\"#พรรคก้าวไกล\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#พรรคก้าวไกล</a> ",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1114100217432600576",
"published": "2020-06-01T07:56:29+00:00",
"source": {
"content": "\nเดือนมิถุนายนของทุกปี คือเดือนแห่งความภูมิใจในตนเอง เพื่อแสดงถึงความเป็นตัวตนได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องอายหรือปิดบังตนเองท่ามกลางค่านิยมกระแสหลักของโลกที่เป็นผู้กำหนดการเมือง วัฒนธรรม จนรุกล้ำไปถึงสิทธิส่วนบุคคล เพศ ความงาม ความคิดของผู้คนส่วนใหญ่ในโลกนี้ ที่นำพามาถึงความเกลียดชัง การแบ่งแยก และนำไปสู่สงครามในทุกมิติ นี่คือการต่อสู้เพื่อก้าวสู่สันติภาพอย่างแท้จริง \n\n“ความรัก ความภูมิใจในตนเอง การให้เกียรติผู้อื่น เป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่มนุษย์พึ่งมี”\n\nสังคมอำนาจนิยมสื่อสารความเกลียดชังผ่านเรื่องเล่า และกลไกที่ควบคุมโดยรัฐ\nการสื่อสารความเกลียดชังที่กล่าวมาข้างต้นนี้ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบด้วยกันคือ\n\n1.\tการสื่อสารให้เราเกลียดชังผู้อื่น เพื่อประโยชน์ทางการเมือง สิ่งเหล่านี้ทำได้ผ่านการเขียน เรื่องเล่าประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่ถูกกำหนดยึดความถูกต้องเพียงประการเดียว มองว่าการคิดต่างเป็นสิ่งไม่ดี ไม่ชอบ สร้างคำพูดที่สวยหรูแต่แฝงให้คนเกลียดชังผู้อื่น \n2.\tการสื่อสารให้เราเกลียดชังตนเอง เพื่อประโยชน์ทางการตลาด ทำให้คนยอมลดความพึงพอใจในตนเอง ยอมเสียเงินเสียทอง เพียงเพราะยึดติดกับค่านิยมกระแสหลัก ใช้การสื่อสารออกมากำกับมาตรฐานบางอย่างในสังคม เช่น “ผิวดำไม่สวย” “เธออ้วนเพราะน้ำหนักเกิน” “พวกเบี่ยงเบนผิดธรรมชาติ” หากจะอธิบายให้ชัดขึ้นเรามักพบเห็นในการโฆษณาผลิตภัณฑ์ประเภทความสวยงาม เช่น ทาครีมเพื่อผิวขาวกระจายใส เนื้อหาหนังโฆษณาก็จะเล่าในรูปลักษณ์ของผู้หญิงที่จะต้องขาวใส จนผู้ชายตกตะลึง หันมอง ได้รับการสนใจ ได้รับการชื่นชมเป็นที่ยอมรับ ซึ่งต่างๆเหล่านี้คือการล่อเลี้ยงชุดความคิดศูนย์รวมอำนาจ มอมเมาคนในสังคม ให้หลงอยู่ในเปลือกภายนอก ขีดเส้นจำกัดสู่การไปถึงเสรีภาพทั้งทางร่างกาย และภายในจิตใจ \n\nมิถุนายน จึงเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของการทำงานทางความคิด เพื่อเปลี่ยนแปลงและเป็นพื้นที่สำคัญในการแสดงตัวตนผ่านขบวนพาเหรดกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ ซึ่งเราจะได้เห็นบรรยากาศการเฉลิมฉลองเทศกาล Pride Month จากทั่วโลกเป็นประจำตลอดเดือนมิถุนายน แต่ในสถานการณ์ Covid-19ที่ระบาดหนักไปทั่วโลก ณ ขณะนี้ทำให้การเฉลิมฉลองขบวนพาเหรดดังกล่าว มีการยกเลิกในหลายประเทศ จนไปถึงเดือนสิงหาคม (ทั้งนี้ในแต่ละประเทศมีการจัดเทศกาลเฉลิมฉลอง ในช่วงเดือนที่ต่างกันไม่เพียงเฉพาะในเดือนมิถุนายนเท่านั้น)\n\nสำหรับเดือนมิถุนายนปี2020 นี้ การเฉลิมฉลองในหลายประเทศเปลี่ยนเป็นการเฉลิมฉลองในรูปแบบออนไลน์ New Normal ไม่ว่าจะเป็นการจัด Online Conference กิจกรรมต่างๆ หรือ การแสดงโชว์หลายอย่างที่ทำบนพื้นที่ออนไลน์ ทำให้เราได้ทราบข่าวสารและสถานการณ์ปัจจุบันของผู้มีความหลากหลายทางเพศทั่วโลก \n\nและถ้าหากมีกิจกรรมแคมเปญไหนน่าสนใจจะนำภาพมาแชร์อีกครั้งค่ะ ถ้าใครมีเรื่องเล่าหรือภาพกิจกรรมใดๆ เข้ามาแบ่งปันแลกเปลี่ยนกันได้เลยนะคะ \n#ธัญวัจน์ #พรรคก้าวไกล ",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1114100217432600576/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1113453993061953536",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"content": "เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ (Tunyawaj Kamolwongwat) ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับน้องๆ ผู้เข้าประกวดจากเวทีการประกวดคนหูหนวก เเละคนหูตึง Miss & Mister , Miss Queen Deaf Thailand 2020 องค์กรเครือข่ายของสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย<br />ซึ่งได้ดำเนินกิจกรรมมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่ต้องมาหยุดชะงักในการจัดประกวดรอบ “Final Show” ที่เดิมจะต้องจัดขึ้นในวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา แต่ต้องเลื่อนการจัดประกวดเนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 <br /><br />จากการพูดคุยกันผู้เข้าประกวด ประกอบด้วยนักศึกษา ,ผู้ประกอบอาชีพธุรกิจ และข้าราชการ ได้สะท้อนถึงผลกระทบจากการที่รัฐบาลออกพระราชกำหนดบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินว่า ขณะนี้ถูกอย่างหยุดชะงักมามากกว่า 2 เดือนแล้ว บริษัทต้องหยุดงาน ทำให้ขาดรายได้ ทั้งนี้ยังมีภาระในการใช้จ่ายมากขึ้น เเต่หากรัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาให้ครอบคลุมกับคนทุกกลุ่มอย่างแท้จริง เนื่องจากบุคคลบางประเภท ไม่ได้รับสิทธิ์เข้าไม่ถึงบัตรสวัสดิการของผู้พิการ และยังพบว่าอุปสรรคของผู้พิการทางการได้ยิน ไม่สามารถอ่านภาษาไทยได้ทุกคน จึงไม่สามารถเข้าถึงในระบบต่างๆของทางราชการ ซึ่งนี้เป็นการสะท้อนถึงปัญหาที่ต้องเผชิญในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19ระบาด ทั้งนี้กลุ่มตัวแทนได้ฝากข้อเสนอให้รัฐบาลหาเเนวทางแก้ไข เเละมาตรการเยียวยาแก่ผู้พิการทางการได้ยิน<br /><br />ในฐานะกรรมาธิการ เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร เห็นว่าสำหรับผู้พิการที่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาและได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะรวบรวมรายชื่อของผู้ได้รับผลกระทบดังกล่าว และจะประสานไปยังกระทรวงพัฒนาสังคม เเละความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อให้กลุ่มผู้พิการได้รับการเยียวยาโดยตรง เเละในส่วนของการประกวด จะช่วยประสานไปยังผู้จัดการประกวด เพื่อจ่ายค่าชดเชยเยียวยา เเละหามาตรการรองรับ ซึ่งทั้งหมดจะรีบดำเนินการโดยไวที่สุด เพราะตระหนักถึงปัญหาที่พี่น้องประชาชนต้องเผชิญในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และรอคอยการเยียวยามาอย่างเนิ่นนาน<br /><br />ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า ดิฉันและพรรคก้าวไกลพร้อมที่จะร่วมหาเเนวทางในการจัดการประกวดเเบบ new normal เพื่อให้การจัดประกวด MISS & MISTER, MISS QUEEN, MRS.DEAF THAILAND 2020 ในวาระพิเศษ 10ปีนี้ให้ได้ดำเนินการต่อไป พร้อมจะร่วมโอบอุ้มสังคมไปด้วยกัน โดยจะคำนึงถึงมาตราต่างๆ ให้พร้อมรองรับสถานการณ์หลังการเเพร่ระบาดของโรคโควิด-19 <br /><br />ทั้งนี้เราเชื่อมั่นในสิทธิที่เท่าเทียมกันของคนในสังคม มั่นใจว่าผู้พิการสามารถทำงานที่มีคุณภาพได้ มีความสามรถหลากหลาย สุดท้ายต้องขอบคุณที่ทุกท่านนำข้อมูลเหล่านี้ มาสะท้อน ซึ่งเราจะใช้ข้อมูลเหล่านี้เข้าไปผลักดันในระบบสภาผู้แทนราษฎรให้ผู้พิการได้มีที่ยืนในสังคมไทยอย่างเท่าเทียม<br /><br /><a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=ธัญวัจน์\" title=\"#ธัญวัจน์\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#ธัญวัจน์</a> กมลวงศ์วัฒน์ <br />ส.ส. บัญชีรายชื่อ <a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=พรรคก้าวไกล\" title=\"#พรรคก้าวไกล\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#พรรคก้าวไกล</a><br />",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1113453993061953536",
"published": "2020-05-30T13:08:37+00:00",
"source": {
"content": "เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ (Tunyawaj Kamolwongwat) ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับน้องๆ ผู้เข้าประกวดจากเวทีการประกวดคนหูหนวก เเละคนหูตึง Miss & Mister , Miss Queen Deaf Thailand 2020 องค์กรเครือข่ายของสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย\nซึ่งได้ดำเนินกิจกรรมมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่ต้องมาหยุดชะงักในการจัดประกวดรอบ “Final Show” ที่เดิมจะต้องจัดขึ้นในวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา แต่ต้องเลื่อนการจัดประกวดเนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 \n\nจากการพูดคุยกันผู้เข้าประกวด ประกอบด้วยนักศึกษา ,ผู้ประกอบอาชีพธุรกิจ และข้าราชการ ได้สะท้อนถึงผลกระทบจากการที่รัฐบาลออกพระราชกำหนดบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินว่า ขณะนี้ถูกอย่างหยุดชะงักมามากกว่า 2 เดือนแล้ว บริษัทต้องหยุดงาน ทำให้ขาดรายได้ ทั้งนี้ยังมีภาระในการใช้จ่ายมากขึ้น เเต่หากรัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาให้ครอบคลุมกับคนทุกกลุ่มอย่างแท้จริง เนื่องจากบุคคลบางประเภท ไม่ได้รับสิทธิ์เข้าไม่ถึงบัตรสวัสดิการของผู้พิการ และยังพบว่าอุปสรรคของผู้พิการทางการได้ยิน ไม่สามารถอ่านภาษาไทยได้ทุกคน จึงไม่สามารถเข้าถึงในระบบต่างๆของทางราชการ ซึ่งนี้เป็นการสะท้อนถึงปัญหาที่ต้องเผชิญในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19ระบาด ทั้งนี้กลุ่มตัวแทนได้ฝากข้อเสนอให้รัฐบาลหาเเนวทางแก้ไข เเละมาตรการเยียวยาแก่ผู้พิการทางการได้ยิน\n\nในฐานะกรรมาธิการ เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร เห็นว่าสำหรับผู้พิการที่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาและได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะรวบรวมรายชื่อของผู้ได้รับผลกระทบดังกล่าว และจะประสานไปยังกระทรวงพัฒนาสังคม เเละความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อให้กลุ่มผู้พิการได้รับการเยียวยาโดยตรง เเละในส่วนของการประกวด จะช่วยประสานไปยังผู้จัดการประกวด เพื่อจ่ายค่าชดเชยเยียวยา เเละหามาตรการรองรับ ซึ่งทั้งหมดจะรีบดำเนินการโดยไวที่สุด เพราะตระหนักถึงปัญหาที่พี่น้องประชาชนต้องเผชิญในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และรอคอยการเยียวยามาอย่างเนิ่นนาน\n\nขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า ดิฉันและพรรคก้าวไกลพร้อมที่จะร่วมหาเเนวทางในการจัดการประกวดเเบบ new normal เพื่อให้การจัดประกวด MISS & MISTER, MISS QUEEN, MRS.DEAF THAILAND 2020 ในวาระพิเศษ 10ปีนี้ให้ได้ดำเนินการต่อไป พร้อมจะร่วมโอบอุ้มสังคมไปด้วยกัน โดยจะคำนึงถึงมาตราต่างๆ ให้พร้อมรองรับสถานการณ์หลังการเเพร่ระบาดของโรคโควิด-19 \n\nทั้งนี้เราเชื่อมั่นในสิทธิที่เท่าเทียมกันของคนในสังคม มั่นใจว่าผู้พิการสามารถทำงานที่มีคุณภาพได้ มีความสามรถหลากหลาย สุดท้ายต้องขอบคุณที่ทุกท่านนำข้อมูลเหล่านี้ มาสะท้อน ซึ่งเราจะใช้ข้อมูลเหล่านี้เข้าไปผลักดันในระบบสภาผู้แทนราษฎรให้ผู้พิการได้มีที่ยืนในสังคมไทยอย่างเท่าเทียม\n\n#ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ \nส.ส. บัญชีรายชื่อ #พรรคก้าวไกล\n",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1113453993061953536/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1111949140530876416",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"content": "ก้าวต่อและต้องก้าวให้ไกล พรุ่งนี้(27พ.ค.) คือ การเปิดสภาวันแรกในปีที่ 2 ของชีวิตการเป็นผู้แทนราษฎร สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกเมื่อเปิดสภาครั้งนี้ คือ การอภิปราย พ.ร.บ โอนงบประมาณ 2563 และฉัน <a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=ธัญวัจน์\" title=\"#ธัญวัจน์\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#ธัญวัจน์</a> กมลวงศ์วัฒน์ มีหน้าที่อภิปรายในการโอนงบประมาณของกระทรวงวัฒนธรรมที่โอนไม่ได้ตามเป้า!<br /><br />ตลอดช่วงเดือนพฤษภาคม ฉันใช้เวลาหลังการลงพื้นที่ ในการหาข้อมูลต่างๆ ใช้ประกอบการอภิปราย เพื่อให้สภาเป็นพื้นที่แห่งการตรวจสอบ ให้ประชาชนได้รับฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในการใช้เงินภาษีที่ได้มาจากหยาดเหงื่อของพวกเขา และการฟังอภิปรายต้องได้มุมมองและเปิดความคิดของคนในสังคม และนี่คือ 1 หน้าที่สำคัญของการเป็นผู้แทนราษฎร ที่เราตั้งใจจะทำอย่างดีที่สุด<br /><br />จากการทำงาน 1 ปีที่ผ่านมา ได้เห็นปัญหาเชิงระบบมากมายของฝ่ายบริหาร รวมทั้ง การเมือง สื่อมวลชน ที่นักการเมืองทุกคนต้องรับมือ การเรียนรู้ในปีที่ผ่านมาสอนฉันอย่างหนึ่งว่า เราจะแทนที่กระแสร้อนแรงในสังคมด้วยสาระสำคัญได้อย่างไร นั่นคือการทำงาน ทำงาน และ ทำงาน ไม่ว่อกแว่ก และ ก้าวไปให้ไกล<br /><br />โปรดติดตามการ <a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=ประชุมสภา\" title=\"#ประชุมสภา\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#ประชุมสภา</a> ร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 3 ฉบับ ที่จะเข้าสู่วาระการพิจารณาในวันที่ 27-29 พฤษภาคมนี้<br /><br />1. พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ส. 2563 วงเงินรวมไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท<br /><br />2.พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท<br /><br />3.พระราชกำหนดการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ. 2563 กำหนดให้กองทุนมีวงเงินไม่เกิน 400,000 ล้านบาท<br /><br /><a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=พรรคก้าวไกล\" title=\"#พรรคก้าวไกล\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#พรรคก้าวไกล</a>",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1111949140530876416",
"published": "2020-05-26T09:28:52+00:00",
"source": {
"content": "ก้าวต่อและต้องก้าวให้ไกล พรุ่งนี้(27พ.ค.) คือ การเปิดสภาวันแรกในปีที่ 2 ของชีวิตการเป็นผู้แทนราษฎร สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกเมื่อเปิดสภาครั้งนี้ คือ การอภิปราย พ.ร.บ โอนงบประมาณ 2563 และฉัน #ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ มีหน้าที่อภิปรายในการโอนงบประมาณของกระทรวงวัฒนธรรมที่โอนไม่ได้ตามเป้า!\n\nตลอดช่วงเดือนพฤษภาคม ฉันใช้เวลาหลังการลงพื้นที่ ในการหาข้อมูลต่างๆ ใช้ประกอบการอภิปราย เพื่อให้สภาเป็นพื้นที่แห่งการตรวจสอบ ให้ประชาชนได้รับฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในการใช้เงินภาษีที่ได้มาจากหยาดเหงื่อของพวกเขา และการฟังอภิปรายต้องได้มุมมองและเปิดความคิดของคนในสังคม และนี่คือ 1 หน้าที่สำคัญของการเป็นผู้แทนราษฎร ที่เราตั้งใจจะทำอย่างดีที่สุด\n\nจากการทำงาน 1 ปีที่ผ่านมา ได้เห็นปัญหาเชิงระบบมากมายของฝ่ายบริหาร รวมทั้ง การเมือง สื่อมวลชน ที่นักการเมืองทุกคนต้องรับมือ การเรียนรู้ในปีที่ผ่านมาสอนฉันอย่างหนึ่งว่า เราจะแทนที่กระแสร้อนแรงในสังคมด้วยสาระสำคัญได้อย่างไร นั่นคือการทำงาน ทำงาน และ ทำงาน ไม่ว่อกแว่ก และ ก้าวไปให้ไกล\n\nโปรดติดตามการ #ประชุมสภา ร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 3 ฉบับ ที่จะเข้าสู่วาระการพิจารณาในวันที่ 27-29 พฤษภาคมนี้\n\n1. พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ส. 2563 วงเงินรวมไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท\n\n2.พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท\n\n3.พระราชกำหนดการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ. 2563 กำหนดให้กองทุนมีวงเงินไม่เกิน 400,000 ล้านบาท\n\n#พรรคก้าวไกล",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1111949140530876416/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1110534650786684928",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198",
"content": "[สีสันยามราตรีกำลังดับแสง ท่ามกลางวิกฤต COVID - 19 -พ.ร.ก.ฉุกเฉินฆ่าประชาชนสายอาชีพกลางคืน ขอรัฐบาลมองเห็นคนกลุ่มนี้บ้าง]<br /><br />กลุ่มธุรกิจสีแดงที่ยังรอการปลดล็อก ตามสถานการณ์การผ่อนคลายระยะที่3-4 ล่าสุดสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติเห็นชอบขยาย พ.ร.ก. ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน โดย ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือศบค. ก็ให้ความเห็นชอบอ้างถึงช่วงเตรียมผ่อนคลายระยะที่ 3 และ 4 ไม่อยากให้เกิดโควิด-19 ระบาดซ้ำ ซึ่งหมายความว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะยืดออกไปจนถึง 30 มิ.ย. และอาจส่งผลกระทบทันทีต่อธุรกิจสีแดงที่ถูกสั่งปิดบริการมาตั้งแต่ปลายมีนาคมที่ผ่านมา ในขณะที่การช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐไม่ได้กระจายอย่างทั่วถึงเพียงพอ และขณะนี้ธุรกิจอื่นๆ เริ่มเปิดทำการและแต่เดิมคาดหมายว่าภายใน 15 มิ.ย.นี้จะถึงคิวธุรกิจกลางคืนและงานบริการเฉพาะอื่นๆ หากแต่ต้องมาชะงักลงอีกครั้งเพราะการขยายของ พ.ร.ก.ดังกล่าว<br /><br />ในฐานะตัวแทนประชาชน ผู้มีความเข้าใจในธุรกิจบันเทิงรวมทั้งผู้มีความหลากหลายทางเพศที่มีอยู่ในธุรกิจกลางคืนเป็นจำนวนมาก ขอเสนอหนทางแก้ปัญหาดังกล่าว โดยรัฐจะต้องเริ่มต้นด้วยการมองให้เห็นก่อนว่า ในโมงยามค่ำคืนมีประชาชนที่ทำมาหากินอยู่อีกมากมายนับแสนนับล้านชีวิต และล้วนเป็นอาชีพที่ส่งเสริมรายได้เข้าประเทศจำนวนมหาศาลมาตลอดเสนอ 3 แนวทางเพื่อเยียวยาบุคคลที่อยู่ในอาชีพเหล่านี้<br /><br />1.ในเมื่อรัฐบาลเมินเฉยต่ออาชีพกลุ่มนี้ ภาคเอกชน เจ้าของผลิตภัณฑ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจราตรี ทั้งหมด เพราะไม่ใช่เพียงผู้ประกอบอาชีพในธุรกิจดังกล่าว อาทิ ผู้ให้บริการ นักร้อง นักดนตรี นักแสดงตามสถานบันเทิง ฯลฯ เท่านั้นที่จะได้รับประโยชน์ ได้ทำงานและกลับมามีรายได้อีกครั้ง แต่รัฐยังต้องคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพในการเลือกรูปแบบการพักผ่อนของประชาชนอีกด้วย เรื่องนี้ครอบคลุมประโยชน์ของคนทุกเพศอย่างเท่าเทียม <br /><br />2.บริการในรูปแบบอื่นๆ เช่น เสริมสวยและสปา ต้องสร้าง แพลทฟอร์ม (platform) ออนไลน์ ที่สามารถจองบริการจากพนักงานในรูปแบบบริการนอกสถานที่ เช่น ทำผม ทำเล็บ บริการนวด โดยเจ้าของกิจการจะต้องเน้นเป็นพิเศษถึงสุขภาพของผู้ให้บริการ ให้ลูกค้าได้มั่นใจในความปลอดภัยและธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้หลังจากหยุดชะงักมาค่อนข้างนาน<br /><br />3. ในอีกทางหนึ่ง ถึงเวลาแล้วที่รัฐต้องคิดหาหนทางสร้างอาชีพใหม่ให้กับแรงงานที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งวิถีทางหลังโควิด-19 หรือ New Normal หลายคนยังไม่มีโอกาสกลับไปทำอาชีพที่เคยทำ แทนที่จะให้แต่เงินสงเคราะห์ ต้องคิดเรื่องสร้างรายได้ให้ประชาชนในระยะยาวด้วย<br /><br /><a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=ธัญวัจน์\" title=\"#ธัญวัจน์\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#ธัญวัจน์</a> กมลวงศ์วัฒน์ <br />ส.ส. บัญชีรายชื่อ <a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=พรรคก้าวไกล\" title=\"#พรรคก้าวไกล\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#พรรคก้าวไกล</a>",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1110534650786684928",
"published": "2020-05-22T11:48:12+00:00",
"source": {
"content": "[สีสันยามราตรีกำลังดับแสง ท่ามกลางวิกฤต COVID - 19 -พ.ร.ก.ฉุกเฉินฆ่าประชาชนสายอาชีพกลางคืน ขอรัฐบาลมองเห็นคนกลุ่มนี้บ้าง]\n\nกลุ่มธุรกิจสีแดงที่ยังรอการปลดล็อก ตามสถานการณ์การผ่อนคลายระยะที่3-4 ล่าสุดสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติเห็นชอบขยาย พ.ร.ก. ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน โดย ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือศบค. ก็ให้ความเห็นชอบอ้างถึงช่วงเตรียมผ่อนคลายระยะที่ 3 และ 4 ไม่อยากให้เกิดโควิด-19 ระบาดซ้ำ ซึ่งหมายความว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะยืดออกไปจนถึง 30 มิ.ย. และอาจส่งผลกระทบทันทีต่อธุรกิจสีแดงที่ถูกสั่งปิดบริการมาตั้งแต่ปลายมีนาคมที่ผ่านมา ในขณะที่การช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐไม่ได้กระจายอย่างทั่วถึงเพียงพอ และขณะนี้ธุรกิจอื่นๆ เริ่มเปิดทำการและแต่เดิมคาดหมายว่าภายใน 15 มิ.ย.นี้จะถึงคิวธุรกิจกลางคืนและงานบริการเฉพาะอื่นๆ หากแต่ต้องมาชะงักลงอีกครั้งเพราะการขยายของ พ.ร.ก.ดังกล่าว\n\nในฐานะตัวแทนประชาชน ผู้มีความเข้าใจในธุรกิจบันเทิงรวมทั้งผู้มีความหลากหลายทางเพศที่มีอยู่ในธุรกิจกลางคืนเป็นจำนวนมาก ขอเสนอหนทางแก้ปัญหาดังกล่าว โดยรัฐจะต้องเริ่มต้นด้วยการมองให้เห็นก่อนว่า ในโมงยามค่ำคืนมีประชาชนที่ทำมาหากินอยู่อีกมากมายนับแสนนับล้านชีวิต และล้วนเป็นอาชีพที่ส่งเสริมรายได้เข้าประเทศจำนวนมหาศาลมาตลอดเสนอ 3 แนวทางเพื่อเยียวยาบุคคลที่อยู่ในอาชีพเหล่านี้\n\n1.ในเมื่อรัฐบาลเมินเฉยต่ออาชีพกลุ่มนี้ ภาคเอกชน เจ้าของผลิตภัณฑ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจราตรี ทั้งหมด เพราะไม่ใช่เพียงผู้ประกอบอาชีพในธุรกิจดังกล่าว อาทิ ผู้ให้บริการ นักร้อง นักดนตรี นักแสดงตามสถานบันเทิง ฯลฯ เท่านั้นที่จะได้รับประโยชน์ ได้ทำงานและกลับมามีรายได้อีกครั้ง แต่รัฐยังต้องคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพในการเลือกรูปแบบการพักผ่อนของประชาชนอีกด้วย เรื่องนี้ครอบคลุมประโยชน์ของคนทุกเพศอย่างเท่าเทียม \n\n2.บริการในรูปแบบอื่นๆ เช่น เสริมสวยและสปา ต้องสร้าง แพลทฟอร์ม (platform) ออนไลน์ ที่สามารถจองบริการจากพนักงานในรูปแบบบริการนอกสถานที่ เช่น ทำผม ทำเล็บ บริการนวด โดยเจ้าของกิจการจะต้องเน้นเป็นพิเศษถึงสุขภาพของผู้ให้บริการ ให้ลูกค้าได้มั่นใจในความปลอดภัยและธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้หลังจากหยุดชะงักมาค่อนข้างนาน\n\n3. ในอีกทางหนึ่ง ถึงเวลาแล้วที่รัฐต้องคิดหาหนทางสร้างอาชีพใหม่ให้กับแรงงานที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งวิถีทางหลังโควิด-19 หรือ New Normal หลายคนยังไม่มีโอกาสกลับไปทำอาชีพที่เคยทำ แทนที่จะให้แต่เงินสงเคราะห์ ต้องคิดเรื่องสร้างรายได้ให้ประชาชนในระยะยาวด้วย\n\n#ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ \nส.ส. บัญชีรายชื่อ #พรรคก้าวไกล",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/entities/urn:activity:1110534650786684928/activity"
}
],
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/outbox",
"partOf": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1109862367459549198/outboxoutbox"
}