ActivityPub Viewer

A small tool to view real-world ActivityPub objects as JSON! Enter a URL or username from Mastodon or a similar service below, and we'll send a request with the right Accept header to the server to view the underlying object.

Open in browser →
{ "@context": "https://www.w3.org/ns/activitystreams", "type": "OrderedCollectionPage", "orderedItems": [ { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826335688420204544", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "content": "‘ธนาธร’ เผยสื่อนอก ‘3 ภารกิจอนาคตใหม่’<br /><br />แกนนำอนาคตใหม่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เผยสื่อต่างประเทศ พรรคเล็งต่อกรกลุ่มพลังดั้งเดิม ประกาศ 3 ภารกิจใหญ่ ปิดฉากถาวรระบอบทหาร ยุติระบบทุนผูกขาด เปิดทางจังหวัดปกครองตนเอง<br />ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบลูมเบิร์กเมื่อวันจันทร์ที่ 26 มี.ค. แสดงความกังขาต่อโรดแมปของรัฐบาลทหารไทยว่า เขาไม่คิดว่าทหารจะสละอำนาจง่ายๆ พร้อมกับอธิบายการผลักดันแนวคิดทางการเมืองของพรรค “มันเป็นเกมที่อันตราย เรากำลังเล่นกับคนที่ไม่เคารพชีวิตคน”<br /><br />รองประธานบริหารของไทยซัมมิทกรุ๊ป บริษัทผู้ผลิตอะไหล่ยานยนต์กล่าวว่า อนาคตใหม่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ กฎหมายของทหาร และกฎหมายฉบับต่างๆ ที่ปิดกั้นเสรีภาพในการพูด<br /><br />อย่างไรก็ดี ทางพรรคยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเขาบอกว่า ฝ่ายอนุรักษนิยมใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม<br /><br />นักบริหารธุรกิจกระเป๋าหนัก วัย 39 ผู้นี้ บอกว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค เสนอให้แก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นเหตุให้ตนกับนายปิยบุตรถูกขู่ฆ่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยอดีตรองผู้บังคับการตำรวจนายหนึ่งโพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ระบุว่าเขาเคยฆ่าคนชั่วมาเยอะจนจำจำนวนไม่ได้ “กับพวกมึงมันง่ายมากสำหรับกู”<br /><br />นอกจากแก้ไขกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพแล้ว อนาคตใหม่จะกระจายอำนาจให้จังหวัดต่างๆเลือกผู้ว่าราชการจังหวัด จัดเก็บภาษีเอง และออกพันธบัตรระดมทุนสำหรับโครงการสาธารณะ<br /><br /><br />แนวคิดประการที่สาม คือ รื้อระบบผูกขาดที่ครอบงำภาคเศรษฐกิจต่างๆ เช่น ภาคการธนาคาร ธุรกิจค้าปลีก และภาคการเกษตร ซึ่งนับเป็นภารกิจ “ตะลุมบอน”<br /><br />“หลายภาคส่วนไม่ได้เป็นไปตามกลไกตลาด ควบคุมโดยกลุ่มทุนไม่กี่ราย กลุ่มทุนเหล่านี้มีกฎหมายคุ้มครอง” นายธนาธรกล่าว<br /><br />เขาบอกว่า ยังไม่ได้สรุปกลยุทธ์ในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ มีการคาดการณ์จำนวนส.ส.ที่พรรคจะได้เข้าสภาอย่างหลากหลาย ตั้งแต่ 1 ที่นั่งจนถึง 100 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีสมาชิก 500 คน<br /><br />“ต้องมีคนพูดว่า ประเทศนี้ต้องไม่มีรัฐประหารอีกต่อไป นั่นคือสิ่งที่เราต้องการจะทำ” นายธนาธรกล่าว<br /><br />ที่มา : VIOCE<br /><br />", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/826335688420204544", "published": "2018-03-30T06:03:00+00:00", "source": { "content": "‘ธนาธร’ เผยสื่อนอก ‘3 ภารกิจอนาคตใหม่’\n\nแกนนำอนาคตใหม่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เผยสื่อต่างประเทศ พรรคเล็งต่อกรกลุ่มพลังดั้งเดิม ประกาศ 3 ภารกิจใหญ่ ปิดฉากถาวรระบอบทหาร ยุติระบบทุนผูกขาด เปิดทางจังหวัดปกครองตนเอง\nผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบลูมเบิร์กเมื่อวันจันทร์ที่ 26 มี.ค. แสดงความกังขาต่อโรดแมปของรัฐบาลทหารไทยว่า เขาไม่คิดว่าทหารจะสละอำนาจง่ายๆ พร้อมกับอธิบายการผลักดันแนวคิดทางการเมืองของพรรค “มันเป็นเกมที่อันตราย เรากำลังเล่นกับคนที่ไม่เคารพชีวิตคน”\n\nรองประธานบริหารของไทยซัมมิทกรุ๊ป บริษัทผู้ผลิตอะไหล่ยานยนต์กล่าวว่า อนาคตใหม่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ กฎหมายของทหาร และกฎหมายฉบับต่างๆ ที่ปิดกั้นเสรีภาพในการพูด\n\nอย่างไรก็ดี ทางพรรคยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเขาบอกว่า ฝ่ายอนุรักษนิยมใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม\n\nนักบริหารธุรกิจกระเป๋าหนัก วัย 39 ผู้นี้ บอกว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค เสนอให้แก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นเหตุให้ตนกับนายปิยบุตรถูกขู่ฆ่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยอดีตรองผู้บังคับการตำรวจนายหนึ่งโพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ระบุว่าเขาเคยฆ่าคนชั่วมาเยอะจนจำจำนวนไม่ได้ “กับพวกมึงมันง่ายมากสำหรับกู”\n\nนอกจากแก้ไขกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพแล้ว อนาคตใหม่จะกระจายอำนาจให้จังหวัดต่างๆเลือกผู้ว่าราชการจังหวัด จัดเก็บภาษีเอง และออกพันธบัตรระดมทุนสำหรับโครงการสาธารณะ\n\n\nแนวคิดประการที่สาม คือ รื้อระบบผูกขาดที่ครอบงำภาคเศรษฐกิจต่างๆ เช่น ภาคการธนาคาร ธุรกิจค้าปลีก และภาคการเกษตร ซึ่งนับเป็นภารกิจ “ตะลุมบอน”\n\n“หลายภาคส่วนไม่ได้เป็นไปตามกลไกตลาด ควบคุมโดยกลุ่มทุนไม่กี่ราย กลุ่มทุนเหล่านี้มีกฎหมายคุ้มครอง” นายธนาธรกล่าว\n\nเขาบอกว่า ยังไม่ได้สรุปกลยุทธ์ในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ มีการคาดการณ์จำนวนส.ส.ที่พรรคจะได้เข้าสภาอย่างหลากหลาย ตั้งแต่ 1 ที่นั่งจนถึง 100 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีสมาชิก 500 คน\n\n“ต้องมีคนพูดว่า ประเทศนี้ต้องไม่มีรัฐประหารอีกต่อไป นั่นคือสิ่งที่เราต้องการจะทำ” นายธนาธรกล่าว\n\nที่มา : VIOCE\n\n", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826335688420204544/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826334953066307584", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "content": "ไม่ขอตอบๆๆ พยานฝ่ายปกครองไม่กล้าตอบคำถามอะไรเลย ในการสืบพยานคดีประชามติภูเขียว<br /><br />.<br />คดีที่จตุภัทร์ หรือ \"ไผ่ ดาวดิน\" และวศิน ถูกจับจากการไปแจกเอกสารรณรงค์โหวตโน ก่อนการทำประชามติ 2559 ที่ตลาดในจังหวัดชัยภูมิ มีผลคำพิพากษาออกมาแล้ว ศาลชี้ว่า เอกสารที่แจกไม่เข้าข่ายการปลุกระดม การแจกเอกสารแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญเป็นสิทธิเสรีภาพที่สามารถทำได้<br /><br />ก่อนจะเดินทางถึงวันที่ได้คำพิพากษามา ต้องต่อสู้และพิสูจน์กันหนักในระหว่างการพิจารณา คดีนี้ จำเลยทั้งสองคนรับว่า แจกเอกสารให้กับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดจริง แต่ต่อสู้ว่า การแจกเอกสารดังกล่าวไม่เป็นความผิด ไม่เข้าข่ายการสร้างความว่นวายในการออกเสียงประชามติ ดังนั้น เมื่อขึ้นศาลประเด็นหลักที่ต้องต่อสู้กันก็อยู่ที่เนื้อหาในเอกสาร พยานฝ่ายโจทก์มีทั้งตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็นผู้เข้าจับกุมจำเลย ต่างก็มาเบิกความว่า เห็นจำเลยแจกเอกสารซึ่งเข้าข่ายความผิด ดังนั้นพยานโจทก์ต้องมีหน้าที่อธิบายว่า เอกสารเหล่านั้นเป็นความผิดอย่างไร และทนายของจำเลยก็ต้องถามค้านให้เห็นว่า พยานโจทก์พูดไม่จริงอย่างไร<br /><br />ดังนั้น การสืบพยานจึงต้องใช้เวลาลงรายละเอียดเกี่ยวกับเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับลงประชามติ และเนื้อหาของเอกสารที่แจกว่าอะไรเป็นความจริงหรือไม่ อย่างไร<br /><br />พ.ต.อ.อร่าม ประจิตร ตำรวจผู้จับกุม ตอบคำถามทนายความในศาล ยอมรับในประเด็นปัญหาต่างๆ ของร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ เช่น วิธีการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่ไม่มาจากการเลือกตั้ง แต่ให้ส.ว. มีอำนาจลงคะแนนเลือกนายกฯ คนนอกได้, ระบบเลือกตั้ง ส.ส. แบบใหม่, การให้ปลัดกระทรวงรักษาการนายกรัฐมนตรีได้, การให้อำนาจ มาตรา 44 ยังคงอยู่ ฯลฯ แต่พ.ต.อ.อร่าม ก็เบิกความย้ำหลายครั้งว่า ประชาชนที่มีข้อกังวลต่างๆ ก็ควรไปแสดงความคิดเห็นกับ กกต. ไม่ควรมาแสดงความคิดเห็นกันเอง<br /><br />ขณะที่ประเสริฐ วชิรญาณุวัฒน์ ปลัดอำเภอภูเขียว ผู้จับกุมจำเลยอีกคนหนึ่งหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ เช่น เมื่อทนายความถามว่า คสช. ได้แต่งคณะบุคคลขึ้นมาเป็นคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน การกระทำเช่นนี้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยหรือไม่ ดีกว่าการที่ประชาชนเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญมาทำการร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ พยานไม่ขอตอบ<br /><br />เมื่อทนายความถามอีกว่า วิธีการได้มาซึ่ง ส.ส. ที่กำหนดอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญ 2559 แตกต่างจากรัฐธรรมนูญปี 2550 หรือไม่ ปลัดอำเภอภูเขียวไม่ขอตอบ ทนายถามในประเด็นต่อมาว่า ร่างรัฐธรรมนูญ 2559 กำหนดให้ใครทำหน้าที่แทน ครม. ในกรณีที่ ครม.พ้นตำแหน่ง ตามหลักการประชาธิปไตยบุคคลที่รักษาการแทนต้องมาจากประชาชนหรือไม่ การให้ข้าราชการประจำทำหน้าที่ ครม.รักษาการ และเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นนายกฯ รักษาการ ขัดหลักการประชาธิปไตยหรือไม่ พยานก็ไม่ขอออกความเห็นทั้งหมด<br /><br />ประเสริฐไม่ขอตอบว่า หลักการนายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้งได้มาจากการต่อสู้ของประชาชนในปี 2535 หรือไม่ แต่ทราบว่า รัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 บัญญัติถึงเรื่องนี้ไว้ ส่วนร่างรัฐธรรมนูญ 2559 จะมีการเปลี่ยนแปลงให้นายกฯ ไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. ที่ได้รับการเลือกตั้งมาหรือไม่ ประเสริฐไม่ขอตอบ<br /><br />ผู้ร่วมจับกุมจำเลยคนนี้ยังคงไม่ขอตอบ เมื่ออานนท์ นำภา ทนายความของจำเลยที่ 1 ถามต่ออีกหลายคำถามในประเด็นที่มาและอำนาจหน้าที่ของ ส.ว. ตามร่างรัฐธรรมนูญ 2559 และในประเด็นที่เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญ 2559 จะบัญญัติแตกต่างไปจากรัฐธรรมนูญ 2550 อย่างไร พยานก็ไม่ขอตอบเช่นเดิม<br /><br />ด้านสุขสันต์ ผาจันทร์ กองอาสารักษาดินแดน ผู้ร่วมจับกุมจำเลยอีกคน ก็มาเบิกความเป็นพยานต่อศาลว่า เห็นจำเลยที่เดินแจกแผ่นพับให้กับแม่ค้าและประชาชนที่มาแจกจ่ายซื้อของ เอกสารที่ว่า คือ เอกสาร ความเห็นแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ที่มีการจับกุมเพราะทั้งสองกระทำการให้การลงประชามติไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย<br /><br />เมื่อทนายความถามว่า การไปลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายหรือไม่ พยานตอบว่า ไม่ขอตอบ พยานตอบคำถามทนายอีกว่า เมื่อเห็นคำว่า Vote No แล้วไม่รู้สึกกลัว และคำว่า Vote No เป็นคำที่ไม่หยาบคาย ส่วนการไปลงประชามติ พยานจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ขอตอบ คำถามของทนายความในประเด็นที่มาของ ส.ส. ส.ว. นั้น พยาน ไม่ขอตอบ<br /><br />คำถามเกี่ยวกับประเด็นคนที่จะมารักษาการตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ นั้น พยานไม่ขอตอบ และเมื่อทนายความถามถึงเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับเรื่องมาตรา 44, หน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ, สิทธิเสรีภาพของประชาชน, ที่มาของนายกรัฐมนตรี ฯลฯ พยาน ไม่ขอตอบคำถามเลย เมื่อทนายความถามว่า สาเหตุที่พยานไม่ขอตอบเพราะไปเตรียมมากับปลัดอำเภอใช่หรือไม่ พยานตอบว่า ไม่ใช่<br /><br />ทนายถามอีกว่า ร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 ดีหรือไม่นั้น พยานไม่ขอตอบ เมื่อทนายถามว่า สาเหตุที่พยานไม่ขอตอบเพราะเกรงจะกระทบหน้าที่การงานหรือไม่งั้น พยานตอบว่า ไม่ขอตอบอีกเช่นกัน<br /><br />ที่มา : iLaw <br /><br />", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/826334953066307584", "published": "2018-03-30T06:00:05+00:00", "source": { "content": "ไม่ขอตอบๆๆ พยานฝ่ายปกครองไม่กล้าตอบคำถามอะไรเลย ในการสืบพยานคดีประชามติภูเขียว\n\n.\nคดีที่จตุภัทร์ หรือ \"ไผ่ ดาวดิน\" และวศิน ถูกจับจากการไปแจกเอกสารรณรงค์โหวตโน ก่อนการทำประชามติ 2559 ที่ตลาดในจังหวัดชัยภูมิ มีผลคำพิพากษาออกมาแล้ว ศาลชี้ว่า เอกสารที่แจกไม่เข้าข่ายการปลุกระดม การแจกเอกสารแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญเป็นสิทธิเสรีภาพที่สามารถทำได้\n\nก่อนจะเดินทางถึงวันที่ได้คำพิพากษามา ต้องต่อสู้และพิสูจน์กันหนักในระหว่างการพิจารณา คดีนี้ จำเลยทั้งสองคนรับว่า แจกเอกสารให้กับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดจริง แต่ต่อสู้ว่า การแจกเอกสารดังกล่าวไม่เป็นความผิด ไม่เข้าข่ายการสร้างความว่นวายในการออกเสียงประชามติ ดังนั้น เมื่อขึ้นศาลประเด็นหลักที่ต้องต่อสู้กันก็อยู่ที่เนื้อหาในเอกสาร พยานฝ่ายโจทก์มีทั้งตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็นผู้เข้าจับกุมจำเลย ต่างก็มาเบิกความว่า เห็นจำเลยแจกเอกสารซึ่งเข้าข่ายความผิด ดังนั้นพยานโจทก์ต้องมีหน้าที่อธิบายว่า เอกสารเหล่านั้นเป็นความผิดอย่างไร และทนายของจำเลยก็ต้องถามค้านให้เห็นว่า พยานโจทก์พูดไม่จริงอย่างไร\n\nดังนั้น การสืบพยานจึงต้องใช้เวลาลงรายละเอียดเกี่ยวกับเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับลงประชามติ และเนื้อหาของเอกสารที่แจกว่าอะไรเป็นความจริงหรือไม่ อย่างไร\n\nพ.ต.อ.อร่าม ประจิตร ตำรวจผู้จับกุม ตอบคำถามทนายความในศาล ยอมรับในประเด็นปัญหาต่างๆ ของร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ เช่น วิธีการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่ไม่มาจากการเลือกตั้ง แต่ให้ส.ว. มีอำนาจลงคะแนนเลือกนายกฯ คนนอกได้, ระบบเลือกตั้ง ส.ส. แบบใหม่, การให้ปลัดกระทรวงรักษาการนายกรัฐมนตรีได้, การให้อำนาจ มาตรา 44 ยังคงอยู่ ฯลฯ แต่พ.ต.อ.อร่าม ก็เบิกความย้ำหลายครั้งว่า ประชาชนที่มีข้อกังวลต่างๆ ก็ควรไปแสดงความคิดเห็นกับ กกต. ไม่ควรมาแสดงความคิดเห็นกันเอง\n\nขณะที่ประเสริฐ วชิรญาณุวัฒน์ ปลัดอำเภอภูเขียว ผู้จับกุมจำเลยอีกคนหนึ่งหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ เช่น เมื่อทนายความถามว่า คสช. ได้แต่งคณะบุคคลขึ้นมาเป็นคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน การกระทำเช่นนี้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยหรือไม่ ดีกว่าการที่ประชาชนเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญมาทำการร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ พยานไม่ขอตอบ\n\nเมื่อทนายความถามอีกว่า วิธีการได้มาซึ่ง ส.ส. ที่กำหนดอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญ 2559 แตกต่างจากรัฐธรรมนูญปี 2550 หรือไม่ ปลัดอำเภอภูเขียวไม่ขอตอบ ทนายถามในประเด็นต่อมาว่า ร่างรัฐธรรมนูญ 2559 กำหนดให้ใครทำหน้าที่แทน ครม. ในกรณีที่ ครม.พ้นตำแหน่ง ตามหลักการประชาธิปไตยบุคคลที่รักษาการแทนต้องมาจากประชาชนหรือไม่ การให้ข้าราชการประจำทำหน้าที่ ครม.รักษาการ และเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นนายกฯ รักษาการ ขัดหลักการประชาธิปไตยหรือไม่ พยานก็ไม่ขอออกความเห็นทั้งหมด\n\nประเสริฐไม่ขอตอบว่า หลักการนายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้งได้มาจากการต่อสู้ของประชาชนในปี 2535 หรือไม่ แต่ทราบว่า รัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 บัญญัติถึงเรื่องนี้ไว้ ส่วนร่างรัฐธรรมนูญ 2559 จะมีการเปลี่ยนแปลงให้นายกฯ ไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. ที่ได้รับการเลือกตั้งมาหรือไม่ ประเสริฐไม่ขอตอบ\n\nผู้ร่วมจับกุมจำเลยคนนี้ยังคงไม่ขอตอบ เมื่ออานนท์ นำภา ทนายความของจำเลยที่ 1 ถามต่ออีกหลายคำถามในประเด็นที่มาและอำนาจหน้าที่ของ ส.ว. ตามร่างรัฐธรรมนูญ 2559 และในประเด็นที่เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญ 2559 จะบัญญัติแตกต่างไปจากรัฐธรรมนูญ 2550 อย่างไร พยานก็ไม่ขอตอบเช่นเดิม\n\nด้านสุขสันต์ ผาจันทร์ กองอาสารักษาดินแดน ผู้ร่วมจับกุมจำเลยอีกคน ก็มาเบิกความเป็นพยานต่อศาลว่า เห็นจำเลยที่เดินแจกแผ่นพับให้กับแม่ค้าและประชาชนที่มาแจกจ่ายซื้อของ เอกสารที่ว่า คือ เอกสาร ความเห็นแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ที่มีการจับกุมเพราะทั้งสองกระทำการให้การลงประชามติไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย\n\nเมื่อทนายความถามว่า การไปลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายหรือไม่ พยานตอบว่า ไม่ขอตอบ พยานตอบคำถามทนายอีกว่า เมื่อเห็นคำว่า Vote No แล้วไม่รู้สึกกลัว และคำว่า Vote No เป็นคำที่ไม่หยาบคาย ส่วนการไปลงประชามติ พยานจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ขอตอบ คำถามของทนายความในประเด็นที่มาของ ส.ส. ส.ว. นั้น พยาน ไม่ขอตอบ\n\nคำถามเกี่ยวกับประเด็นคนที่จะมารักษาการตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ นั้น พยานไม่ขอตอบ และเมื่อทนายความถามถึงเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับเรื่องมาตรา 44, หน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ, สิทธิเสรีภาพของประชาชน, ที่มาของนายกรัฐมนตรี ฯลฯ พยาน ไม่ขอตอบคำถามเลย เมื่อทนายความถามว่า สาเหตุที่พยานไม่ขอตอบเพราะไปเตรียมมากับปลัดอำเภอใช่หรือไม่ พยานตอบว่า ไม่ใช่\n\nทนายถามอีกว่า ร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 ดีหรือไม่นั้น พยานไม่ขอตอบ เมื่อทนายถามว่า สาเหตุที่พยานไม่ขอตอบเพราะเกรงจะกระทบหน้าที่การงานหรือไม่งั้น พยานตอบว่า ไม่ขอตอบอีกเช่นกัน\n\nที่มา : iLaw \n\n", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826334953066307584/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826334248901386240", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "content": "4 ปี คสช. ตั้งงบฯ ทะลุ 11 ล้านล้าน ทำงบกลางปีเพิ่ม 3 ครั้ง ...เงินไปไหน?<br /><br />ย้อนเวลา 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลคสช. ทำงบประมาณประจำปีรวมกันแล้วสูงถึง 11 ล้านล้านบาท แต่เหตุใดกลับ ต้องทำงบรายจ่ายเพิ่มเติมกลางปีถึง 3 ครั้ง และทำงบประมาณขาดดุลทุกปี เป็นเพราะเหตุใด<br />ไม่กี่วันมานี้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพิ่งผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ปีงบประมาณ 2561 แบบ 3 วาระรวด ภายในเวลา 4 ชั่วโมง ซึ่งไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด<br /><br />โดยการจัดทำงบฯ เพิ่มเติมดังกล่าว ส่งผลให้รัฐบาลมีเงินไปใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก 150,000 ล้านบาท (รวมงบฯ ชดใช้คืนเงินคงคลัง) จากเดิมที่ปีงบประมาณ 2561 นี้ ตั้งงบฯ รายจ่ายไว้แล้ว 2,900,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้งบประมาณ 'ขาดดุล' เพิ่มขึ้นเป็น 550,000 ล้านบาท จากเดิม 450,000 ล้านบาท<br /><br />รัฐเก็บรายได้ภาษีต่ำเป้าทุกปี<br /><br />ทั้งนี้ การที่รัฐบาลต้องตั้งงบฯ ขาดดุลมาโดยตลอดนั้น เหตุผลง่าย ๆ คือ 'รายได้ไม่พอรายจ่าย' โดยสาเหตุสำคัญ มาจากการที่ 'รายได้ภาษี' ของ 3 กรมภาษี (กรมสรรพากร, กรมสรรพสามิต และ กรมศุลกากร) จัดเก็บรวมกันแล้ว 'ต่ำกว่าประมาณการ' มาทุกปี <br /><br />โดยนับตั้งแต่ปี 2557 ที่เป็นปีแรกที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามายึดอำนาจ กระทั่งปีปัจจุบัน การเก็บรายได้รวมของ 3 กรมภาษี ก็ยังไม่สามารถทำได้สูงกว่าประมาณการเลย ส่งผลให้ภาพรวมรายได้รัฐที่แม้จะมีรายได้รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นมาช่วย ก็ยังต่ำกว่ารายจ่ายมาโดยตลอด<br /><br />ล่าสุด ในปีงบประมาณ 2561 'กุลยา ตันติเตมิท' โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 5 เดือนแรก (ต.ค.2560-ก.พ.2561) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 908,210 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 39,440 ล้านบาท หรือ 4.5%<br /><br />สำหรับสาเหตุที่รายได้รัฐยังดูสูงกว่าประมาณการ เนื่องจาก การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ สูงกว่าประมาณการถึง 30% หรือจำนวน 14,898 ล้านบาท และ การจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่นที่สูงกว่าประมาณการ 18.8% หรือจำนวน 14,884 ล้านบาท ส่วนรายได้ภาษีของ 3 กรม ยังคงเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการอยู่เช่นเดิม<br /><br />รายจ่ายสูงต้องตั้ง 'งบฯขาดดุล' ตลอด <br /><br />หากย้อนกลับไปดู จะพบว่า นับแต่รัฐบาล คสช. เริ่มจัดทำงบประมาณประจำปีเอง ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 กระทั่งปัจจุบันปีงบประมาณ 2561 (คสช.ยึดอำนาจเดือน พ.ค.2557) ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายแล้วรวมเบ็ดเสร็จแล้วทั้งสิ้น 11,324,000 ล้านบาท โดยเป็นงบฯ ขาดดุล รวม 1,517,921.7 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ เกิดจากการตั้งงบฯ เพิ่มเติม หรือ 'งบฯ กลางปี' ถึง 3 ครั้ง (3 ปี) รวม 396,000 ล้านบาท<br /><br />สำหรับปีงบประมาณ 2558 ที่รัฐบาล คสช. เริ่มทำงบฯ เองเป็นปีแรกนั้น มีการตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ที่ 2,575,000 ล้านบาท โดยกระทรวงศึกษาธิการได้รับงบประมาณสูงสุด 501,326.1 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 19.5% ของงบฯ รายจ่ายทั้งหมด รองลงมา เป็นรายการงบฯ กลาง 375,708.1 ล้านบาท สัดส่วน 14.6% กระทรวงมหาดไทย 340,171.6 ล้านบาท สัดส่วน 13.2% กระทรวงกลาโหม 192,949.1 ล้านบาท สัดส่วน 7.5% กระทรวงการคลัง 185,852.2 ล้านบาท สัดส่วน 7.2%<br /><br />อัดงบฯกลางปีซื้อใจรากหญ้า<br /><br /><br />ต่อมาปีงบประมาณ 2559 ครั้งแรก รัฐบาลตั้งงบประมาณรายจ่ายที่ 2,720,000 ล้านบาท ทว่า ภายหลังได้มีการจัดทำงบฯ เพิ่มเติมอีก 56,000 ล้านบาท ส่งผลให้งบฯ รายจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 2,776,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้รายการงบฯ กลางที่เป็นอำนาจอนุมัติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยความเห็นชอบของ 'นายกรัฐมนตรี' ได้รับจัดสรรสูงสุดที่สัดส่วน 16.4% หรือจำนวน 455,382.5 ล้านบาท เพิ่มจากเดิมก่อนทำงบฯ เพิ่มเติมที่ได้รับจัดสรรที่ 422,721.4 ล้านบาท<br /><br />จากนั้นในปีงบประมาณ 2560 รัฐบาลก็เริ่มจากตั้งงบประมาณรายจ่ายที่ 2,733,000 ล้านบาท แต่หลังจากนั้น รัฐบาลก็ใช้วิธีตั้งงบฯ เพิ่มเติมอีกเป็นปีที่ 2 จำนวน 190,000 ล้านบาท ส่งผลให้งบฯ รายจ่ายในปีดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 2,923,000 ล้านบาท โดยงบฯ เพิ่มเติมส่วนใหญ่ ก็ยังคงถูกถมไปที่รายการงบฯ กลางเป็นส่วนใหญ่ ทำให้งบฯ กลางมีสัดส่วนถึง 15.4% หรือจำนวน 448,880.5 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 406,016 ล้านบาท<br /><br />โดย 'สมคิด จาตุศรีพิทักษ์' รองนายกรัฐมนตรี พยายามกระจายงบฯ ไปในระดับท้องถิ่น ผ่านทาง 'จังหวัดและกลุ่มจังหวัด' ที่ได้รับจัดสรรเพิ่มเป็น 82,671.4 ล้านบาท สัดส่วน 2.8% จากเดิมได้รับจัดสรรแค่ 26,432.7 ล้านบาท ด้านกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับจัดสรรเพิ่มเป็น 94,417.9 ล้านบาท จากเดิม 88,267.4 ล้านบาท กระทรวงคมนาคม เป็น 157,389.9 ล้านบาท จากเดิม 150,750 ล้านบาท<br /><br />ขณะเดียวกันยังมี 'กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน' ที่ได้รับจัดสรรเพิ่มเป็น 183,985.3 ล้านบาท จากเดิม 138,985.3 ล้านบาท เนื่องจากมีการ “เติมเงิน” ให้แก่ “กองทุนหมู่บ้าน” อีกหมู่บ้านละ 500,000 บาทนั่นเอง<br /><br />นอกจากนี้ ในปีงบประมาณนี้ ยังมีการใช้เงินจ่ายให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินคนละ 3,000 บาท และ ผู้มีรายได้ต่ำมากกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินคนละ 1,500 บาท<br /><br />มาถึงปีงบประมาณ 2561 ในปัจจุบัน เดิมรัฐบาลตั้งงบฯ รายจ่ายไว้ที่ 2,900,000 ล้านบาท แต่ก็มาตั้งงบฯ เพิ่มเติม หรืองบฯ กลางปีอีกต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จำนวน 150,000 ล้านบาท ส่งผลให้งบฯ รายจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 3,050,000 ล้านบาท<br /><br />'อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์' รมว.คลัง บอกว่า งบฯ เพิ่มเติมส่วนแรกจะใช้สำหรับมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (สวัสดิการคนจน เฟส 2) จำนวน 35,000 ล้านบาท ส่วนที่ 2 ใช้ผ่านกลไกกระทรวงมหาดไทย ในระดับตำบล และ กองทุนหมู่บ้าน เน้นให้ทำโครงการที่เป็นการปฏิรูปประเทศ จำนวน 35,358.1 ล้านบาท และ ส่วนที่ 3 ใช้ปฏิรูปภาคการเกษตร มุ่งเน้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการผลิตอีก 30,000 ล้านบาท<br /><br />โดยทุกปี 5 หน่วยงานหลักจะได้รับจัดสรรงบฯ สูงสุด ก็คือ กระทรวงศึกษาธิการ, งบกลาง, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงกลาโหม และ กระทรวงการคลัง<br /><br />สรุปแล้ว รัฐบาลยุค คสช. เดินหน้าทำงบฯ รายจ่ายเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยไม่เพียงแต่จัดทำงบฯ ปกติเท่านั้น แต่ยังใช้การจัดทำงบฯ เพิ่มเติมต่อเนื่องใน 3 ปีงบประมาณล่าสุด กระทั่งปีงบประมาณ 2561 งบฯ รายจ่ายสูงขึ้นจน 'ทะลุเกิน 3 ล้านล้านบาท' ไปแล้ว แม้ว่าจะสวนทางกับรายได้ภาษีที่ยังไม่สามารถจัดเก็บได้ตามประมาณการที่ตั้งไว้ในแต่ละปีก็ตาม<br /><br />ที่มา : VIOCE<br /><br />", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/826334248901386240", "published": "2018-03-30T05:57:17+00:00", "source": { "content": "4 ปี คสช. ตั้งงบฯ ทะลุ 11 ล้านล้าน ทำงบกลางปีเพิ่ม 3 ครั้ง ...เงินไปไหน?\n\nย้อนเวลา 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลคสช. ทำงบประมาณประจำปีรวมกันแล้วสูงถึง 11 ล้านล้านบาท แต่เหตุใดกลับ ต้องทำงบรายจ่ายเพิ่มเติมกลางปีถึง 3 ครั้ง และทำงบประมาณขาดดุลทุกปี เป็นเพราะเหตุใด\nไม่กี่วันมานี้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพิ่งผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ปีงบประมาณ 2561 แบบ 3 วาระรวด ภายในเวลา 4 ชั่วโมง ซึ่งไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด\n\nโดยการจัดทำงบฯ เพิ่มเติมดังกล่าว ส่งผลให้รัฐบาลมีเงินไปใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก 150,000 ล้านบาท (รวมงบฯ ชดใช้คืนเงินคงคลัง) จากเดิมที่ปีงบประมาณ 2561 นี้ ตั้งงบฯ รายจ่ายไว้แล้ว 2,900,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้งบประมาณ 'ขาดดุล' เพิ่มขึ้นเป็น 550,000 ล้านบาท จากเดิม 450,000 ล้านบาท\n\nรัฐเก็บรายได้ภาษีต่ำเป้าทุกปี\n\nทั้งนี้ การที่รัฐบาลต้องตั้งงบฯ ขาดดุลมาโดยตลอดนั้น เหตุผลง่าย ๆ คือ 'รายได้ไม่พอรายจ่าย' โดยสาเหตุสำคัญ มาจากการที่ 'รายได้ภาษี' ของ 3 กรมภาษี (กรมสรรพากร, กรมสรรพสามิต และ กรมศุลกากร) จัดเก็บรวมกันแล้ว 'ต่ำกว่าประมาณการ' มาทุกปี \n\nโดยนับตั้งแต่ปี 2557 ที่เป็นปีแรกที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามายึดอำนาจ กระทั่งปีปัจจุบัน การเก็บรายได้รวมของ 3 กรมภาษี ก็ยังไม่สามารถทำได้สูงกว่าประมาณการเลย ส่งผลให้ภาพรวมรายได้รัฐที่แม้จะมีรายได้รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นมาช่วย ก็ยังต่ำกว่ารายจ่ายมาโดยตลอด\n\nล่าสุด ในปีงบประมาณ 2561 'กุลยา ตันติเตมิท' โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 5 เดือนแรก (ต.ค.2560-ก.พ.2561) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 908,210 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 39,440 ล้านบาท หรือ 4.5%\n\nสำหรับสาเหตุที่รายได้รัฐยังดูสูงกว่าประมาณการ เนื่องจาก การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ สูงกว่าประมาณการถึง 30% หรือจำนวน 14,898 ล้านบาท และ การจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่นที่สูงกว่าประมาณการ 18.8% หรือจำนวน 14,884 ล้านบาท ส่วนรายได้ภาษีของ 3 กรม ยังคงเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการอยู่เช่นเดิม\n\nรายจ่ายสูงต้องตั้ง 'งบฯขาดดุล' ตลอด \n\nหากย้อนกลับไปดู จะพบว่า นับแต่รัฐบาล คสช. เริ่มจัดทำงบประมาณประจำปีเอง ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 กระทั่งปัจจุบันปีงบประมาณ 2561 (คสช.ยึดอำนาจเดือน พ.ค.2557) ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายแล้วรวมเบ็ดเสร็จแล้วทั้งสิ้น 11,324,000 ล้านบาท โดยเป็นงบฯ ขาดดุล รวม 1,517,921.7 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ เกิดจากการตั้งงบฯ เพิ่มเติม หรือ 'งบฯ กลางปี' ถึง 3 ครั้ง (3 ปี) รวม 396,000 ล้านบาท\n\nสำหรับปีงบประมาณ 2558 ที่รัฐบาล คสช. เริ่มทำงบฯ เองเป็นปีแรกนั้น มีการตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ที่ 2,575,000 ล้านบาท โดยกระทรวงศึกษาธิการได้รับงบประมาณสูงสุด 501,326.1 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 19.5% ของงบฯ รายจ่ายทั้งหมด รองลงมา เป็นรายการงบฯ กลาง 375,708.1 ล้านบาท สัดส่วน 14.6% กระทรวงมหาดไทย 340,171.6 ล้านบาท สัดส่วน 13.2% กระทรวงกลาโหม 192,949.1 ล้านบาท สัดส่วน 7.5% กระทรวงการคลัง 185,852.2 ล้านบาท สัดส่วน 7.2%\n\nอัดงบฯกลางปีซื้อใจรากหญ้า\n\n\nต่อมาปีงบประมาณ 2559 ครั้งแรก รัฐบาลตั้งงบประมาณรายจ่ายที่ 2,720,000 ล้านบาท ทว่า ภายหลังได้มีการจัดทำงบฯ เพิ่มเติมอีก 56,000 ล้านบาท ส่งผลให้งบฯ รายจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 2,776,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้รายการงบฯ กลางที่เป็นอำนาจอนุมัติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยความเห็นชอบของ 'นายกรัฐมนตรี' ได้รับจัดสรรสูงสุดที่สัดส่วน 16.4% หรือจำนวน 455,382.5 ล้านบาท เพิ่มจากเดิมก่อนทำงบฯ เพิ่มเติมที่ได้รับจัดสรรที่ 422,721.4 ล้านบาท\n\nจากนั้นในปีงบประมาณ 2560 รัฐบาลก็เริ่มจากตั้งงบประมาณรายจ่ายที่ 2,733,000 ล้านบาท แต่หลังจากนั้น รัฐบาลก็ใช้วิธีตั้งงบฯ เพิ่มเติมอีกเป็นปีที่ 2 จำนวน 190,000 ล้านบาท ส่งผลให้งบฯ รายจ่ายในปีดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 2,923,000 ล้านบาท โดยงบฯ เพิ่มเติมส่วนใหญ่ ก็ยังคงถูกถมไปที่รายการงบฯ กลางเป็นส่วนใหญ่ ทำให้งบฯ กลางมีสัดส่วนถึง 15.4% หรือจำนวน 448,880.5 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 406,016 ล้านบาท\n\nโดย 'สมคิด จาตุศรีพิทักษ์' รองนายกรัฐมนตรี พยายามกระจายงบฯ ไปในระดับท้องถิ่น ผ่านทาง 'จังหวัดและกลุ่มจังหวัด' ที่ได้รับจัดสรรเพิ่มเป็น 82,671.4 ล้านบาท สัดส่วน 2.8% จากเดิมได้รับจัดสรรแค่ 26,432.7 ล้านบาท ด้านกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับจัดสรรเพิ่มเป็น 94,417.9 ล้านบาท จากเดิม 88,267.4 ล้านบาท กระทรวงคมนาคม เป็น 157,389.9 ล้านบาท จากเดิม 150,750 ล้านบาท\n\nขณะเดียวกันยังมี 'กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน' ที่ได้รับจัดสรรเพิ่มเป็น 183,985.3 ล้านบาท จากเดิม 138,985.3 ล้านบาท เนื่องจากมีการ “เติมเงิน” ให้แก่ “กองทุนหมู่บ้าน” อีกหมู่บ้านละ 500,000 บาทนั่นเอง\n\nนอกจากนี้ ในปีงบประมาณนี้ ยังมีการใช้เงินจ่ายให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินคนละ 3,000 บาท และ ผู้มีรายได้ต่ำมากกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินคนละ 1,500 บาท\n\nมาถึงปีงบประมาณ 2561 ในปัจจุบัน เดิมรัฐบาลตั้งงบฯ รายจ่ายไว้ที่ 2,900,000 ล้านบาท แต่ก็มาตั้งงบฯ เพิ่มเติม หรืองบฯ กลางปีอีกต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จำนวน 150,000 ล้านบาท ส่งผลให้งบฯ รายจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 3,050,000 ล้านบาท\n\n'อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์' รมว.คลัง บอกว่า งบฯ เพิ่มเติมส่วนแรกจะใช้สำหรับมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (สวัสดิการคนจน เฟส 2) จำนวน 35,000 ล้านบาท ส่วนที่ 2 ใช้ผ่านกลไกกระทรวงมหาดไทย ในระดับตำบล และ กองทุนหมู่บ้าน เน้นให้ทำโครงการที่เป็นการปฏิรูปประเทศ จำนวน 35,358.1 ล้านบาท และ ส่วนที่ 3 ใช้ปฏิรูปภาคการเกษตร มุ่งเน้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการผลิตอีก 30,000 ล้านบาท\n\nโดยทุกปี 5 หน่วยงานหลักจะได้รับจัดสรรงบฯ สูงสุด ก็คือ กระทรวงศึกษาธิการ, งบกลาง, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงกลาโหม และ กระทรวงการคลัง\n\nสรุปแล้ว รัฐบาลยุค คสช. เดินหน้าทำงบฯ รายจ่ายเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยไม่เพียงแต่จัดทำงบฯ ปกติเท่านั้น แต่ยังใช้การจัดทำงบฯ เพิ่มเติมต่อเนื่องใน 3 ปีงบประมาณล่าสุด กระทั่งปีงบประมาณ 2561 งบฯ รายจ่ายสูงขึ้นจน 'ทะลุเกิน 3 ล้านล้านบาท' ไปแล้ว แม้ว่าจะสวนทางกับรายได้ภาษีที่ยังไม่สามารถจัดเก็บได้ตามประมาณการที่ตั้งไว้ในแต่ละปีก็ตาม\n\nที่มา : VIOCE\n\n", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826334248901386240/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826333278112948224", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "content": "‘ทักษิณ’ ชี้ เพื่อไทยมีคนเก่งอีกมาก เชื่อนำพรรคชนะเลือกตั้งแบบ’แลนด์สไลด์’อีกรอบ<br /><br />ภาพถ่ายล่าสุดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และน้องสาว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปร่วมงานเปิดตัวหนังสือของอดีตรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่โรงแรมแห่งหนึ่งในแขวงชิโยดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการออกงานคู่กันครั้งแรกของสองพี่น้องอดีตนายกฯ ท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชนต่างประเทศเป็นจำนวนมาก<br /><br />นายทักษิณเปิดเผยกับสื่อญี่ปุ่นว่า “เสรีภาพในการพูดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประเทศไทย ประชาธิปไตยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจ” ส่วนเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศไทยที่จะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้านั้น นายทักษิณกล่าวว่า ตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยแล้ว ทางพรรคไม่อยากให้ตนเองเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่พรรคมีคนดีๆ มาก สามารถจะนำพรรคไปสู่ชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ได้อีกครั้ง ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์<br /><br />ที่มา : มติชน<br /><br />", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/826333278112948224", "published": "2018-03-30T05:53:25+00:00", "source": { "content": "‘ทักษิณ’ ชี้ เพื่อไทยมีคนเก่งอีกมาก เชื่อนำพรรคชนะเลือกตั้งแบบ’แลนด์สไลด์’อีกรอบ\n\nภาพถ่ายล่าสุดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และน้องสาว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปร่วมงานเปิดตัวหนังสือของอดีตรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่โรงแรมแห่งหนึ่งในแขวงชิโยดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการออกงานคู่กันครั้งแรกของสองพี่น้องอดีตนายกฯ ท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชนต่างประเทศเป็นจำนวนมาก\n\nนายทักษิณเปิดเผยกับสื่อญี่ปุ่นว่า “เสรีภาพในการพูดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประเทศไทย ประชาธิปไตยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจ” ส่วนเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศไทยที่จะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้านั้น นายทักษิณกล่าวว่า ตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยแล้ว ทางพรรคไม่อยากให้ตนเองเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่พรรคมีคนดีๆ มาก สามารถจะนำพรรคไปสู่ชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ได้อีกครั้ง ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์\n\nที่มา : มติชน\n\n", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826333278112948224/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826328077830430720", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "content": "พลานุภาพ ม.44 สะท้าน 5 องค์กรอิสระ สะเทือนคดีร้อน “พล.อ.ประยุทธ์กับพวก”<br /><br />การเด็ดปีก-ปิดปาก “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วยอำนาจรัฏฐาธิปัตย์-มาตรา 44 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่นสะท้านไปทั้ง 5 องค์กรอิสระ<br /><br />ในวงเสวนาสาธารณะ หัวข้อ “มาตรา 44 เพื่อชาติ หรือเพื่อใคร” ม.44 ถูกเปรียบเป็นระบอบ “ศาสตราธิปไตย” หรืออำนาจอธิปไตยที่มาจากกำลังอาวุธ<br /><br />“หากการใช้มาตรา 44 ยังดำรงอยู่ ถือเป็นการล่มสลายของระบบตรวจสอบในประเทศไทย องค์กรอิสระทั้งหลายจะทำงานภายใต้ทิศทางของผู้มีอำนาจรัฐ” นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ระบุ<br /><br />“มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการใช้อำนาจแบบนี้เพื่อแทรกแซงเรื่องอื่น ๆ ในอนาคตอีก เพราะมีตัวอย่างเกิดขึ้นแล้ว และมีความเป็นไปได้ว่า จะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้ง เพราะถ้าใช้ ม.44 ปลด กกต.ได้ ก็ไม่มีอะไรที่ ม.44 ทำไม่ได้”<br /><br />ภายหลังการยึดอำนาจ 22 พ.ค. 57 “พล.อ.ประยุทธ์” ในฐานะเจ้าของอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ออกอิทธิฤทธิ์ทั้งพระเดช-พระคุณ กับ 5 องค์กรอิสระ เพื่อให้อยู่ในคอนโทรล<br /><br />เริ่มตั้งแต่การ “ต่ออายุ” ให้กับนายปานเทพ กล้านรงค์ราญ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่อายุครบ 70 ปี ในวันที่ 22 พ.ค. 57 ออกไปอีกจนถึงวันที่ 21 ก.ย. 58<br /><br />ขณะที่กรรมการ ป.ป.ช. ชุดที่มีนายปานเทพเป็นประธาน อีก 5 ราย ที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 21 ก.ย. 58 ก็ได้รับการต่ออายุจนกว่าจะมีกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหม่ ภายใต้คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 28/2558<br /><br />สำหรับ ป.ป.ช.ชุดที่มี “พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ” เป็นประธาน การได้ไปต่อของ 7 กรรมการ ป.ป.ช.ก็ถูกมองว่าได้รับ “ไฟเขียว” จากผู้ถืออำนาจสูงสุดในรัฐบาล-คสช. ผ่านร่าง พ.ร.ป.ป.ป.ช.<br /><br />ขณะที่เรื่องที่ผู้มีอำนาจในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์-คสช. ถูกร้องเรียน-ฟ้องร้อง และอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรรมการ ป.ป.ช. อาทิ คดี “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” อดีต ผบ.ตร.-น้องชาย พล.อ.ประวิตร ร่ำรวยผิดปกติ โดยร่วมกันเป็นเจ้าของคอกม้า “รุ่งโรจน์ รุ่งพัชร” มูลค่าร้อยล้านบาท<br /><br />โดยเฉพาะกรณีแหวนเพชร-นาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี-รมว.กลาโหม ที่จะเป็น “จุดสลบ” ว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์-คสช. “โปร่งใส” เหมือนอย่างที่ประกาศไว้เป็น “วาระแห่งชาติ” หรือไม่<br /><br /><br />ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ถูกร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. กรณีถือหุ้นเกินร้อยละ 5 เรื่องก็ถูก “ปิดเงียบ”<br /><br />สำหรับผู้ตรวจการแผ่นดินที่ได้รับอานิสงส์จากการ “ไม่เซตซีโร่” ตามร่าง พ.ร.ป.ผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยมีเรื่องร้องเรียน พล.อ.ประยุทธ์-องคาพยพ อาทิ<br /><br />กรณี พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช.แต่งตั้งบุตรสาวของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการประจำตัวนายมีชัย โดยได้รับเงินค่าตอบแทนจากภาษีของประชาชน<br /><br />กรณี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อนุมัติจัดซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพาให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จำนวน 849 เครื่อง วงเงิน 573 ล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าปกติ<br /><br />ขณะที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พล.อ.ประยุทธ์ได้ออกคำสั่ง หัวหน้า คสช.ที่ 23/2560 ต่ออายุให้ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการ สตง.ที่จะพ้นจากตำแหน่งอายุครบ 65 ปี ในวันที่ 10 เม.ย. 60 จนกว่าจะมีผู้ว่าการ สตง.คนใหม่<br /><br />ในช่วง “พิศิษฐ์” ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน รัฐบาล-คสช.ถูกร้องเรียนเรื่องความไม่ชอบมาพากลเป็นจำนวนมาก ทั้งการอนุมัติซื้อเรือดำน้ำของ พล.อ.ประวิตร รมว.กลาโหม อย่างลับ ๆ<br /><br />การก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร สมัยเป็น รมช.กลาโหม กรณีทริปของ พล.อ.ประวิตร เช่าเหมาลำ-ขนคณะ 38 ชีวิต เดินทางไปประชุม รมว.กลาโหม อาเซียน ที่ฮาวาย 20 ล้านบาท<br /><br />ทว่าสุดท้ายผลการตรวจสอบออกมาตรงกันข้ามทุกคดีความ<br /><br />ส่วนกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ไม่มีบทบาทอะไรต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในปัจจุบันที่อำนาจรัฐบาลทหาร-คสช.ครองเมือง<br /><br />5 องค์กรอิสระคงเล่นบทเพลย์เซฟ-ระวังขัดใจผู้ถืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์<br /><br /><br />ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์<br /><br />", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/826328077830430720", "published": "2018-03-30T05:32:46+00:00", "source": { "content": "พลานุภาพ ม.44 สะท้าน 5 องค์กรอิสระ สะเทือนคดีร้อน “พล.อ.ประยุทธ์กับพวก”\n\nการเด็ดปีก-ปิดปาก “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วยอำนาจรัฏฐาธิปัตย์-มาตรา 44 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่นสะท้านไปทั้ง 5 องค์กรอิสระ\n\nในวงเสวนาสาธารณะ หัวข้อ “มาตรา 44 เพื่อชาติ หรือเพื่อใคร” ม.44 ถูกเปรียบเป็นระบอบ “ศาสตราธิปไตย” หรืออำนาจอธิปไตยที่มาจากกำลังอาวุธ\n\n“หากการใช้มาตรา 44 ยังดำรงอยู่ ถือเป็นการล่มสลายของระบบตรวจสอบในประเทศไทย องค์กรอิสระทั้งหลายจะทำงานภายใต้ทิศทางของผู้มีอำนาจรัฐ” นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ระบุ\n\n“มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการใช้อำนาจแบบนี้เพื่อแทรกแซงเรื่องอื่น ๆ ในอนาคตอีก เพราะมีตัวอย่างเกิดขึ้นแล้ว และมีความเป็นไปได้ว่า จะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้ง เพราะถ้าใช้ ม.44 ปลด กกต.ได้ ก็ไม่มีอะไรที่ ม.44 ทำไม่ได้”\n\nภายหลังการยึดอำนาจ 22 พ.ค. 57 “พล.อ.ประยุทธ์” ในฐานะเจ้าของอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ออกอิทธิฤทธิ์ทั้งพระเดช-พระคุณ กับ 5 องค์กรอิสระ เพื่อให้อยู่ในคอนโทรล\n\nเริ่มตั้งแต่การ “ต่ออายุ” ให้กับนายปานเทพ กล้านรงค์ราญ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่อายุครบ 70 ปี ในวันที่ 22 พ.ค. 57 ออกไปอีกจนถึงวันที่ 21 ก.ย. 58\n\nขณะที่กรรมการ ป.ป.ช. ชุดที่มีนายปานเทพเป็นประธาน อีก 5 ราย ที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 21 ก.ย. 58 ก็ได้รับการต่ออายุจนกว่าจะมีกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหม่ ภายใต้คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 28/2558\n\nสำหรับ ป.ป.ช.ชุดที่มี “พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ” เป็นประธาน การได้ไปต่อของ 7 กรรมการ ป.ป.ช.ก็ถูกมองว่าได้รับ “ไฟเขียว” จากผู้ถืออำนาจสูงสุดในรัฐบาล-คสช. ผ่านร่าง พ.ร.ป.ป.ป.ช.\n\nขณะที่เรื่องที่ผู้มีอำนาจในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์-คสช. ถูกร้องเรียน-ฟ้องร้อง และอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรรมการ ป.ป.ช. อาทิ คดี “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” อดีต ผบ.ตร.-น้องชาย พล.อ.ประวิตร ร่ำรวยผิดปกติ โดยร่วมกันเป็นเจ้าของคอกม้า “รุ่งโรจน์ รุ่งพัชร” มูลค่าร้อยล้านบาท\n\nโดยเฉพาะกรณีแหวนเพชร-นาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี-รมว.กลาโหม ที่จะเป็น “จุดสลบ” ว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์-คสช. “โปร่งใส” เหมือนอย่างที่ประกาศไว้เป็น “วาระแห่งชาติ” หรือไม่\n\n\nก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ถูกร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. กรณีถือหุ้นเกินร้อยละ 5 เรื่องก็ถูก “ปิดเงียบ”\n\nสำหรับผู้ตรวจการแผ่นดินที่ได้รับอานิสงส์จากการ “ไม่เซตซีโร่” ตามร่าง พ.ร.ป.ผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยมีเรื่องร้องเรียน พล.อ.ประยุทธ์-องคาพยพ อาทิ\n\nกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช.แต่งตั้งบุตรสาวของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการประจำตัวนายมีชัย โดยได้รับเงินค่าตอบแทนจากภาษีของประชาชน\n\nกรณี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อนุมัติจัดซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพาให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จำนวน 849 เครื่อง วงเงิน 573 ล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าปกติ\n\nขณะที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พล.อ.ประยุทธ์ได้ออกคำสั่ง หัวหน้า คสช.ที่ 23/2560 ต่ออายุให้ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการ สตง.ที่จะพ้นจากตำแหน่งอายุครบ 65 ปี ในวันที่ 10 เม.ย. 60 จนกว่าจะมีผู้ว่าการ สตง.คนใหม่\n\nในช่วง “พิศิษฐ์” ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน รัฐบาล-คสช.ถูกร้องเรียนเรื่องความไม่ชอบมาพากลเป็นจำนวนมาก ทั้งการอนุมัติซื้อเรือดำน้ำของ พล.อ.ประวิตร รมว.กลาโหม อย่างลับ ๆ\n\nการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร สมัยเป็น รมช.กลาโหม กรณีทริปของ พล.อ.ประวิตร เช่าเหมาลำ-ขนคณะ 38 ชีวิต เดินทางไปประชุม รมว.กลาโหม อาเซียน ที่ฮาวาย 20 ล้านบาท\n\nทว่าสุดท้ายผลการตรวจสอบออกมาตรงกันข้ามทุกคดีความ\n\nส่วนกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ไม่มีบทบาทอะไรต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในปัจจุบันที่อำนาจรัฐบาลทหาร-คสช.ครองเมือง\n\n5 องค์กรอิสระคงเล่นบทเพลย์เซฟ-ระวังขัดใจผู้ถืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์\n\n\nที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์\n\n", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826328077830430720/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826327241263783936", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "content": "‘สุเทพ’ ไลฟ์สด สุดสะเทือนใจ 13 แกนนำพธม.ถูกอายัดบัญชี หลังลุกขึ้นสู้รบ.ทรราช<br /><br />วันที่ 30 มีนาคม 2561 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เฟซบุ๊กไลฟ์กรณี 13 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถูกอายัดบัญชี หลังศาลแพ่งสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายกรณีชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ จำนวนเงิน 522 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ประมาณ 800 ล้านบาท ว่าเป็นเรื่องที่สะเทือนใจพวกเรามาก แกนนำพันธมิตรฯแต่ละท่านจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ตกคนละ 61 ล้านบาทเศษ แล้วมีการอายัดบัญชีของทั้ง 13 ท่าน<br /><br />“นี่ก็เป็นขั้นตอนปกติ เมื่อทางเจ้าหนี้คือ ทอท.ยื่นคำร้องขอให้กรมบังคับคดีเริ่มต้นกระบวนการบังคับคดี เจ้าพนักงานของกรมบังคับคดีก็ต้องดำเนินการอายัดหรือยึดทรัพย์ตามลำดับ แต่ในทางปฏิบัติปกติ ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ก็ยังถือว่ามีขั้นตอนที่จะเจรจาได้ ถ้าลูกหนี้ไปขอเจรจาเพื่อผ่อนชำระเงินค่าเสียหายเป็นงวดตามช่วงเวลาที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งกฎหมายให้เวลาการชำระหนี้ถึง 10 ปี ก็อยู่ที่ว่าเจ้าหนี้จะมีใจเอื้อเฟื้อผ่อนปรนให้กับลูกหนี้อย่างไร”<br /><br />“ตนขอใช้โอกาสนี้ เรียนไปยังผู้บริหารท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ได้โปรดพิจารณาว่าลูกหนี้ทั้ง 13 ท่านไม่ได้กระทำการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ที่ออกมาต่อสู้เคลื่อนไหวในคราวนั้นก็ด้วยหัวใจที่รักชาติรักแผ่นดิน ลุกขึ้นมาต่อสู้กับรัฐบาลที่เป็นทรราช รัฐบาลที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ กระทำการทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นเหตุให้บ้านเมืองเสียหาย ประชาชนจึงออกมาต่อต้าน”<br /><br /><br />นายสุเทพกล่าวว่า เดิมทีพันธมิตรฯชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล แต่เมื่อถูกทำร้ายถูกยิงด้วยอาวุธสงครามด้วยเครื่องยิงเอ็ม 79 บาดเจ็บล้มตายกันมากก็ย้ายที่ไปชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นที่มาของการถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา<br /><br />“อย่างไรก็ตาม ผมได้แต่ให้กำลังใจ เป็นกำลังใจให้แกนนำพันธมิตรทั้ง 13 ท่าน และเชื่อว่าพี่น้องก็เช่นกัน ดังนั้น เพื่อรำลึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนว่า 13 แกนนำพันธมิตรฯมีบทบาทอย่างไรในการต่อสู้เพื่อบ้านเมือง ผมจะนำเสนอเรื่องราวของพวกเขาผ่านทางเฟซบุ๊กในโอกาสต่อไป” นายสุเทพกล่าว<br /><br />ที่มา : มติชน<br /><br />", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/826327241263783936", "published": "2018-03-30T05:29:26+00:00", "source": { "content": "‘สุเทพ’ ไลฟ์สด สุดสะเทือนใจ 13 แกนนำพธม.ถูกอายัดบัญชี หลังลุกขึ้นสู้รบ.ทรราช\n\nวันที่ 30 มีนาคม 2561 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เฟซบุ๊กไลฟ์กรณี 13 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถูกอายัดบัญชี หลังศาลแพ่งสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายกรณีชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ จำนวนเงิน 522 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ประมาณ 800 ล้านบาท ว่าเป็นเรื่องที่สะเทือนใจพวกเรามาก แกนนำพันธมิตรฯแต่ละท่านจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ตกคนละ 61 ล้านบาทเศษ แล้วมีการอายัดบัญชีของทั้ง 13 ท่าน\n\n“นี่ก็เป็นขั้นตอนปกติ เมื่อทางเจ้าหนี้คือ ทอท.ยื่นคำร้องขอให้กรมบังคับคดีเริ่มต้นกระบวนการบังคับคดี เจ้าพนักงานของกรมบังคับคดีก็ต้องดำเนินการอายัดหรือยึดทรัพย์ตามลำดับ แต่ในทางปฏิบัติปกติ ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ก็ยังถือว่ามีขั้นตอนที่จะเจรจาได้ ถ้าลูกหนี้ไปขอเจรจาเพื่อผ่อนชำระเงินค่าเสียหายเป็นงวดตามช่วงเวลาที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งกฎหมายให้เวลาการชำระหนี้ถึง 10 ปี ก็อยู่ที่ว่าเจ้าหนี้จะมีใจเอื้อเฟื้อผ่อนปรนให้กับลูกหนี้อย่างไร”\n\n“ตนขอใช้โอกาสนี้ เรียนไปยังผู้บริหารท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ได้โปรดพิจารณาว่าลูกหนี้ทั้ง 13 ท่านไม่ได้กระทำการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ที่ออกมาต่อสู้เคลื่อนไหวในคราวนั้นก็ด้วยหัวใจที่รักชาติรักแผ่นดิน ลุกขึ้นมาต่อสู้กับรัฐบาลที่เป็นทรราช รัฐบาลที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ กระทำการทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นเหตุให้บ้านเมืองเสียหาย ประชาชนจึงออกมาต่อต้าน”\n\n\nนายสุเทพกล่าวว่า เดิมทีพันธมิตรฯชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล แต่เมื่อถูกทำร้ายถูกยิงด้วยอาวุธสงครามด้วยเครื่องยิงเอ็ม 79 บาดเจ็บล้มตายกันมากก็ย้ายที่ไปชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นที่มาของการถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา\n\n“อย่างไรก็ตาม ผมได้แต่ให้กำลังใจ เป็นกำลังใจให้แกนนำพันธมิตรทั้ง 13 ท่าน และเชื่อว่าพี่น้องก็เช่นกัน ดังนั้น เพื่อรำลึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนว่า 13 แกนนำพันธมิตรฯมีบทบาทอย่างไรในการต่อสู้เพื่อบ้านเมือง ผมจะนำเสนอเรื่องราวของพวกเขาผ่านทางเฟซบุ๊กในโอกาสต่อไป” นายสุเทพกล่าว\n\nที่มา : มติชน\n\n", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826327241263783936/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826326926770806784", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "content": "“บิ๊กป้อม” เผยตั้งกก.สอบศอ.บต.จัดซื้อเครื่องกรองน้ำแล้ว รับ มีหลายโครงการต้องสอบ!<br /><br />“บิ๊กป้อม” เผย ตั้งกก.สอบกรณีจัดซื้อเครื่องกรองน้ำแล้ว รับ มีหลายโครงการของ ศอ.บต.ต้องตรวจสอบเพิ่ม<br /><br />เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 มีนาคม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาคกลาง ครั้งที่ 2/2561 กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)ใช้งบประมาณจัดซื้อเครื่องกรองน้ำที่มีราคาแพงแต่ไม่ได้คุณภาพ ว่า กำลังสอบอยู่ ยอมรับว่ามีหลายโครงการที่ต้องสอบสวนและทราบว่ามีการตั้งคณะกรรมการดำเนินการแล้ว<br /><br />ที่มา : มติชน<br /><br />>>>>>>>>><br /><br />เรื่องนาฬิกาตัวเองว่าไง ไปถึงไหนแล้ว?<br /><br />", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/826326926770806784", "published": "2018-03-30T05:28:11+00:00", "source": { "content": "“บิ๊กป้อม” เผยตั้งกก.สอบศอ.บต.จัดซื้อเครื่องกรองน้ำแล้ว รับ มีหลายโครงการต้องสอบ!\n\n“บิ๊กป้อม” เผย ตั้งกก.สอบกรณีจัดซื้อเครื่องกรองน้ำแล้ว รับ มีหลายโครงการของ ศอ.บต.ต้องตรวจสอบเพิ่ม\n\nเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 มีนาคม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาคกลาง ครั้งที่ 2/2561 กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)ใช้งบประมาณจัดซื้อเครื่องกรองน้ำที่มีราคาแพงแต่ไม่ได้คุณภาพ ว่า กำลังสอบอยู่ ยอมรับว่ามีหลายโครงการที่ต้องสอบสวนและทราบว่ามีการตั้งคณะกรรมการดำเนินการแล้ว\n\nที่มา : มติชน\n\n>>>>>>>>>\n\nเรื่องนาฬิกาตัวเองว่าไง ไปถึงไหนแล้ว?\n\n", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826326926770806784/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826326322866397184", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "content": "‘ธนาธร’ แนะนำหนังสือ ‘บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์’ เรียนรู้เคารพศักดิ์ศรีมนุษย์-ยอมรับความต่าง-สิทธิเสรีภาพ<br /><br />วันที่ 30 มีนาคม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแนะนำหนังสือ “บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์ : The Diary of a Young Girl” หนังสือจากสมุดบันทึกประจำวันของอันเนอ ฟรังค์ ขณะที่เธอและครอบครัวต้องหลบซ่อนตัวอยู่เป็นเวลาเกือบสองปี เพื่อหลบหนีการล่าชาวยิวในเนเธอร์แลนด์ขณะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของนาซีเยอรมันระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง<br /><br />โดยระบุว่า<br /><br />“มีหลายคนถามผมว่า ถ้าจะแนะนำหนังสือให้คนไทยอ่านสักเรื่อง จะแนะนำอะไร…<br /><br /><หนังสือเพื่อสันติสุข และหยุดยั้งการเกลียดชังกัน ><br /><br /><br />แอนน์ แฟรงค์ เขียนบันทึกเมื่อเธออายุ 13 ปี ขณะเธอและครอบครัวหลบซ่อนการคุกคามของนาซีเยอรมัน บันทึกของแอนน์สะท้อนจิตวิญญาณของชาวยิวที่ถูกกวาดล้างหลายล้านคนทั่วโลกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง<br /><br />“การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คือผลของการสร้างความเกลียดชังต่อเพื่อนมนุษย์อย่างเป็นระบบ”<br /><br />บทเรียนที่เราได้จากหนังสือ คือ การเคารพซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของกันและกัน การยอมรับซึ่งความแตกต่าง ทั้งความคิดและทางกายภาพ นั่นคือวิธีเดียวที่จะหยุดยั้งการทำลายล้างและวิธีเดียวที่จะนำมาซึ่งสันติสุขของมนุษยชาติ อนาคตที่คนยอมรับซึ่งความแตกต่าง และสิทธิเสรีภาพของกันและกัน …คืออนาคตใหม่”<br /><br />ที่มา : มติชน<br /><br />", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/826326322866397184", "published": "2018-03-30T05:25:47+00:00", "source": { "content": "‘ธนาธร’ แนะนำหนังสือ ‘บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์’ เรียนรู้เคารพศักดิ์ศรีมนุษย์-ยอมรับความต่าง-สิทธิเสรีภาพ\n\nวันที่ 30 มีนาคม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแนะนำหนังสือ “บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์ : The Diary of a Young Girl” หนังสือจากสมุดบันทึกประจำวันของอันเนอ ฟรังค์ ขณะที่เธอและครอบครัวต้องหลบซ่อนตัวอยู่เป็นเวลาเกือบสองปี เพื่อหลบหนีการล่าชาวยิวในเนเธอร์แลนด์ขณะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของนาซีเยอรมันระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง\n\nโดยระบุว่า\n\n“มีหลายคนถามผมว่า ถ้าจะแนะนำหนังสือให้คนไทยอ่านสักเรื่อง จะแนะนำอะไร…\n\n<หนังสือเพื่อสันติสุข และหยุดยั้งการเกลียดชังกัน >\n\n\nแอนน์ แฟรงค์ เขียนบันทึกเมื่อเธออายุ 13 ปี ขณะเธอและครอบครัวหลบซ่อนการคุกคามของนาซีเยอรมัน บันทึกของแอนน์สะท้อนจิตวิญญาณของชาวยิวที่ถูกกวาดล้างหลายล้านคนทั่วโลกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง\n\n“การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คือผลของการสร้างความเกลียดชังต่อเพื่อนมนุษย์อย่างเป็นระบบ”\n\nบทเรียนที่เราได้จากหนังสือ คือ การเคารพซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของกันและกัน การยอมรับซึ่งความแตกต่าง ทั้งความคิดและทางกายภาพ นั่นคือวิธีเดียวที่จะหยุดยั้งการทำลายล้างและวิธีเดียวที่จะนำมาซึ่งสันติสุขของมนุษยชาติ อนาคตที่คนยอมรับซึ่งความแตกต่าง และสิทธิเสรีภาพของกันและกัน …คืออนาคตใหม่”\n\nที่มา : มติชน\n\n", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826326322866397184/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826325090336743424", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "content": "บอกแล้วไงหวยจะออกแบบนี้<br /><br />ซ้าย-ขวา คสช. กินรวบ<br /><br />พอ กกต.ลั่นระฆังให้พรรคการเมืองเก่ามารับฟังแนวทางในการปฏิบัติตามกฎหมายในหลายเรื่องทั้งการยืนยันเป็นสมาชิกพรรค คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่เป็นสมาชิก<br /><br />การจ่ายเงินบำรุงพรรค การทำไพรมารีโหวต แนวทางการยื่นหนังสือขออนุญาต คสช. เพื่อจัดประชุมพรรค<br /><br />กรรมการบริหารพรรคหากยังใช้ชุดเดิมก็สามารถยืนยันได้ แต่จะต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายใหม่กำหนด<br /><br />นั่นเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองต้องปรับกระบวนการในการทำงาน<br /><br />ทว่าประเด็นเหล่านี้คงไม่มีปัญหาสำหรับพรรคการเมืองเพียงแต่ขอให้ยืนยันว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งเมื่อใด<br /><br />การแห่กันไปฟัง กกต. จึงเป็นสัญญาณและบอกถึงความต้องการต่อสาธารณชนให้รับรู้และไม่ให้ คสช.บิดพลิ้ว<br /><br />ที่สุดปัญหาเรื่องกฎหมายลูกต่อการเลือกตั้ง ส.ส. ก็ยังไม่คลี่คลายแม้จะส่ง พ.ร.ป. การได้มาซึ่ง ส.ว. ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความไปแล้ว<br /><br />จะเป็นเพราะเป็นลีลาหรือไม่เพื่อเป้าหมายที่วางเอาไว้แล้ว<br /><br />สนช. นั้นทำเป็นเล่นตัวว่าจะไม่ยื่นเอง เพราะเชื่อว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญจึงส่งเรื่องให้นายกฯ ทำนองว่าถ้าติดใจก็ยื่นตีความเอง<br /><br />ปรากฏว่านายกฯก็ไม่ยอมยื่นก็เลยเกิดปัญหาว่าจะทำยังไงกันต่อไป ขณะที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ก็ยังย้ำเตือนให้ระวังจะเกิดปัญหาตามมา เพราะถ้าไม่ตีความให้ชัดเจนถ้าผ่านไปแล้วเกิดมีการยื่นตีความ<br /><br />การเมืองอลเวงและตั้งรัฐบาลไม่ได้แน่<br /><br />ในที่ประชุม คสช. คนสำคัญทางกฎหมายไม่ว่าจะเป็นนายมีชัย นายวิษณุ เครืองาม นายพรเพชร วิชิตชลชัย จึงต้องเข้าร่วมด้วยเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้<br /><br />ผลสรุปคือมีความจำเป็นที่จะต้องส่งตีความและฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายยื่นตีความ ปรากฏว่ารัฐบาลไม่ดำเนินการเองโดยจะคืนกลับให้ สนช. ไปจัดการให้เรียบร้อย<br /><br />ว่าไปแล้ว สนช. นั้นก็รู้ดีว่ามีความจำเป็นที่จะยื่นตีความเนื่องจากก็ไม่แน่ใจว่าจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่<br /><br />เพราะหากขัดรัฐธรรมนูญสุดท้าย สนช. ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะมีหน้าที่ในการจัดทำกฎหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น<br /><br />เพียงแต่ในเกมอย่างนี้หาก สนช. ยื่นเองก็จะต้องถูกโจมตีจากฝ่ายการเมืองที่จ้องอยู่แล้วว่ากำลัง “สมคบคิด”<br /><br />แต่เมื่อหาทางแก้ลำด้วยการส่งให้นายกฯ รับเรื่องไปแต่ไม่ยอมยื่นก็ต้องนำมาหาทางออกร่วมกันว่ามีความจำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้น<br /><br />นั่นเท่ากับว่า สนช. ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยความจำเป็น<br /><br />อย่างน้อยก็หาคำตอบเพื่อชี้แจงให้ฝ่ายการเมืองได้รับรู้ถึงความจำเป็นไม่ใช่เป็นแผนเพื่อทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป<br /><br />ทางเดียวก็คือโยน “เผือกร้อน” ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความออกมา<br /><br />หากไม่ขัดรัฐธรรมนูญก็แล้วไปแต่กระบวนการดำเนินการก็ต้องใช้เวลา ยิ่ง 2 ฉบับ ก็ต้องขยับการเลือกตั้งออกไปโดยปริยาย<br /><br />ตรงกันข้ามถ้าขัดรัฐธรรมนูญก็ไม่ต้องพูดกันแล้ว เพราะจะต้องนำไปดำเนินการเริ่มต้นขั้นตอนกันใหม่ ซึ่งจะต้องใช้เวลานานพอสมควร<br /><br />ไม่ว่าซ้ายไปขวา ขวาไปซ้ายหวยก็ออกตรงๆอย่างนี้แหละ...<br /><br />ที่มา : สายล่อฟ้า ไทยรัฐ<br /><br />", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/826325090336743424", "published": "2018-03-30T05:20:53+00:00", "source": { "content": "บอกแล้วไงหวยจะออกแบบนี้\n\nซ้าย-ขวา คสช. กินรวบ\n\nพอ กกต.ลั่นระฆังให้พรรคการเมืองเก่ามารับฟังแนวทางในการปฏิบัติตามกฎหมายในหลายเรื่องทั้งการยืนยันเป็นสมาชิกพรรค คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่เป็นสมาชิก\n\nการจ่ายเงินบำรุงพรรค การทำไพรมารีโหวต แนวทางการยื่นหนังสือขออนุญาต คสช. เพื่อจัดประชุมพรรค\n\nกรรมการบริหารพรรคหากยังใช้ชุดเดิมก็สามารถยืนยันได้ แต่จะต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายใหม่กำหนด\n\nนั่นเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองต้องปรับกระบวนการในการทำงาน\n\nทว่าประเด็นเหล่านี้คงไม่มีปัญหาสำหรับพรรคการเมืองเพียงแต่ขอให้ยืนยันว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งเมื่อใด\n\nการแห่กันไปฟัง กกต. จึงเป็นสัญญาณและบอกถึงความต้องการต่อสาธารณชนให้รับรู้และไม่ให้ คสช.บิดพลิ้ว\n\nที่สุดปัญหาเรื่องกฎหมายลูกต่อการเลือกตั้ง ส.ส. ก็ยังไม่คลี่คลายแม้จะส่ง พ.ร.ป. การได้มาซึ่ง ส.ว. ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความไปแล้ว\n\nจะเป็นเพราะเป็นลีลาหรือไม่เพื่อเป้าหมายที่วางเอาไว้แล้ว\n\nสนช. นั้นทำเป็นเล่นตัวว่าจะไม่ยื่นเอง เพราะเชื่อว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญจึงส่งเรื่องให้นายกฯ ทำนองว่าถ้าติดใจก็ยื่นตีความเอง\n\nปรากฏว่านายกฯก็ไม่ยอมยื่นก็เลยเกิดปัญหาว่าจะทำยังไงกันต่อไป ขณะที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ก็ยังย้ำเตือนให้ระวังจะเกิดปัญหาตามมา เพราะถ้าไม่ตีความให้ชัดเจนถ้าผ่านไปแล้วเกิดมีการยื่นตีความ\n\nการเมืองอลเวงและตั้งรัฐบาลไม่ได้แน่\n\nในที่ประชุม คสช. คนสำคัญทางกฎหมายไม่ว่าจะเป็นนายมีชัย นายวิษณุ เครืองาม นายพรเพชร วิชิตชลชัย จึงต้องเข้าร่วมด้วยเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้\n\nผลสรุปคือมีความจำเป็นที่จะต้องส่งตีความและฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายยื่นตีความ ปรากฏว่ารัฐบาลไม่ดำเนินการเองโดยจะคืนกลับให้ สนช. ไปจัดการให้เรียบร้อย\n\nว่าไปแล้ว สนช. นั้นก็รู้ดีว่ามีความจำเป็นที่จะยื่นตีความเนื่องจากก็ไม่แน่ใจว่าจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่\n\nเพราะหากขัดรัฐธรรมนูญสุดท้าย สนช. ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะมีหน้าที่ในการจัดทำกฎหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น\n\nเพียงแต่ในเกมอย่างนี้หาก สนช. ยื่นเองก็จะต้องถูกโจมตีจากฝ่ายการเมืองที่จ้องอยู่แล้วว่ากำลัง “สมคบคิด”\n\nแต่เมื่อหาทางแก้ลำด้วยการส่งให้นายกฯ รับเรื่องไปแต่ไม่ยอมยื่นก็ต้องนำมาหาทางออกร่วมกันว่ามีความจำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้น\n\nนั่นเท่ากับว่า สนช. ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยความจำเป็น\n\nอย่างน้อยก็หาคำตอบเพื่อชี้แจงให้ฝ่ายการเมืองได้รับรู้ถึงความจำเป็นไม่ใช่เป็นแผนเพื่อทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป\n\nทางเดียวก็คือโยน “เผือกร้อน” ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความออกมา\n\nหากไม่ขัดรัฐธรรมนูญก็แล้วไปแต่กระบวนการดำเนินการก็ต้องใช้เวลา ยิ่ง 2 ฉบับ ก็ต้องขยับการเลือกตั้งออกไปโดยปริยาย\n\nตรงกันข้ามถ้าขัดรัฐธรรมนูญก็ไม่ต้องพูดกันแล้ว เพราะจะต้องนำไปดำเนินการเริ่มต้นขั้นตอนกันใหม่ ซึ่งจะต้องใช้เวลานานพอสมควร\n\nไม่ว่าซ้ายไปขวา ขวาไปซ้ายหวยก็ออกตรงๆอย่างนี้แหละ...\n\nที่มา : สายล่อฟ้า ไทยรัฐ\n\n", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826325090336743424/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826324604766363648", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "content": "ระเบิดเวลารัฐธรรมนูญ<br /><br />กลายเป็นปัญหาอย่างไม่จบสิ้น ล่าสุดคือประเด็นที่ว่าจะยื่นร่างกฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส. ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ ถ้าต้องยื่นใครจะเป็นผู้ยื่น ข่าวบางกระแสบอกว่า สนช.จะยื่นเอง บ้างก็ว่าจะให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ยื่น ไม่รู้จะเอาไงกันแน่ และไม่น่าจะก่อความสับสนขนาดนี้ เพราะว่าผู้ที่เกี่ยวข้องล้วนแต่อยู่ในแวดวงแม่นํ้าห้าสายของ คสช.ด้วยกัน<br /><br />พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ปฏิเสธไม่มีทฤษฎีสมคบคิดเพื่อเลื่อนการเลือกตั้ง แต่คนทั่วไปสงสัยว่าผู้เขียนกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น สนช. หรือ กรธ. ล้วนแต่ฝีมือระดับอรหันต์ ทำไมจึงเขียนกฎหมายให้มีปัญหาตีความ และเมื่อตัดสินใจส่งเรื่องให้ศาลวินิจฉัยก็ยื่นแค่เรื่อง ส.ว. ปล่อยให้เรื่อง ส.ส. เป็นปัญหาคาราคาซังต่อไป<br /><br />นักวิชาการบางคนวิจารณ์ว่ามีการจงใจให้เลื่อนวันเลือกตั้งออกไปอย่างเป็นระบบ เริ่มด้วยการร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้ายให้คลุมเครือ แม้แต่รัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ว่าให้ดำเนินการเลือกตั้ง ส.ส. ให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน หลังกฎหมายลูก 4 ฉบับมีผลใช้บังคับ แต่ สนช.เขียนให้กฎหมาย ส.ส. มีผลหลังประกาศใช้ 90 วัน แหกประเพณีที่ใช้บังคับทันที<br /><br />เวลา 150 วัน ที่ต้องดำเนินการเลือกตั้ง ส.ส. “ให้แล้วเสร็จ” ก็มีปัญหารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายชี้แจงว่า หมายถึงจัดการเลือกตั้งเมื่อใดก็ได้ แต่ต้องให้เสร็จภายใน 150 วัน ส่วนการให้ใบเหลืองใบแดงทำได้ในภายหลัง แต่อดีต กกต. นางสดศรี สัตยธรรม ระบุว่า 150 วัน เริ่มแต่วันประกาศวันเลือกตั้ง นับไปเรื่อยจนถึงวันประกาศผลการเลือกตั้ง<br /><br />สอดคล้องกับนางสมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีต ป.ป.ช. และอดีตผู้พิพาก-ษาศาลฎีกาเห็นว่าถ้าไม่นับรวมถึงการประกาศผลการเลือกตั้งจะต้องยืดเวลาออกไปอีก 60 วัน และวิจารณ์ว่าการเขียนรัฐธรรมนูญ อย่างนี้มีปัญหา ปมปัญหา 150 วัน ไม่มีทาง ทำอะไรได้แล้ว ถ้ามีปัญหาต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรืออาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ถ้าส่งให้ศาลตีความจะยุ่งกันใหญ่<br /><br />เกี่ยวกับปมปัญหา 150 วัน นอกจากกลายเป็นวิวาทะระหว่างฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลกับนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.แล้ว นายสมชัยเปิดเผยว่า เคยถามประธาน กรธ. ได้รับคำตอบว่า กรธ. มีอำนาจหน้าที่เขียนกฎหมาย ไม่มีหน้าที่ตีความกฎหมาย ปรึกษาศาลรัฐธรรมนูญตอบว่าเรื่องนี้ยังไม่เป็นปัญหา ศาลเลยไม่ตอบ ประเด็นนี้จึงกลายเป็นระเบิดเวลา<br /><br />น่าประหลาดใจที่ไม่มีคำตอบจากประธาน กรธ. ทั้งๆที่เป็นผู้เขียนรัฐธรรมนูญมากับมือ กลายเป็นรัฐธรรมนูญเจ้าปัญหา ใครจะไปรู้เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญดีกว่าคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ โดยปกติในการเขียนรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับจะเขียนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไว้ด้วย เพื่อไม่ให้ตีความให้วุ่นวาย และวุ่นวายสับสนจนถึงบรรดากฎหมายลูก.<br /><br />ที่มา : ไทยรัฐ<br /><br />", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/826324604766363648", "published": "2018-03-30T05:18:58+00:00", "source": { "content": "ระเบิดเวลารัฐธรรมนูญ\n\nกลายเป็นปัญหาอย่างไม่จบสิ้น ล่าสุดคือประเด็นที่ว่าจะยื่นร่างกฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส. ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ ถ้าต้องยื่นใครจะเป็นผู้ยื่น ข่าวบางกระแสบอกว่า สนช.จะยื่นเอง บ้างก็ว่าจะให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ยื่น ไม่รู้จะเอาไงกันแน่ และไม่น่าจะก่อความสับสนขนาดนี้ เพราะว่าผู้ที่เกี่ยวข้องล้วนแต่อยู่ในแวดวงแม่นํ้าห้าสายของ คสช.ด้วยกัน\n\nพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ปฏิเสธไม่มีทฤษฎีสมคบคิดเพื่อเลื่อนการเลือกตั้ง แต่คนทั่วไปสงสัยว่าผู้เขียนกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น สนช. หรือ กรธ. ล้วนแต่ฝีมือระดับอรหันต์ ทำไมจึงเขียนกฎหมายให้มีปัญหาตีความ และเมื่อตัดสินใจส่งเรื่องให้ศาลวินิจฉัยก็ยื่นแค่เรื่อง ส.ว. ปล่อยให้เรื่อง ส.ส. เป็นปัญหาคาราคาซังต่อไป\n\nนักวิชาการบางคนวิจารณ์ว่ามีการจงใจให้เลื่อนวันเลือกตั้งออกไปอย่างเป็นระบบ เริ่มด้วยการร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้ายให้คลุมเครือ แม้แต่รัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ว่าให้ดำเนินการเลือกตั้ง ส.ส. ให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน หลังกฎหมายลูก 4 ฉบับมีผลใช้บังคับ แต่ สนช.เขียนให้กฎหมาย ส.ส. มีผลหลังประกาศใช้ 90 วัน แหกประเพณีที่ใช้บังคับทันที\n\nเวลา 150 วัน ที่ต้องดำเนินการเลือกตั้ง ส.ส. “ให้แล้วเสร็จ” ก็มีปัญหารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายชี้แจงว่า หมายถึงจัดการเลือกตั้งเมื่อใดก็ได้ แต่ต้องให้เสร็จภายใน 150 วัน ส่วนการให้ใบเหลืองใบแดงทำได้ในภายหลัง แต่อดีต กกต. นางสดศรี สัตยธรรม ระบุว่า 150 วัน เริ่มแต่วันประกาศวันเลือกตั้ง นับไปเรื่อยจนถึงวันประกาศผลการเลือกตั้ง\n\nสอดคล้องกับนางสมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีต ป.ป.ช. และอดีตผู้พิพาก-ษาศาลฎีกาเห็นว่าถ้าไม่นับรวมถึงการประกาศผลการเลือกตั้งจะต้องยืดเวลาออกไปอีก 60 วัน และวิจารณ์ว่าการเขียนรัฐธรรมนูญ อย่างนี้มีปัญหา ปมปัญหา 150 วัน ไม่มีทาง ทำอะไรได้แล้ว ถ้ามีปัญหาต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรืออาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ถ้าส่งให้ศาลตีความจะยุ่งกันใหญ่\n\nเกี่ยวกับปมปัญหา 150 วัน นอกจากกลายเป็นวิวาทะระหว่างฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลกับนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.แล้ว นายสมชัยเปิดเผยว่า เคยถามประธาน กรธ. ได้รับคำตอบว่า กรธ. มีอำนาจหน้าที่เขียนกฎหมาย ไม่มีหน้าที่ตีความกฎหมาย ปรึกษาศาลรัฐธรรมนูญตอบว่าเรื่องนี้ยังไม่เป็นปัญหา ศาลเลยไม่ตอบ ประเด็นนี้จึงกลายเป็นระเบิดเวลา\n\nน่าประหลาดใจที่ไม่มีคำตอบจากประธาน กรธ. ทั้งๆที่เป็นผู้เขียนรัฐธรรมนูญมากับมือ กลายเป็นรัฐธรรมนูญเจ้าปัญหา ใครจะไปรู้เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญดีกว่าคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ โดยปกติในการเขียนรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับจะเขียนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไว้ด้วย เพื่อไม่ให้ตีความให้วุ่นวาย และวุ่นวายสับสนจนถึงบรรดากฎหมายลูก.\n\nที่มา : ไทยรัฐ\n\n", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826324604766363648/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826323949469147136", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "content": "“ราคา” ของการ “ดึงเวลา”<br /><br />นับเป็นการ “เสียฟอร์ม” ครั้งใหญ่ ของนายกรัฐมนตรี ผู้ขึ้นชื่อว่าสอบได้เป็นที่หนึ่งของรุ่นจากโรงเรียนเตรียมทหาร<br /><br />เมื่อท่าน “เล่นใหญ่” หมายจะโหนกระแส “ออเจ้า” จากละครบุพเพสันนิวาส ที่กำลังเป็นกระแสแรงทั่วบ้านทั่วเมืองในขณะนี้ ด้วยการมอบหมายให้คณะรัฐมนตรีไปท่องหนังสือ “จินดามณี” ซึ่งเป็นแบบเรียนฉบับแรกของไทย โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับอักขระและบทร้อยกรองต่างๆ ในภาษาไทย ประพันธ์ขึ้นโดยพระโหราธิบดี ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งเป็นช่วงเวลาในละครเรื่องดัง<br /><br />แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามท่านว่า ท่านเองเล่าท่องจินดามณีได้หรือไม่<br /><br />ท่านก็ท่องบทกลอนออกมาหน้าตาเฉย ว่า “ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย”<br /><br /><br /><br />ซึ่งมาจาก “นิราศภูเขาทอง” ของสุนทรภู่ ซึ่งประพันธ์ขึ้นหลังจาก “จินดามณี” ร่วม 150 ปี<br /><br />อันที่จริงจะอ่านให้เป็นข่าวขำข่าวฮาไม่เป็นสาระก็พอได้อยู่หรอก แต่มันสะท้อนให้เห็นถึง “ตัวตน” และ “วิธีทำงาน” ของท่านที่น่าเคลือบแคลง ว่าท่านสามารถ “สั่ง” ให้ ครม.ไปทำนั่นทำนี่ ทั้งๆ ที่ท่านเองก็ไม่รู้ไม่เข้าใจในเรื่องที่สั่งอย่างถ่องแท้งั้นหรือ?<br /><br />ทั้งยังไม่ต้องถามประโยชน์ของการที่ไม่ชี้นิ้วสั่งให้รัฐมนตรีน้อยใหญ่ไปท่องตำราเรียนรุ่นโบราณ ว่ามันมีประโยชน์โภชผลอะไรกับการบริหารราชการแผ่นดิน<br /><br />นับว่าเป็นเรื่อง “เสียรังวัด” อีกเรื่อง นับตั้งแต่รัฐบาลลุงตู่เข้าสู่ช่วง “ดวงตก” ตั้งแต่เรื่อง “นาฬิกายืมเพื่อน” ของพี่ใหญ่ เรียกว่าหยิบจับอะไรก็ไม่ขึ้น ขนาดจะโหนกระแสออเจ้า ยังกลายเป็นตัวตลกให้ฝ่ายตรงข้ามเอามาล้อเลียนยิ้มหัวกันเลย<br /><br />ไม่ต้องพูดกันถึง “แผล” น้อยใหญ่ของรัฐบาลซึ่งปรากฏขึ้นเรื่อยๆ <br /><br />อย่างท่าทางขึงขังเรื่อง จะเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นเหมือนจุดแข็งเพียงอย่างเดียวของรัฐบาลนี้ เนื่องจากผลงานในการบริหารประเทศนั้นไม่มีอะไรเด่นชัดให้เอามาโชว์เสียเลย<br /><br />ก็กลับปรากฏว่ามีเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันทุกหย่อมหญ้าจากข้าราชการหลายกระทรวง ทบวง กรม ปูดออกมาแทบไม่หวาดไม่ไหว <br /><br />จริงอยู่ว่า แม้ว่าจะเป็นเรื่องของ “ข้าราชการประจำ” และหลายเรื่องนั้นก็เริ่มต้นทุจริตมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนๆ มาแล้ว <br /><br />แต่ในฐานะที่ท่านกุมบังเหียนเป็นรัฐบาลมาร่วม 4 ปี และประกาศให้การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันเป็น “วาระแห่งชาติ” แต่กลับบ้อท่า เวลาที่ผ่านไปจับไม่ได้แม้แต่ปลาซิวปลาสร้อย <br /><br />ต้องให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งยังเรียนไม่จบปริญญาตรีด้วยซ้ำ ออกมาเปิดโปงจนเห็นแผลเน่าในไปแทบทั้งกระทรวง<br /><br />มือไม้ อำนาจของรัฐบาลหายไปไหนหมด? ข้ออ้างที่ว่าเป็นปัญหามาจากรัฐบาลก่อนๆ จะยังอ้างไปได้อีกนานแค่ไหน ในฐานะที่ท่านเป็นรัฐบาลอยู่มาตั้ง 4 ปี เผลอๆ ยาวกว่าอายุรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นส่วนใหญ่อีก ทำไมถึงตรวจอะไรไม่พบแบบนั้น <br /><br />และนี่เป็นคำถามถึงองค์กรอิสระที่ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ ทั้ง สตง. และ ป.ป.ช. ด้วย ว่าทำไมที่ผ่านมาตรวจไม่เจอ<br /><br />รวมถึงเรายังไม่ต้องพูดถึงเรื่อง “นาฬิกายืมเพื่อน” ที่ตอนนี้กระแสซาลงไปแล้ว ก็เหมือนทำให้บางคนเบาใจว่า ต่อจากนี้ก็อาจจะปัดเรื่องปัดคดีให้พ้นไปได้แบบเนียนๆ <br /><br />คดีมหาเศรษฐียักษ์ใหญ่แห่งวงการก่อสร้าง ผู้มีอิทธิพลต่อรัฐบาล ยิงเสือดำในเขตป่าคุ้มครอง ที่เหมือนจะขึงขังจริงจังส่งนายตำรวจใหญ่ไปดูคดี นายตำรวจใหญ่คนนั้นก็ดันไปรับไหว้เขาเสียหัวแทบจรดพื้นเสียนี่<br /><br />พอผลทางคดีออกมาว่า ไม่พบรอยนิ้วมือไกปืนที่ใช้ล่าสัตว์ ส่อว่ามหาเศรษฐีคนดังจะ “หลุดคดี” แล้ว ก็จะไม่ให้ประชาชนคิดมากได้อย่างไร<br /><br />เสียงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง จากที่เคยเป็นเสียงของคนกลุ่มเล็กๆ ก็กลับดังขึ้นเรื่อยๆ จากกลุ่มคนที่เริ่มรู้สึกว่า “ใครมาก็โกง” แต่ขอให้คนโกงนั้นประชาชนเลือกมา โกงก็ด่าได้ และยังพอดำเนินการตามกฎหมายหรือทางการเมืองได้บ้าง <br /><br />ไม่ใช่ทั้ง “โกง” ทั้ง “อำนาจเบ็ดเสร็จ” ใครเอะอะให้ตรวจสอบ หรือตั้งคำถามกับพวกตัวมาก ก็ใช้ “อำนาจเบ็ดเสร็จ” จัดการ เหมือนที่อดีต กกต. สมชัย ศรีสุทธิยากร โดนไปรายล่าสุดนั่นไง<br /><br />เรียกได้ว่า ยิ่งอยู่นาน นอกจาก “คะแนน” จะไม่ดีขึ้นแล้ว ยังมีเรื่องเสียรังวัด หรือเรื่องให้ผู้คนคลางแคลงไม่มั่นใจเพิ่มขึ้นไปอีก<br /><br />ในขณะที่เสียงเรียกร้องอยากเลือกตั้งเริ่มมีน้ำหนักขึ้น แต่โรดแมปการเลือกตั้งกลับเหมือนมีใครสักคนอยากให้เลื่อนออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีหยุด ล่าสุดก็มีการส่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทั้งๆ ที่คนร่าง ก็เป็นคณะเดียวกับที่ร่างรัฐธรรมนูญมานั่นแหละ!<br /><br />แล้วจะไม่ให้ชาวบ้านเขาสงสัยได้อย่างไร ว่าเรื่องนี้เจตนาจงใจ รอใครบางคน หรือพรรคการเมืองบางกลุ่ม “พร้อม” ก่อนหรือเปล่า<br /><br />แต่ก็นั่นแหละ มันก็จะเป็นดาบสองคมเหมือนกันว่า ยิ่งทิ้งเวลาเนิ่นนานไป สนิมย่อมเกิดเนื้อในตน ตัว “ท่านนายกฯ” เองจะทำเรื่องเสียรังวัดหรือสะดุดขาตัวเองอะไรอีกหรือไม่<br /><br />และการที่เหมือนจะเป็นการเอาเปรียบกลุ่มการเมืองอาชีพขั้วอำนาจเก่า จนเขาจะเห็นเป็นศัตรูร่วมที่ต้องกลั้นใจกันจับมือเพื่อจัดการให้หมดพิษสงต่อแล้วค่อยกลับมาตีกันใหม่หรือไม่<br /><br />กับ “กลุ่มการเมืองใหม่” ที่เปิดตัวออกมาอย่างหวือหวา น่าคิดว่า คนรุ่นที่ยังไม่เคยเลือกตั้งมาก่อน กลุ่มคนที่รังเกียจนักการเมืองหน้าเก่า พอๆ กับฝ่ายที่กุมอำนาจอยู่ในปัจจุบันนี้ พวกเขาจะตัดสินใจอย่างไร<br /><br />อย่างนี้ การ “ดึงเวลา” ไปเรื่อยๆ ก็อาจจะยิ่ง “ลดราคา” ตัวเองลงไป จาก “อัศวินม้าขาว” กลายเป็น “ตัวตลกม้านั่ง” ไปเสียฉิบ.<br /><br />ที่มา : MGR<br /><br />", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/826323949469147136", "published": "2018-03-30T05:16:21+00:00", "source": { "content": "“ราคา” ของการ “ดึงเวลา”\n\nนับเป็นการ “เสียฟอร์ม” ครั้งใหญ่ ของนายกรัฐมนตรี ผู้ขึ้นชื่อว่าสอบได้เป็นที่หนึ่งของรุ่นจากโรงเรียนเตรียมทหาร\n\nเมื่อท่าน “เล่นใหญ่” หมายจะโหนกระแส “ออเจ้า” จากละครบุพเพสันนิวาส ที่กำลังเป็นกระแสแรงทั่วบ้านทั่วเมืองในขณะนี้ ด้วยการมอบหมายให้คณะรัฐมนตรีไปท่องหนังสือ “จินดามณี” ซึ่งเป็นแบบเรียนฉบับแรกของไทย โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับอักขระและบทร้อยกรองต่างๆ ในภาษาไทย ประพันธ์ขึ้นโดยพระโหราธิบดี ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งเป็นช่วงเวลาในละครเรื่องดัง\n\nแต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามท่านว่า ท่านเองเล่าท่องจินดามณีได้หรือไม่\n\nท่านก็ท่องบทกลอนออกมาหน้าตาเฉย ว่า “ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย”\n\n\n\nซึ่งมาจาก “นิราศภูเขาทอง” ของสุนทรภู่ ซึ่งประพันธ์ขึ้นหลังจาก “จินดามณี” ร่วม 150 ปี\n\nอันที่จริงจะอ่านให้เป็นข่าวขำข่าวฮาไม่เป็นสาระก็พอได้อยู่หรอก แต่มันสะท้อนให้เห็นถึง “ตัวตน” และ “วิธีทำงาน” ของท่านที่น่าเคลือบแคลง ว่าท่านสามารถ “สั่ง” ให้ ครม.ไปทำนั่นทำนี่ ทั้งๆ ที่ท่านเองก็ไม่รู้ไม่เข้าใจในเรื่องที่สั่งอย่างถ่องแท้งั้นหรือ?\n\nทั้งยังไม่ต้องถามประโยชน์ของการที่ไม่ชี้นิ้วสั่งให้รัฐมนตรีน้อยใหญ่ไปท่องตำราเรียนรุ่นโบราณ ว่ามันมีประโยชน์โภชผลอะไรกับการบริหารราชการแผ่นดิน\n\nนับว่าเป็นเรื่อง “เสียรังวัด” อีกเรื่อง นับตั้งแต่รัฐบาลลุงตู่เข้าสู่ช่วง “ดวงตก” ตั้งแต่เรื่อง “นาฬิกายืมเพื่อน” ของพี่ใหญ่ เรียกว่าหยิบจับอะไรก็ไม่ขึ้น ขนาดจะโหนกระแสออเจ้า ยังกลายเป็นตัวตลกให้ฝ่ายตรงข้ามเอามาล้อเลียนยิ้มหัวกันเลย\n\nไม่ต้องพูดกันถึง “แผล” น้อยใหญ่ของรัฐบาลซึ่งปรากฏขึ้นเรื่อยๆ \n\nอย่างท่าทางขึงขังเรื่อง จะเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นเหมือนจุดแข็งเพียงอย่างเดียวของรัฐบาลนี้ เนื่องจากผลงานในการบริหารประเทศนั้นไม่มีอะไรเด่นชัดให้เอามาโชว์เสียเลย\n\nก็กลับปรากฏว่ามีเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันทุกหย่อมหญ้าจากข้าราชการหลายกระทรวง ทบวง กรม ปูดออกมาแทบไม่หวาดไม่ไหว \n\nจริงอยู่ว่า แม้ว่าจะเป็นเรื่องของ “ข้าราชการประจำ” และหลายเรื่องนั้นก็เริ่มต้นทุจริตมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนๆ มาแล้ว \n\nแต่ในฐานะที่ท่านกุมบังเหียนเป็นรัฐบาลมาร่วม 4 ปี และประกาศให้การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันเป็น “วาระแห่งชาติ” แต่กลับบ้อท่า เวลาที่ผ่านไปจับไม่ได้แม้แต่ปลาซิวปลาสร้อย \n\nต้องให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งยังเรียนไม่จบปริญญาตรีด้วยซ้ำ ออกมาเปิดโปงจนเห็นแผลเน่าในไปแทบทั้งกระทรวง\n\nมือไม้ อำนาจของรัฐบาลหายไปไหนหมด? ข้ออ้างที่ว่าเป็นปัญหามาจากรัฐบาลก่อนๆ จะยังอ้างไปได้อีกนานแค่ไหน ในฐานะที่ท่านเป็นรัฐบาลอยู่มาตั้ง 4 ปี เผลอๆ ยาวกว่าอายุรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นส่วนใหญ่อีก ทำไมถึงตรวจอะไรไม่พบแบบนั้น \n\nและนี่เป็นคำถามถึงองค์กรอิสระที่ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ ทั้ง สตง. และ ป.ป.ช. ด้วย ว่าทำไมที่ผ่านมาตรวจไม่เจอ\n\nรวมถึงเรายังไม่ต้องพูดถึงเรื่อง “นาฬิกายืมเพื่อน” ที่ตอนนี้กระแสซาลงไปแล้ว ก็เหมือนทำให้บางคนเบาใจว่า ต่อจากนี้ก็อาจจะปัดเรื่องปัดคดีให้พ้นไปได้แบบเนียนๆ \n\nคดีมหาเศรษฐียักษ์ใหญ่แห่งวงการก่อสร้าง ผู้มีอิทธิพลต่อรัฐบาล ยิงเสือดำในเขตป่าคุ้มครอง ที่เหมือนจะขึงขังจริงจังส่งนายตำรวจใหญ่ไปดูคดี นายตำรวจใหญ่คนนั้นก็ดันไปรับไหว้เขาเสียหัวแทบจรดพื้นเสียนี่\n\nพอผลทางคดีออกมาว่า ไม่พบรอยนิ้วมือไกปืนที่ใช้ล่าสัตว์ ส่อว่ามหาเศรษฐีคนดังจะ “หลุดคดี” แล้ว ก็จะไม่ให้ประชาชนคิดมากได้อย่างไร\n\nเสียงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง จากที่เคยเป็นเสียงของคนกลุ่มเล็กๆ ก็กลับดังขึ้นเรื่อยๆ จากกลุ่มคนที่เริ่มรู้สึกว่า “ใครมาก็โกง” แต่ขอให้คนโกงนั้นประชาชนเลือกมา โกงก็ด่าได้ และยังพอดำเนินการตามกฎหมายหรือทางการเมืองได้บ้าง \n\nไม่ใช่ทั้ง “โกง” ทั้ง “อำนาจเบ็ดเสร็จ” ใครเอะอะให้ตรวจสอบ หรือตั้งคำถามกับพวกตัวมาก ก็ใช้ “อำนาจเบ็ดเสร็จ” จัดการ เหมือนที่อดีต กกต. สมชัย ศรีสุทธิยากร โดนไปรายล่าสุดนั่นไง\n\nเรียกได้ว่า ยิ่งอยู่นาน นอกจาก “คะแนน” จะไม่ดีขึ้นแล้ว ยังมีเรื่องเสียรังวัด หรือเรื่องให้ผู้คนคลางแคลงไม่มั่นใจเพิ่มขึ้นไปอีก\n\nในขณะที่เสียงเรียกร้องอยากเลือกตั้งเริ่มมีน้ำหนักขึ้น แต่โรดแมปการเลือกตั้งกลับเหมือนมีใครสักคนอยากให้เลื่อนออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีหยุด ล่าสุดก็มีการส่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทั้งๆ ที่คนร่าง ก็เป็นคณะเดียวกับที่ร่างรัฐธรรมนูญมานั่นแหละ!\n\nแล้วจะไม่ให้ชาวบ้านเขาสงสัยได้อย่างไร ว่าเรื่องนี้เจตนาจงใจ รอใครบางคน หรือพรรคการเมืองบางกลุ่ม “พร้อม” ก่อนหรือเปล่า\n\nแต่ก็นั่นแหละ มันก็จะเป็นดาบสองคมเหมือนกันว่า ยิ่งทิ้งเวลาเนิ่นนานไป สนิมย่อมเกิดเนื้อในตน ตัว “ท่านนายกฯ” เองจะทำเรื่องเสียรังวัดหรือสะดุดขาตัวเองอะไรอีกหรือไม่\n\nและการที่เหมือนจะเป็นการเอาเปรียบกลุ่มการเมืองอาชีพขั้วอำนาจเก่า จนเขาจะเห็นเป็นศัตรูร่วมที่ต้องกลั้นใจกันจับมือเพื่อจัดการให้หมดพิษสงต่อแล้วค่อยกลับมาตีกันใหม่หรือไม่\n\nกับ “กลุ่มการเมืองใหม่” ที่เปิดตัวออกมาอย่างหวือหวา น่าคิดว่า คนรุ่นที่ยังไม่เคยเลือกตั้งมาก่อน กลุ่มคนที่รังเกียจนักการเมืองหน้าเก่า พอๆ กับฝ่ายที่กุมอำนาจอยู่ในปัจจุบันนี้ พวกเขาจะตัดสินใจอย่างไร\n\nอย่างนี้ การ “ดึงเวลา” ไปเรื่อยๆ ก็อาจจะยิ่ง “ลดราคา” ตัวเองลงไป จาก “อัศวินม้าขาว” กลายเป็น “ตัวตลกม้านั่ง” ไปเสียฉิบ.\n\nที่มา : MGR\n\n", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826323949469147136/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826323438728749056", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "content": "“สมคิด” ไม่ปฏิเสธข่าวนัดพบกลุ่ม 16-บ้านริมน้ำ 1 เม.ย. ชี้สนิทสนมกัน<br /><br />“สมคิด” ไม่ปฏิเสธข่าวนัดพบนักการเมือง “กลุ่มบ้านริมน้ำ-กลุ่ม 16” 1 เมษาฯ นี้ ระบุไทยรักไทยด้วยกัน สนิทสนมกันทั้งนั้น<br /><br />วันนี้ (29 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีชื่อปรากฏในรายงานข่าวว่ามีนัดกับนายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาฯ และแกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ นัดอดีต ส.ส.ในกลุ่มรวมทั้งอดีตนักการเมืองในกลุ่ม 16 มารับประทานอาหารในวันที่ 1 เม.ย.นี้ เพื่อพูดคุยสถานการณ์การเมือง ว่าตนทราบจากข่าวแล้วข่าวมาจากไหนให้ไปถามคนพูด แต่ขณะนี้ยังไม่มีใครมาเชิญตน<br /><br />เมื่อถามว่า ส่วนตัวรู้จักกับนายสุชาติหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า “ไทยรักไทยด้วยกัน” เมื่อถามย้ำว่า ถือว่ายังมีความสนิทสนมกันอยู่หรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ทุกคนก็สนิทสนมกันทั้งนั้น<br /><br />ถามย้ำว่าหากมีใครมาเชิญจะตอบรับไปร่วมรับประทานอาหารด้วยหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า “ผมก็เพิ่งรู้จากข่าวนี่แหละ ก็รู้พร้อมๆ กัน”<br /><br />เมื่อถามอีกว่า ส่วนตัวยังไม่ปิดโอกาสทางการเมืองในอนาคตใช่หรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า รู้จักทั้งอาจารย์ พบปะทั้งเอกชน ทั้งนักการเมือง ก็เราอยู่ในตำแหน่งนี้ ก็พยายามให้ความรู้ ให้ข้อมูล<br /><br />ที่มา : MGR<br /><br />", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/826323438728749056", "published": "2018-03-30T05:14:20+00:00", "source": { "content": "“สมคิด” ไม่ปฏิเสธข่าวนัดพบกลุ่ม 16-บ้านริมน้ำ 1 เม.ย. ชี้สนิทสนมกัน\n\n“สมคิด” ไม่ปฏิเสธข่าวนัดพบนักการเมือง “กลุ่มบ้านริมน้ำ-กลุ่ม 16” 1 เมษาฯ นี้ ระบุไทยรักไทยด้วยกัน สนิทสนมกันทั้งนั้น\n\nวันนี้ (29 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีชื่อปรากฏในรายงานข่าวว่ามีนัดกับนายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาฯ และแกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำ นัดอดีต ส.ส.ในกลุ่มรวมทั้งอดีตนักการเมืองในกลุ่ม 16 มารับประทานอาหารในวันที่ 1 เม.ย.นี้ เพื่อพูดคุยสถานการณ์การเมือง ว่าตนทราบจากข่าวแล้วข่าวมาจากไหนให้ไปถามคนพูด แต่ขณะนี้ยังไม่มีใครมาเชิญตน\n\nเมื่อถามว่า ส่วนตัวรู้จักกับนายสุชาติหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า “ไทยรักไทยด้วยกัน” เมื่อถามย้ำว่า ถือว่ายังมีความสนิทสนมกันอยู่หรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ทุกคนก็สนิทสนมกันทั้งนั้น\n\nถามย้ำว่าหากมีใครมาเชิญจะตอบรับไปร่วมรับประทานอาหารด้วยหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า “ผมก็เพิ่งรู้จากข่าวนี่แหละ ก็รู้พร้อมๆ กัน”\n\nเมื่อถามอีกว่า ส่วนตัวยังไม่ปิดโอกาสทางการเมืองในอนาคตใช่หรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า รู้จักทั้งอาจารย์ พบปะทั้งเอกชน ทั้งนักการเมือง ก็เราอยู่ในตำแหน่งนี้ ก็พยายามให้ความรู้ ให้ข้อมูล\n\nที่มา : MGR\n\n", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826323438728749056/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826323004840714240", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082", "content": "การ์ตูน เงา MGR<br /><br />", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/826323004840714240", "published": "2018-03-30T05:12:36+00:00", "source": { "content": "การ์ตูน เงา MGR\n\n", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/entities/urn:activity:826323004840714240/activity" } ], "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/outbox", "partOf": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/578989066893144082/outboxoutbox" }