A small tool to view real-world ActivityPub objects as JSON! Enter a URL
or username from Mastodon or a similar service below, and we'll send a
request with
the right
Accept
header
to the server to view the underlying object.
{
"@context": "https://www.w3.org/ns/activitystreams",
"type": "OrderedCollectionPage",
"orderedItems": [
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:898395239877210112",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"content": "== Trends การตลาดอัจฉริยะ ==<br />..<br />ดร.เอกก์ ภทรธนกุล อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาบอกเล่าเรื่องราว Trends น่าสนใจที่เราไม่รู้หรือมองข้ามไปในงาน VI Know How ครั้งที่ 6<br />.<br />** Trend ที่ 1 … วัยรุ่นไม่เล่น Facebook **<br />..<br />ในคลาสการตลาดของนิสิตปี 1 อ.เอกก์ ถามลูกศิษย์ว่า ใครเล่น Facebook บ่อย ๆ บ้าง มีอยู่ 10% ยกมือ<br />.<br />แล้วใครเล่น Line บ่อย ๆ บ้าง ………. ก็มีอีกประมาณ 10% ที่ยกมือ (แต่ทุกคนมี account Line นะ เอาไว้คุยกับพ่อแม่)<br />.<br />แล้วใครเล่น Twitter บ่อย ๆ บ้าง ……… ทีนี้คือยกมือกันทั้งห้อง <br />.<br />วันนี้มีคนใช้งาน Twitter ในเมืองไทย 12 ล้านคน แต่เป็น platform ที่โตเร็วที่สุด และสาเหตุที่คนรุ่นใหม่นิยมใช้กันก็เพราะ<br />.<br />1) เอาไว้ติดตามดาราเกาหลีที่อยู่บน Twitter กัน<br /><br />2) สามารถแสดงตัวตนได้เต็มที่ ไม่มีใครมา report เหมือน Facebook<br /><br />3) ข้อนี้สำคัญมาก คือ พ่อแม่ไม่เล่น Twitter เด็ก ๆ ที่โดนพ่อแม่ add friend ใน FB เลยหนีมาหาความเป็นส่วนตัวตรงนี้แทนที่พ่อแม่ไม่ได้ตามมาเล่นด้วย<br />..<br />hashtag ที่เป็น Trend ยอดนิยมที่เด็ก ๆ คุยกันวันนี้ก็คือ เรื่องที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจอย่างเช่น <br /><a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=มั่นสดได้ทุกวัน\" title=\"#มั่นสดได้ทุกวัน\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#มั่นสดได้ทุกวัน</a> <br /><a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=บาสเด็กอ้วนที่แท้จริง\" title=\"#บาสเด็กอ้วนที่แท้จริง\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#บาสเด็กอ้วนที่แท้จริง</a> <br /><a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=OURSKYY\" title=\"#OURSKYY\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#OURSKYY</a> <br /><br />คำถามสำคัญก็คือว่า ถ้าเด็กเหล่านี้คือลูกค้าที่สำคัญในอนาคตของบริษัทต่าง ๆ เราเข้าใจพวกเค้ามากน้อยแค่ไหน<br />..<br />==<br />.<br />** Trend ที่ 2 … หาคนมาให้เยอะก่อน รายได้เดี๋ยวว่ากัน **<br />..<br />สมัยก่อนถ้าเราอยากฟังเพลง เราก็จะไปซื้อเทปเพลงมาฟัง หรือไม่ก็ขอเพลงตามรายการวิทยุ แล้วกดอัดลงเทป ซึ่งก็มักจะได้ยินเสียง DJ พูดแทรกอยู่เป็นประจำ ต่อมาเราก็เริ่มมาฟังเพลงด้วย CD MP3 จนล่าสุดมาฟังเพลงบน platform อย่าง JOOX หรือ Spotify<br />.<br />JOOX เป็นหนึ่งในเครือข่ายของ Tencent ยักษ์ใหญ่จากเมืองจีน (ที่เป็นเจ้าของ WeChat และ Sanook) ปีแรกของการมาเมืองไทย ผู้บริหารบินมาจากจีนและบอกว่า “KPI คือ ทำยังไงก็ได้ให้มีคนใช้ 10 ล้านคน ยังไม่ต้องพูดถึงรายได้หรือกำไร”<br />.<br />ง่ายเลยครับ แบบนี้ JOOX ให้ทุกคนฟังเพลงฟรี ทีนี้คนมาใช้กันเต็ม และครบ 10 ล้าน ไปได้อย่างรวดเร็ว<br />.<br />ปีต่อมา ผู้บริหารจีนบินมาใหม่บอกว่า “เอาล่ะ KPI ต่อไปคือให้หารายได้จาก 10 ล้านคน”<br />.<br />ก็ไม่ยากอีกเช่นกัน เพราะเราได้คนจำนวนมหาศาลมาแล้ว และ JOOX ก็รู้ใจคนฟังไปหมดทุกอย่าง รู้ว่าเราชอบเพลงแบบไหน จะแนะนำเพลงแนวเดียวกันให้เราฟังตลอดจนเราติด และ JOOX เองก็สามารถหารายได้จากทั้งค่าสมาชิก ค่าโฆษณา หรือถ้าใครอยากส่ง SMS ถึงคน 10 ล้านคน ก็ไม่ต้องพึง operator มือถือ มาส่งที่นี่ก็ได้<br />..<br />แนวคิดแบบนี้คือ การดึงคนให้เข้ามาอยู่กับเราจำนวนมาก ๆ ก่อน เราจะได้ฐานลูกค้าและข้อมูลจำนวนมหาศาลมาอยู่ในมือ ต่อไปการหารายได้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก<br />.<br />==<br />.<br />** Trend ที่ 3 … เศรษฐศาสตร์เป็นเรื่องของอารมณ์ **<br />..<br />Richard Thaler ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ประจำปี 2017 ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นนักเศรษฐศาสตร์ กับผลงานที่บอกว่า “คนเราตัดสินใจด้วยอารมณ์ ไม่ใช่เหตุผล”<br />.<br />ในห้องน้ำชายมักจะพบปัญหาว่า ผู้ชายฉี่เลอะเทอะออกมาจากโถปัสสาวะ วิธีแก้ที่ควรจะเป็นเหตุเป็นผลคือ การติดป้ายบอกผู้ชายว่า “จับแน่น ๆ” หรือไม่ก็ทำโถให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งดูเป็นเหตุเป็นผลดี แต่อาจจะไม่เหมาะหรือไม่คุ้ม วิธีการแก้ปัญหาง่าย ๆ ที่ Richard บอกคือ ให้แปะ sticker รูปแมลงวัน ไว้ในโถ ทีนี้รับรองไม่เลอะเทอะออกมาแน่นอน คุณผู้หญิงถ้างง ลองถามผู้ชายข้าง ๆ ดูครับว่าเพราะอะไร<br />..<br />หรือถ้าวันนี้เราถูกล็อตเตอรี่ 1 ล้านบาท ดีใจมาก แต่อยู่ ๆ คนที่บ้านโทรมาบอกว่าขโมยขึ้นบ้านเอาเงินไป 1 ล้านบาท ทีนี้เรากลับร้องห่มร้องไห้เสียใจมาก ทั้ง ๆ ที่ถ้าพูดกันตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว ได้เงินมา 1 ล้าน หายไป 1 ล้าน มันคือสมการ -1+1 = 0 เราต้องไม่รู้สึกอะไร แต่จริง ๆ แล้วคนเรามีความรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียมากกว่าการได้รับทั้ง ๆ ที่มูลค่ามันเท่ากัน ถ้าไม่เชื่อลองนึกถึงตอนที่เราได้กำไรและขาดทุนจากการลงทุนในจำนวนเงินที่เท่าๆ กันดูครับว่าจริงมั้ย<br />..<br />==<br />.<br /> ** Trend ที่ 4 … Outside In ไม่ใช่ Inside Out **<br />…<br />การที่ขายสินค้าแล้วบอกว่า ของดี ราคาถูก หรือคนขายเก่ง อาจจะไม่เพียงพอหรือเป็นสูตรสำเร็จในการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากกว่าคือ “การเข้าใจลูกค้ามากกว่าที่ลูกค้าเข้าใจตัวเอง” เช่น<br />.<br />• Sony ไม่ได้พูดถึงเรื่องการถ่ายภาพถ่ายวีดีโอที่คมชัด แต่พูดถึงเรื่องการบันทึกความทรงจำแทน<br />• Revlon ก็ไม่ได้ขายความสวยงามให้ผู้หญิง แต่ขาย “ความหวัง และ ความมั่นใจ” ทำให้คุณผู้หญิงไม่ต้องลางานในวันที่ดินสอเขียนคิ้วหมด<br />• Bangkok Airways ก็ไม่ได้ขายเส้นทางการบิน แต่ขายความทรงจำให้กับคู่ Honeymoon ที่กำลังตกอยู่ในห้วงของความรัก<br />…<br />อ.เอกก์ เชื่อว่า “Customer is King” ส่วน “Content is Important” คือ เราต้องชัดเจนก่อนว่าลูกค้าคือใคร ต้องเข้าใจเค้าให้ได้มาก ๆ ถึงจะประสบความสำเร็จ เหมือนช่อง One จับกลุ่ม Gen Y ได้ชัด Money Channel ก็เข้าใจนักลงทุน ทำให้มีสปอนเซอร์ที่ชัดเจนมาลงโฆษณา <br />.<br />==<br />.<br /> ** Trend ที่ 5 … Digital in Onlife **<br />.<br />เป็นคำถามที่น่าสนใจว่าตกลงแล้ว Digital นี่มันคือ Online หรือ Offline กันแน่ อ.เอกก์ ตอบว่า มันคือ “Onlife” ที่จะมาอยู่บนชีวิตเราตลอดเวลาจนแยกไม่ออก ยกตัวอย่าที่น่าสนใจ คือ<br />.<br />• Amazon Go ร้านค้าที่ออกมาตอบโจทย์ภาวะเร่งด่วนโดยเฉพาะตอนเช้า โดยที่เราสามารถเดินเข้าไปซื้อของแบบไม่ต้องพกเงินสดหรือกระเป๋าสตางค์ ขอแค่มีมือถือเครื่องเดียวสแกนตรงทางเช้า เดินเข้าไปหยิบของ แล้วออกไปได้เลย ไม่ต้องมีพนักงานคิดเงิน ไม่ต้องต่อคิวจ่ายเงิน<br />.<br />• BingoBox เป็นร้านรูปแบบเดียวกัน แต่อยู่ในเมืองจีน มีขนาดเล็กหน่อยเหมือนร้านสะดวกซื้อ มี 500 สาขา (จำได้ว่าเคยเห็นน้อง Tina ทำคลิปวีดีโอไว้) โดยทำประตูเพิ่มเข้ามา ถ้าไม่ได้สแกนจ่ายเงินก็จะเปิดออกมาไม่ได้ แล้วแว่ว ๆ ว่า BingoBox อยากมาเมืองไทย ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงเพราะเจ้าของเค้ามีชื่อว่า Alibaba นั่นเอง<br />.<br />• Samsung กับตู้เย็นพูดได้ ต้องบอกว่า Vision ของเค้าสุดยอดมาก คือ อยากสร้างคำศัพท์ใหม่ใน Dictionary คือคำว่า Family Hub ประกอบไปด้วย Food + Fun + Family ไม่ใช่เป็นแค่ Fridge ที่เอาไว้เก็บอาหาร แต่จะคอยบอกเราได้ว่า อย่าลืมซื้อไข่กลับบ้านนะ หรือจะดูเลือดข้นคนจางที่ค้างอยู่ต่อให้จบมั้ย คุณแม่จะฟังสวลี ผกาพันธุ์ ต่อมั้ย อ้อตู้เย็น Samsung ราคาประมาณ 130,000 บาท<br />.<br />• Amazon Alexa เป็นอุปกรณ์ประจำบ้านที่คุยกับเรา และคอยดูแลเราในทุกเรื่องยิ่งกว่าแม่ ตั้งแต่ปลุกเราตื่นนอน ถ้าไม่ตื่นมีปลุกซ้ำ สั่งอาหาร เปิดน้ำร้อน เปิดทีวี ปิดไฟ ล็อคประตูให้แบบอัตโนมัติ คือทำทุกอย่างให้เราทั้งหมด ซึ่งก็มักจะมีคำถามตามมาว่า แล้วเราจะสูญเสียความเป็นส่วนตัวมั้ย อ.เอกก์ ตอบได้อย่างน่าสนใจมากกว่า คำถามที่ควรถามคือ “เราควรจะอยู่อย่างไร ในโลกที่ไร้ความเป็นส่วนตัว”<br />…<br />==<br />.<br />** Trend ที่ 6 … Deep Tech เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก **<br />.<br />6 เรื่องที่ต้องรู้ และเป็นพื้นฐานของเทคโนโลยีต่าง ๆ จำง่าย ๆ ว่า AA BB CC<br />.<br />1) AI หรือ Artificial Intelligent ที่อ.เอกก์ แปลง่าย ๆ ว่า “หุ่นยนต์ ฉล๊าด ฉลาด” ซึ่งมันคือพื้นฐานของเทคโนโลยีสุดล้ำที่เราเห็นกันทุกวันนี้<br />.<br />2) AR หรือ Augmented Reality ทำให้เราเห็นภาพเสมือนจริง เช่น ลองเสื้อโดยไม่ต้องถอดเสื้อ ดูสีรถโดยไม่ต้องมีรถทุกสีในโชว์รูม เป็นการลดต้นทุนทั้งการผลิตและค่าขนส่งได้มหาศาล<br />.<br />3) Big Data คือ ข้อมูลขนาดใหญ่มาก ๆ ที่เอามาใช้เข้าใจผู้บริโภคได้ เช่น ร้าน Target เก็บรวบรวมข้อมูลว่าถ้าลูกค้าซื้อของแบบนั้นแบบนี้จนครบ List เข้าข่ายว่าอาจจะเป็นคนท้อง และจะส่ง catalog คนท้องมาให้ถึงบ้าน ก่อนที่เจ้าตัวจะรู้ว่าตัวเองท้องเสียอีก <br />.<br />4) Block Chain เหมือนเป็นการเก็บข้อมูลหรือสมบัติไว้ในห้องเล็ก ๆ หลาย ๆ ห้อง ร้อยเข้าด้วยกันเป็นห่วงโซ่ เรารู้ว่าอะไรอยู่ห้องไหนบ้าง มีขโมยมาห้องไหนก็จะรู้ และเพิ่มระดับความปลอดภัยได้ เป็นระบบที่มีความปลอดภัยสูงมาก<br />.<br />5) Cloud เกิดมาจากเดิมบริษัทต้องมี server ขนาดใหญ่เอาไว้เก็บข้อมูล ยิ่งเยอะก็ต้องยิ่งสร้างห้องใหญ่ แต่ตอนนี้เหมือนมีคนมาสร้าง server ขนาดใหญ่ แล้วปล่อยให้เราเช่าแทน เราไม่เห็นว่า server มันถูกเก็บไว้ที่ไหนเลยเรียกว่า Cloud เหมือนว่ามันเก็บไว้อยู่บนก้อนเมฆ<br />.<br />6) Computer Quantum แปลง่าย ๆ คือ คอมพิวเตอร์วิเศษที่เร็วมากและไม่ร้อน พังยากและจะมาเปลี่ยนโลก จบ<br />…<br />==<br />.<br />** Trend ที่ 7 … ขอไข่ 6 ข้อในโลกดิจิตอล **<br />.<br />1) ข้อมูล ธุรกิจทุกวันนี้ที่เราเห็น Alexa, JOOX, Samsung Family Hub ขายออกมาในราคาไม่แพงก็เพราะว่าเค้าต้องการข้อมูลจากเรา ต้องการรู้พฤติกรรมของเรา เพื่อที่จะเอาไปใช้วางแผนต่อได้ในอนาคต เรียกได้ว่า ใครมีข้อมูลเยอะกว่าจะเป็นผู้ชนะ<br />.<br />2) ข้ามโลก คือ ทุกคนแข่งกันได้หมด ต่อไปคู่แข่งของไปรษณีย์ไทย จะเป็น Drone ที่ส่งของได้แล้ว และตอนนี้ JD ก็กำลังทดลองทำอยู่<br />.<br />3) ขี้เหงา เพราะคนเป็นโสดมากขึ้น หรือครอบครัวมีลูกคนเดียวเยอะขึ้น การทำโปรโมชั่นประเภท มา 2 จ่าย 1 หรือ มา 4 จ่าย 2 แบบนี้แปลว่า ไม่เข้าใจลูกค้อย่างแท้จริง อย่าง MK เองก็มีความคิดจะทำเป็นหม้อเดี่ยว ๆ มากขึ้น<br />.<br />4) ขาดเหตุผล คือ คนใช้อารมณ์ในการตัดสินใจมากขึ้น แม้แต่เรื่องเดียวกันถ้าต่างคนทำ เวลาคนทั่วไปมองก็จะไม่เหมือนกัน เช่น พี่ตูนกับพี่เสก ถ้ามา Live ทำเรื่องเดียวกัน คนก็อาจจะคิดกับแต่ละคนต่างกัน<br />.<br />5) ของจริง ให้หลีกเลี่ยงการตลาดสีเทา หรือการพูดไม่จริง เพราะสุดท้ายจะย้อนกลับมาหาเรา เหมือนกระทะ Korea King บอกว่า 10 สายแรก หรือโทรมาภายในครึ่งชั่วโมง จะได้รับตะหลิว ได้ราคาพิเศษ แต่พูดแบบนี้อยู่ตลอดไม่ครบสิบสายซักที<br />.<br />6) ขัดเกลาใจ โลกนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก แม้แต่คนในยุคเดียวกันก็ยังตามกันไม่ทัน แต่สุดท้ายหนังสือที่ขายดีที่สุดคือ หนังสือธรรมะ <br />…<br />อ่านจบแล้ว อยากให้ลองไปฟังที่อ.เอกก์พูดมาก ๆ ครับ คือ มันจะได้อารมณ์มาก สนุก ได้ความรู้ ที่สำคัญอาจารย์เป็นคนที่พูดเรื่องยาก ๆ ให้เข้าใจได้ง่ายมาก ถ้าใครอยากรู้จักอ.เอกก์เพิ่มเติมเข้าไปติดตามได้ที่เพจ อัจฉริยะการตลาด หรือลองแวะไปอ่านหนังสืออัจฉริยะการตลาด หนังสือขายดีรองลงมาจากหนังสือธรรมะได้เลยครับ<br />.<br /><a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=VIKH6\" title=\"#VIKH6\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#VIKH6</a> <br /><a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=การตลาดอัจฉริยะ\" title=\"#การตลาดอัจฉริยะ\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#การตลาดอัจฉริยะ</a> <br /><a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&t=all&q=วิตามินหุ้น\" title=\"#วิตามินหุ้น\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#วิตามินหุ้น</a>",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/898395239877210112",
"published": "2018-10-15T02:21:56+00:00",
"source": {
"content": "== Trends การตลาดอัจฉริยะ ==\n..\nดร.เอกก์ ภทรธนกุล อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาบอกเล่าเรื่องราว Trends น่าสนใจที่เราไม่รู้หรือมองข้ามไปในงาน VI Know How ครั้งที่ 6\n.\n** Trend ที่ 1 … วัยรุ่นไม่เล่น Facebook **\n..\nในคลาสการตลาดของนิสิตปี 1 อ.เอกก์ ถามลูกศิษย์ว่า ใครเล่น Facebook บ่อย ๆ บ้าง มีอยู่ 10% ยกมือ\n.\nแล้วใครเล่น Line บ่อย ๆ บ้าง ………. ก็มีอีกประมาณ 10% ที่ยกมือ (แต่ทุกคนมี account Line นะ เอาไว้คุยกับพ่อแม่)\n.\nแล้วใครเล่น Twitter บ่อย ๆ บ้าง ……… ทีนี้คือยกมือกันทั้งห้อง \n.\nวันนี้มีคนใช้งาน Twitter ในเมืองไทย 12 ล้านคน แต่เป็น platform ที่โตเร็วที่สุด และสาเหตุที่คนรุ่นใหม่นิยมใช้กันก็เพราะ\n.\n1) เอาไว้ติดตามดาราเกาหลีที่อยู่บน Twitter กัน\n\n2) สามารถแสดงตัวตนได้เต็มที่ ไม่มีใครมา report เหมือน Facebook\n\n3) ข้อนี้สำคัญมาก คือ พ่อแม่ไม่เล่น Twitter เด็ก ๆ ที่โดนพ่อแม่ add friend ใน FB เลยหนีมาหาความเป็นส่วนตัวตรงนี้แทนที่พ่อแม่ไม่ได้ตามมาเล่นด้วย\n..\nhashtag ที่เป็น Trend ยอดนิยมที่เด็ก ๆ คุยกันวันนี้ก็คือ เรื่องที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจอย่างเช่น \n#มั่นสดได้ทุกวัน \n#บาสเด็กอ้วนที่แท้จริง \n#OURSKYY \n\nคำถามสำคัญก็คือว่า ถ้าเด็กเหล่านี้คือลูกค้าที่สำคัญในอนาคตของบริษัทต่าง ๆ เราเข้าใจพวกเค้ามากน้อยแค่ไหน\n..\n==\n.\n** Trend ที่ 2 … หาคนมาให้เยอะก่อน รายได้เดี๋ยวว่ากัน **\n..\nสมัยก่อนถ้าเราอยากฟังเพลง เราก็จะไปซื้อเทปเพลงมาฟัง หรือไม่ก็ขอเพลงตามรายการวิทยุ แล้วกดอัดลงเทป ซึ่งก็มักจะได้ยินเสียง DJ พูดแทรกอยู่เป็นประจำ ต่อมาเราก็เริ่มมาฟังเพลงด้วย CD MP3 จนล่าสุดมาฟังเพลงบน platform อย่าง JOOX หรือ Spotify\n.\nJOOX เป็นหนึ่งในเครือข่ายของ Tencent ยักษ์ใหญ่จากเมืองจีน (ที่เป็นเจ้าของ WeChat และ Sanook) ปีแรกของการมาเมืองไทย ผู้บริหารบินมาจากจีนและบอกว่า “KPI คือ ทำยังไงก็ได้ให้มีคนใช้ 10 ล้านคน ยังไม่ต้องพูดถึงรายได้หรือกำไร”\n.\nง่ายเลยครับ แบบนี้ JOOX ให้ทุกคนฟังเพลงฟรี ทีนี้คนมาใช้กันเต็ม และครบ 10 ล้าน ไปได้อย่างรวดเร็ว\n.\nปีต่อมา ผู้บริหารจีนบินมาใหม่บอกว่า “เอาล่ะ KPI ต่อไปคือให้หารายได้จาก 10 ล้านคน”\n.\nก็ไม่ยากอีกเช่นกัน เพราะเราได้คนจำนวนมหาศาลมาแล้ว และ JOOX ก็รู้ใจคนฟังไปหมดทุกอย่าง รู้ว่าเราชอบเพลงแบบไหน จะแนะนำเพลงแนวเดียวกันให้เราฟังตลอดจนเราติด และ JOOX เองก็สามารถหารายได้จากทั้งค่าสมาชิก ค่าโฆษณา หรือถ้าใครอยากส่ง SMS ถึงคน 10 ล้านคน ก็ไม่ต้องพึง operator มือถือ มาส่งที่นี่ก็ได้\n..\nแนวคิดแบบนี้คือ การดึงคนให้เข้ามาอยู่กับเราจำนวนมาก ๆ ก่อน เราจะได้ฐานลูกค้าและข้อมูลจำนวนมหาศาลมาอยู่ในมือ ต่อไปการหารายได้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก\n.\n==\n.\n** Trend ที่ 3 … เศรษฐศาสตร์เป็นเรื่องของอารมณ์ **\n..\nRichard Thaler ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ประจำปี 2017 ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นนักเศรษฐศาสตร์ กับผลงานที่บอกว่า “คนเราตัดสินใจด้วยอารมณ์ ไม่ใช่เหตุผล”\n.\nในห้องน้ำชายมักจะพบปัญหาว่า ผู้ชายฉี่เลอะเทอะออกมาจากโถปัสสาวะ วิธีแก้ที่ควรจะเป็นเหตุเป็นผลคือ การติดป้ายบอกผู้ชายว่า “จับแน่น ๆ” หรือไม่ก็ทำโถให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งดูเป็นเหตุเป็นผลดี แต่อาจจะไม่เหมาะหรือไม่คุ้ม วิธีการแก้ปัญหาง่าย ๆ ที่ Richard บอกคือ ให้แปะ sticker รูปแมลงวัน ไว้ในโถ ทีนี้รับรองไม่เลอะเทอะออกมาแน่นอน คุณผู้หญิงถ้างง ลองถามผู้ชายข้าง ๆ ดูครับว่าเพราะอะไร\n..\nหรือถ้าวันนี้เราถูกล็อตเตอรี่ 1 ล้านบาท ดีใจมาก แต่อยู่ ๆ คนที่บ้านโทรมาบอกว่าขโมยขึ้นบ้านเอาเงินไป 1 ล้านบาท ทีนี้เรากลับร้องห่มร้องไห้เสียใจมาก ทั้ง ๆ ที่ถ้าพูดกันตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว ได้เงินมา 1 ล้าน หายไป 1 ล้าน มันคือสมการ -1+1 = 0 เราต้องไม่รู้สึกอะไร แต่จริง ๆ แล้วคนเรามีความรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียมากกว่าการได้รับทั้ง ๆ ที่มูลค่ามันเท่ากัน ถ้าไม่เชื่อลองนึกถึงตอนที่เราได้กำไรและขาดทุนจากการลงทุนในจำนวนเงินที่เท่าๆ กันดูครับว่าจริงมั้ย\n..\n==\n.\n ** Trend ที่ 4 … Outside In ไม่ใช่ Inside Out **\n…\nการที่ขายสินค้าแล้วบอกว่า ของดี ราคาถูก หรือคนขายเก่ง อาจจะไม่เพียงพอหรือเป็นสูตรสำเร็จในการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากกว่าคือ “การเข้าใจลูกค้ามากกว่าที่ลูกค้าเข้าใจตัวเอง” เช่น\n.\n• Sony ไม่ได้พูดถึงเรื่องการถ่ายภาพถ่ายวีดีโอที่คมชัด แต่พูดถึงเรื่องการบันทึกความทรงจำแทน\n• Revlon ก็ไม่ได้ขายความสวยงามให้ผู้หญิง แต่ขาย “ความหวัง และ ความมั่นใจ” ทำให้คุณผู้หญิงไม่ต้องลางานในวันที่ดินสอเขียนคิ้วหมด\n• Bangkok Airways ก็ไม่ได้ขายเส้นทางการบิน แต่ขายความทรงจำให้กับคู่ Honeymoon ที่กำลังตกอยู่ในห้วงของความรัก\n…\nอ.เอกก์ เชื่อว่า “Customer is King” ส่วน “Content is Important” คือ เราต้องชัดเจนก่อนว่าลูกค้าคือใคร ต้องเข้าใจเค้าให้ได้มาก ๆ ถึงจะประสบความสำเร็จ เหมือนช่อง One จับกลุ่ม Gen Y ได้ชัด Money Channel ก็เข้าใจนักลงทุน ทำให้มีสปอนเซอร์ที่ชัดเจนมาลงโฆษณา \n.\n==\n.\n ** Trend ที่ 5 … Digital in Onlife **\n.\nเป็นคำถามที่น่าสนใจว่าตกลงแล้ว Digital นี่มันคือ Online หรือ Offline กันแน่ อ.เอกก์ ตอบว่า มันคือ “Onlife” ที่จะมาอยู่บนชีวิตเราตลอดเวลาจนแยกไม่ออก ยกตัวอย่าที่น่าสนใจ คือ\n.\n• Amazon Go ร้านค้าที่ออกมาตอบโจทย์ภาวะเร่งด่วนโดยเฉพาะตอนเช้า โดยที่เราสามารถเดินเข้าไปซื้อของแบบไม่ต้องพกเงินสดหรือกระเป๋าสตางค์ ขอแค่มีมือถือเครื่องเดียวสแกนตรงทางเช้า เดินเข้าไปหยิบของ แล้วออกไปได้เลย ไม่ต้องมีพนักงานคิดเงิน ไม่ต้องต่อคิวจ่ายเงิน\n.\n• BingoBox เป็นร้านรูปแบบเดียวกัน แต่อยู่ในเมืองจีน มีขนาดเล็กหน่อยเหมือนร้านสะดวกซื้อ มี 500 สาขา (จำได้ว่าเคยเห็นน้อง Tina ทำคลิปวีดีโอไว้) โดยทำประตูเพิ่มเข้ามา ถ้าไม่ได้สแกนจ่ายเงินก็จะเปิดออกมาไม่ได้ แล้วแว่ว ๆ ว่า BingoBox อยากมาเมืองไทย ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงเพราะเจ้าของเค้ามีชื่อว่า Alibaba นั่นเอง\n.\n• Samsung กับตู้เย็นพูดได้ ต้องบอกว่า Vision ของเค้าสุดยอดมาก คือ อยากสร้างคำศัพท์ใหม่ใน Dictionary คือคำว่า Family Hub ประกอบไปด้วย Food + Fun + Family ไม่ใช่เป็นแค่ Fridge ที่เอาไว้เก็บอาหาร แต่จะคอยบอกเราได้ว่า อย่าลืมซื้อไข่กลับบ้านนะ หรือจะดูเลือดข้นคนจางที่ค้างอยู่ต่อให้จบมั้ย คุณแม่จะฟังสวลี ผกาพันธุ์ ต่อมั้ย อ้อตู้เย็น Samsung ราคาประมาณ 130,000 บาท\n.\n• Amazon Alexa เป็นอุปกรณ์ประจำบ้านที่คุยกับเรา และคอยดูแลเราในทุกเรื่องยิ่งกว่าแม่ ตั้งแต่ปลุกเราตื่นนอน ถ้าไม่ตื่นมีปลุกซ้ำ สั่งอาหาร เปิดน้ำร้อน เปิดทีวี ปิดไฟ ล็อคประตูให้แบบอัตโนมัติ คือทำทุกอย่างให้เราทั้งหมด ซึ่งก็มักจะมีคำถามตามมาว่า แล้วเราจะสูญเสียความเป็นส่วนตัวมั้ย อ.เอกก์ ตอบได้อย่างน่าสนใจมากกว่า คำถามที่ควรถามคือ “เราควรจะอยู่อย่างไร ในโลกที่ไร้ความเป็นส่วนตัว”\n…\n==\n.\n** Trend ที่ 6 … Deep Tech เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก **\n.\n6 เรื่องที่ต้องรู้ และเป็นพื้นฐานของเทคโนโลยีต่าง ๆ จำง่าย ๆ ว่า AA BB CC\n.\n1) AI หรือ Artificial Intelligent ที่อ.เอกก์ แปลง่าย ๆ ว่า “หุ่นยนต์ ฉล๊าด ฉลาด” ซึ่งมันคือพื้นฐานของเทคโนโลยีสุดล้ำที่เราเห็นกันทุกวันนี้\n.\n2) AR หรือ Augmented Reality ทำให้เราเห็นภาพเสมือนจริง เช่น ลองเสื้อโดยไม่ต้องถอดเสื้อ ดูสีรถโดยไม่ต้องมีรถทุกสีในโชว์รูม เป็นการลดต้นทุนทั้งการผลิตและค่าขนส่งได้มหาศาล\n.\n3) Big Data คือ ข้อมูลขนาดใหญ่มาก ๆ ที่เอามาใช้เข้าใจผู้บริโภคได้ เช่น ร้าน Target เก็บรวบรวมข้อมูลว่าถ้าลูกค้าซื้อของแบบนั้นแบบนี้จนครบ List เข้าข่ายว่าอาจจะเป็นคนท้อง และจะส่ง catalog คนท้องมาให้ถึงบ้าน ก่อนที่เจ้าตัวจะรู้ว่าตัวเองท้องเสียอีก \n.\n4) Block Chain เหมือนเป็นการเก็บข้อมูลหรือสมบัติไว้ในห้องเล็ก ๆ หลาย ๆ ห้อง ร้อยเข้าด้วยกันเป็นห่วงโซ่ เรารู้ว่าอะไรอยู่ห้องไหนบ้าง มีขโมยมาห้องไหนก็จะรู้ และเพิ่มระดับความปลอดภัยได้ เป็นระบบที่มีความปลอดภัยสูงมาก\n.\n5) Cloud เกิดมาจากเดิมบริษัทต้องมี server ขนาดใหญ่เอาไว้เก็บข้อมูล ยิ่งเยอะก็ต้องยิ่งสร้างห้องใหญ่ แต่ตอนนี้เหมือนมีคนมาสร้าง server ขนาดใหญ่ แล้วปล่อยให้เราเช่าแทน เราไม่เห็นว่า server มันถูกเก็บไว้ที่ไหนเลยเรียกว่า Cloud เหมือนว่ามันเก็บไว้อยู่บนก้อนเมฆ\n.\n6) Computer Quantum แปลง่าย ๆ คือ คอมพิวเตอร์วิเศษที่เร็วมากและไม่ร้อน พังยากและจะมาเปลี่ยนโลก จบ\n…\n==\n.\n** Trend ที่ 7 … ขอไข่ 6 ข้อในโลกดิจิตอล **\n.\n1) ข้อมูล ธุรกิจทุกวันนี้ที่เราเห็น Alexa, JOOX, Samsung Family Hub ขายออกมาในราคาไม่แพงก็เพราะว่าเค้าต้องการข้อมูลจากเรา ต้องการรู้พฤติกรรมของเรา เพื่อที่จะเอาไปใช้วางแผนต่อได้ในอนาคต เรียกได้ว่า ใครมีข้อมูลเยอะกว่าจะเป็นผู้ชนะ\n.\n2) ข้ามโลก คือ ทุกคนแข่งกันได้หมด ต่อไปคู่แข่งของไปรษณีย์ไทย จะเป็น Drone ที่ส่งของได้แล้ว และตอนนี้ JD ก็กำลังทดลองทำอยู่\n.\n3) ขี้เหงา เพราะคนเป็นโสดมากขึ้น หรือครอบครัวมีลูกคนเดียวเยอะขึ้น การทำโปรโมชั่นประเภท มา 2 จ่าย 1 หรือ มา 4 จ่าย 2 แบบนี้แปลว่า ไม่เข้าใจลูกค้อย่างแท้จริง อย่าง MK เองก็มีความคิดจะทำเป็นหม้อเดี่ยว ๆ มากขึ้น\n.\n4) ขาดเหตุผล คือ คนใช้อารมณ์ในการตัดสินใจมากขึ้น แม้แต่เรื่องเดียวกันถ้าต่างคนทำ เวลาคนทั่วไปมองก็จะไม่เหมือนกัน เช่น พี่ตูนกับพี่เสก ถ้ามา Live ทำเรื่องเดียวกัน คนก็อาจจะคิดกับแต่ละคนต่างกัน\n.\n5) ของจริง ให้หลีกเลี่ยงการตลาดสีเทา หรือการพูดไม่จริง เพราะสุดท้ายจะย้อนกลับมาหาเรา เหมือนกระทะ Korea King บอกว่า 10 สายแรก หรือโทรมาภายในครึ่งชั่วโมง จะได้รับตะหลิว ได้ราคาพิเศษ แต่พูดแบบนี้อยู่ตลอดไม่ครบสิบสายซักที\n.\n6) ขัดเกลาใจ โลกนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก แม้แต่คนในยุคเดียวกันก็ยังตามกันไม่ทัน แต่สุดท้ายหนังสือที่ขายดีที่สุดคือ หนังสือธรรมะ \n…\nอ่านจบแล้ว อยากให้ลองไปฟังที่อ.เอกก์พูดมาก ๆ ครับ คือ มันจะได้อารมณ์มาก สนุก ได้ความรู้ ที่สำคัญอาจารย์เป็นคนที่พูดเรื่องยาก ๆ ให้เข้าใจได้ง่ายมาก ถ้าใครอยากรู้จักอ.เอกก์เพิ่มเติมเข้าไปติดตามได้ที่เพจ อัจฉริยะการตลาด หรือลองแวะไปอ่านหนังสืออัจฉริยะการตลาด หนังสือขายดีรองลงมาจากหนังสือธรรมะได้เลยครับ\n.\n#VIKH6 \n#การตลาดอัจฉริยะ \n#วิตามินหุ้น",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:898395239877210112/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:894130510391083008",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"content": "<a href=\"https://www.matichonweekly.com/column/article_137448\" target=\"_blank\">https://www.matichonweekly.com/column/article_137448</a>",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/894130510391083008",
"published": "2018-10-03T07:55:25+00:00",
"source": {
"content": "https://www.matichonweekly.com/column/article_137448",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:894130510391083008/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:893107800521244672",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"content": "Mekong River",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/893107800521244672",
"published": "2018-09-30T12:11:32+00:00",
"source": {
"content": "Mekong River",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:893107800521244672/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:888083152864071680",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"content": "ลุงเจ้ามู่เห้อ อายุเกินร้อย ใจก็เกินร้อย!<br /><br />อายุ 40 เป็นภารโรง <br />อายุ 75 แบ็กแพ็กตะลุยอยู่ในยุโรป อังกฤษ ฝรั่งเศส <br />อายุ 93 เป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาล <br />อายุ 95 เข้าเรียนปริญญาโท <br />อายุ 98 จบปริญญาโท จนกินเนสบุ๊คลงบันทึกว่าเป็นคนได้ปริญญาโทที่อายุมากที่สุด <br />อายุ 100 งานศิลป์ของเขาได้ถูกนำไปเก็บสะสมไว้ใน British Library <br />อายุ 101 งานเขียนเขาเป็นหนึ่งใน best seller ในงานหนังสือฮ่องกง<br /><br />เพื่อนถามลุงเจ้าว่า....จะตายอยู่แล้วยังจะเรียนคอมพิวเตอร์อีกหรือ<br />ท่านตอบว่า...ก็ฉันยังไม่ตายนี่<br /><br />คำว่า..ก็ฉันยังไม่ตายนี่ เป็นคำกระตุ้นให้คนได้คิด เมื่อยังไม่ตายก็ต้องแสวงหาสิ่งดีๆและเพิ่มสีสันให้ชีวิต จนกว่าจะถึงวันสุดท้าย",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/888083152864071680",
"published": "2018-09-16T15:25:23+00:00",
"source": {
"content": "ลุงเจ้ามู่เห้อ อายุเกินร้อย ใจก็เกินร้อย!\n\nอายุ 40 เป็นภารโรง \nอายุ 75 แบ็กแพ็กตะลุยอยู่ในยุโรป อังกฤษ ฝรั่งเศส \nอายุ 93 เป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาล \nอายุ 95 เข้าเรียนปริญญาโท \nอายุ 98 จบปริญญาโท จนกินเนสบุ๊คลงบันทึกว่าเป็นคนได้ปริญญาโทที่อายุมากที่สุด \nอายุ 100 งานศิลป์ของเขาได้ถูกนำไปเก็บสะสมไว้ใน British Library \nอายุ 101 งานเขียนเขาเป็นหนึ่งใน best seller ในงานหนังสือฮ่องกง\n\nเพื่อนถามลุงเจ้าว่า....จะตายอยู่แล้วยังจะเรียนคอมพิวเตอร์อีกหรือ\nท่านตอบว่า...ก็ฉันยังไม่ตายนี่\n\nคำว่า..ก็ฉันยังไม่ตายนี่ เป็นคำกระตุ้นให้คนได้คิด เมื่อยังไม่ตายก็ต้องแสวงหาสิ่งดีๆและเพิ่มสีสันให้ชีวิต จนกว่าจะถึงวันสุดท้าย",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:888083152864071680/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:876829121634967552",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"content": "<a href=\"https://www.minds.com/newsfeed/876829121634967552\" target=\"_blank\">https://www.minds.com/newsfeed/876829121634967552</a>",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/followers",
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/575200861337169937"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/876829121634967552",
"published": "2018-08-16T14:05:53+00:00",
"inReplyTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575200861337169937/entities/urn:activity:876778672093949952",
"source": {
"content": "https://www.minds.com/newsfeed/876829121634967552",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:876829121634967552/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:876700302348218368",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"content": "<a href=\"https://www.pluralist.com/posts/1824-millennial-couple-bikes-through-isis-territory-to-prove-humans-are-kind-and-gets-killed\" target=\"_blank\">https://www.pluralist.com/posts/1824-millennial-couple-bikes-through-isis-territory-to-prove-humans-are-kind-and-gets-killed</a>",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/876700302348218368",
"published": "2018-08-16T05:34:00+00:00",
"source": {
"content": "https://www.pluralist.com/posts/1824-millennial-couple-bikes-through-isis-territory-to-prove-humans-are-kind-and-gets-killed",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:876700302348218368/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:873558471157567488",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"content": "แปลข่าว...จาก 来自微信收藏....<br /><br /> \"李芊\" หลีเชียง , \"หญิง\" คน เมืองป๋อเตี่ย*(เป่าติ้ง) มณฑล河北\"ห่อปัก\"(เหอเป่ย) ,เธอเป็นแพทย์หญิง ที่กำลังทำวิจัย วิทยานิพนธ์ (ระดับปริญญาเอก) ของคณะแพทย์ศาสตร์\"มหาวิทยาลัยปักกิ่ง\"เป็นแพทย์ประจำ อยู่ที่ โรงพยาบาลหมายเลข3 ของคณะแพทยศาสตร์ \"มหาวิทยาลัยปักกิ่ง\" .....<br /><br /> วันที่21/1/ 2015 รถไฟเข้าสถานีปักกิ่ง พอขึ้นไปบนตู้รถได้สักพัก เสียงประกาศทางไมค์ของรถไฟดังขึ้นว่า มีผู้หญ้งเจ็บท้องคลอด , ต้องการความช่วยเหลือด่วน , แพทย์หญิง\"หลีเชียง\" ไม่รอช้า รีบวิ่งไปที่ตู้โดยสารที่มีคนเจ็บท้องนอนอยู่ , เธอช่วยทำคลอดให้ผู้หญิงคนนั้นเสร็จแล้ว ยังช่วยนำเธอและทารกน้อย ไปส่งถึงโรงพยาบาลในเมือง \"หน่ำเกีย*\" (นานกิง) , ทั้งแม่และลูกถูกส่งเข้าไปที่แผนกแม่เละเด็กเกิดใหม่ , เมื่อแพทย์ตรวจทารกน้อยแล้ว พบว่าเด็กสำลักน้ำคร่ำเข้าปอด ทำให้ปอดอักเสบหนัก ต้องรักษาอยู่ในโรงพยาบาลนานถึง40กว่าวัน ....<br /><br /> คนในครอบครัวผู้หญิงคนนั้น ไม่เพียงไม่ขอบคุณหมอ \"หลีเชียง\"กลับแจ้งจับเธอ และฟ้องร้องเธอที่ศาลประชาชน 雨花台\"โห่วฮวยไท้(หยี่ฮัวไถ)ในเมือง\"หน่ำเกีย\"(นานกิง) ด้วยข้อหา ผิดพรบ.การรักษานอกสถานที่ , ให้เธอตกเป็นผู้ต้องหาคดีรักษานอกสถานที่โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ลูกของเธอต้องสำลักน้ำคร่ำจนปอดอักเสบ , โดยให้หมอ \"หลีเชียง\" ต้องจ่ายค่ารักษา และค่าเสียเวลา จิปาถะต่างๆรวมเป็นเงิน \"14361.59 หยวน หรือเท่ากับ71,807 บาท........<br /><br /> หมอ\"หลีเชียง\"อุทธรณ์คดี...... ศาลอุทธรณ์ ของเมืองหน่ำเกีย*(นานกิง)... พิจารนาแล้วตัดสินให้ยืน ตามศาลชั้นต้น \"ทนายความของหมอ\" ถามผู้พิพากษาว่า \"ใช่หรือไม่ว่า พอหมอออกจากโรงพยาบาลแล้วก็รักษาคนไม่ได้เลย\" ? คำตอบของผู้พิพากษาคือ \" ตามกฎหมายของสาธารณรัฐประชาชนจีน\"การรักษานอกสถานที่นั้น\"ผิดกฎหมาย\" , ขอให้แยกแยะเรื่องกฎหมาย กับเรื่องสังคมออกจากกัน ผู้พิพากษาเองก็ต้องทำตามหน้าที่และกฎหมายอย่างเคร่งครัดเช่นกัน....<br /><br /> \"ทนายความ\"ถามศาลอีกครั้งว่า \"ในภาวะฉุกเฉินนี้\"หมอเห็นคนกำลังตกอยู่ในอันตราย , จำต้องปล่อยให้ตายไปใช่ไหม ? ไม่ต้องใจอ่อนเลยใช่ไหม? ผู้พิพากษาอึ้งไปเล็กน้อยแล้วตอบว่า \"กฎหมายไม่ได้บัญญัติให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ใด\", <br /><br /> \"ใช่สิ\"...เราจะโทษผู้พิพากษาไม่ได้ , แม้คำตอบของผู้พิพากษาจะไม่ถูกต้องนัก ,...และเราก็ไม่สามารถโทษคนในครอบครัวหญิงท้องได้เช่นกัน , เพราะคนเหล่านี้กำลังใช้ช่องโหว่ของกฎหมาย หาผลประโยชน์เข้าตัว จะโทษก็ต้องโทษ ตัวกฎหมายเอง เราต้องทำใจทำใจ แค่การเป็นหมอคนหนึ่ง ย่อมไม่สามารถแก้กฎหมายที่ไร้คุณธรรมเช่นนี้ได้ , เรายังคงแก้ที่ตัวเราเองดีกว่า , ต้องทำตัวให้ถูกต้อง พอพ้นประตูโรงพยาบาลแล้ว เราต้องไม่เป็นหมอเด็ดขาด , ต่อให้บนถนนมีเลือดนองเป็นลำธาร ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับเราเลย .. เพราะผู้พิพากษาบอกว่า การปฏิบัติหน้าที่รักษานอกสถานที่ทำงาน ผิดพรบ.แพทย์ .....หากจะถามหาความรับผิดชอบในฐานะแพทย์ ความรับผิดชอบนี้ เรารับไม่ได้จริงๆ , ...<br /><br /> หลังศาลอุทธรณ์ ตัดสินยืนตามศาลชั้นต้นแล้ว\"หมอหลีเชียง\"ไม่ยอมรับการตัดสินนั้น ต้องการ\"ฎีกา\"ต่อ..... \"แต่\".......สำนักงานสาธารณสุขของ เมือง\"หน่ำเกีย*ฉี\" มณฑล江苏省\"กังโซวแซ่*(เจียงซู..เสิ่น)..อีกทั้งกระทรวงสาธารณสุขจีน ต่างไม่ได้ตอบรับการขอ\"ฏีกา\"ของเธอเลย ..<br /><br /> หากพวกเราคิดว่า สิ่งที่คุณหมอทำนั้น เป็นสิ่งถูกต้องก็ ขอให้ช่วยตบมือให้เธอหน่อย ช่วยเป็นกำลังใจให้คุณหมอ \"หลีเชียง\" หมอที่เป็นหมออย่างแท้จริง , ช่วยกันแชร์ออกไปมากๆ เพราะหมอ\"หลีเชียง\"เป็นคุณหมอที่งดงามที่สุดของประเทศจีนในขณะนี้ การแชร์ของท่านในแต่ละครั้ง จะเป็นการปลุกให้ผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ ตื่นขึ้นมาเสียที่ ... เพราะประเทศเราต้องการคุณหมอแบบนี้ แพทยหญิง\"หลีเชียง\" หมอในดวงใจของพวกเรา...........<br /><br /> (เป็นเรื่องแต่งครับ ชื่อสถานที่จริง ตัวละครไม่มีตัวตนครับ)<br /><br /> แปลและเรียบเรียง โดย เจงเอี่ยม แซ่อึ้ง <br /> 黄振炎 7/8/2018",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/873558471157567488",
"published": "2018-08-07T13:29:29+00:00",
"source": {
"content": "แปลข่าว...จาก 来自微信收藏....\n\n \"李芊\" หลีเชียง , \"หญิง\" คน เมืองป๋อเตี่ย*(เป่าติ้ง) มณฑล河北\"ห่อปัก\"(เหอเป่ย) ,เธอเป็นแพทย์หญิง ที่กำลังทำวิจัย วิทยานิพนธ์ (ระดับปริญญาเอก) ของคณะแพทย์ศาสตร์\"มหาวิทยาลัยปักกิ่ง\"เป็นแพทย์ประจำ อยู่ที่ โรงพยาบาลหมายเลข3 ของคณะแพทยศาสตร์ \"มหาวิทยาลัยปักกิ่ง\" .....\n\n วันที่21/1/ 2015 รถไฟเข้าสถานีปักกิ่ง พอขึ้นไปบนตู้รถได้สักพัก เสียงประกาศทางไมค์ของรถไฟดังขึ้นว่า มีผู้หญ้งเจ็บท้องคลอด , ต้องการความช่วยเหลือด่วน , แพทย์หญิง\"หลีเชียง\" ไม่รอช้า รีบวิ่งไปที่ตู้โดยสารที่มีคนเจ็บท้องนอนอยู่ , เธอช่วยทำคลอดให้ผู้หญิงคนนั้นเสร็จแล้ว ยังช่วยนำเธอและทารกน้อย ไปส่งถึงโรงพยาบาลในเมือง \"หน่ำเกีย*\" (นานกิง) , ทั้งแม่และลูกถูกส่งเข้าไปที่แผนกแม่เละเด็กเกิดใหม่ , เมื่อแพทย์ตรวจทารกน้อยแล้ว พบว่าเด็กสำลักน้ำคร่ำเข้าปอด ทำให้ปอดอักเสบหนัก ต้องรักษาอยู่ในโรงพยาบาลนานถึง40กว่าวัน ....\n\n คนในครอบครัวผู้หญิงคนนั้น ไม่เพียงไม่ขอบคุณหมอ \"หลีเชียง\"กลับแจ้งจับเธอ และฟ้องร้องเธอที่ศาลประชาชน 雨花台\"โห่วฮวยไท้(หยี่ฮัวไถ)ในเมือง\"หน่ำเกีย\"(นานกิง) ด้วยข้อหา ผิดพรบ.การรักษานอกสถานที่ , ให้เธอตกเป็นผู้ต้องหาคดีรักษานอกสถานที่โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ลูกของเธอต้องสำลักน้ำคร่ำจนปอดอักเสบ , โดยให้หมอ \"หลีเชียง\" ต้องจ่ายค่ารักษา และค่าเสียเวลา จิปาถะต่างๆรวมเป็นเงิน \"14361.59 หยวน หรือเท่ากับ71,807 บาท........\n\n หมอ\"หลีเชียง\"อุทธรณ์คดี...... ศาลอุทธรณ์ ของเมืองหน่ำเกีย*(นานกิง)... พิจารนาแล้วตัดสินให้ยืน ตามศาลชั้นต้น \"ทนายความของหมอ\" ถามผู้พิพากษาว่า \"ใช่หรือไม่ว่า พอหมอออกจากโรงพยาบาลแล้วก็รักษาคนไม่ได้เลย\" ? คำตอบของผู้พิพากษาคือ \" ตามกฎหมายของสาธารณรัฐประชาชนจีน\"การรักษานอกสถานที่นั้น\"ผิดกฎหมาย\" , ขอให้แยกแยะเรื่องกฎหมาย กับเรื่องสังคมออกจากกัน ผู้พิพากษาเองก็ต้องทำตามหน้าที่และกฎหมายอย่างเคร่งครัดเช่นกัน....\n\n \"ทนายความ\"ถามศาลอีกครั้งว่า \"ในภาวะฉุกเฉินนี้\"หมอเห็นคนกำลังตกอยู่ในอันตราย , จำต้องปล่อยให้ตายไปใช่ไหม ? ไม่ต้องใจอ่อนเลยใช่ไหม? ผู้พิพากษาอึ้งไปเล็กน้อยแล้วตอบว่า \"กฎหมายไม่ได้บัญญัติให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ใด\", \n\n \"ใช่สิ\"...เราจะโทษผู้พิพากษาไม่ได้ , แม้คำตอบของผู้พิพากษาจะไม่ถูกต้องนัก ,...และเราก็ไม่สามารถโทษคนในครอบครัวหญิงท้องได้เช่นกัน , เพราะคนเหล่านี้กำลังใช้ช่องโหว่ของกฎหมาย หาผลประโยชน์เข้าตัว จะโทษก็ต้องโทษ ตัวกฎหมายเอง เราต้องทำใจทำใจ แค่การเป็นหมอคนหนึ่ง ย่อมไม่สามารถแก้กฎหมายที่ไร้คุณธรรมเช่นนี้ได้ , เรายังคงแก้ที่ตัวเราเองดีกว่า , ต้องทำตัวให้ถูกต้อง พอพ้นประตูโรงพยาบาลแล้ว เราต้องไม่เป็นหมอเด็ดขาด , ต่อให้บนถนนมีเลือดนองเป็นลำธาร ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับเราเลย .. เพราะผู้พิพากษาบอกว่า การปฏิบัติหน้าที่รักษานอกสถานที่ทำงาน ผิดพรบ.แพทย์ .....หากจะถามหาความรับผิดชอบในฐานะแพทย์ ความรับผิดชอบนี้ เรารับไม่ได้จริงๆ , ...\n\n หลังศาลอุทธรณ์ ตัดสินยืนตามศาลชั้นต้นแล้ว\"หมอหลีเชียง\"ไม่ยอมรับการตัดสินนั้น ต้องการ\"ฎีกา\"ต่อ..... \"แต่\".......สำนักงานสาธารณสุขของ เมือง\"หน่ำเกีย*ฉี\" มณฑล江苏省\"กังโซวแซ่*(เจียงซู..เสิ่น)..อีกทั้งกระทรวงสาธารณสุขจีน ต่างไม่ได้ตอบรับการขอ\"ฏีกา\"ของเธอเลย ..\n\n หากพวกเราคิดว่า สิ่งที่คุณหมอทำนั้น เป็นสิ่งถูกต้องก็ ขอให้ช่วยตบมือให้เธอหน่อย ช่วยเป็นกำลังใจให้คุณหมอ \"หลีเชียง\" หมอที่เป็นหมออย่างแท้จริง , ช่วยกันแชร์ออกไปมากๆ เพราะหมอ\"หลีเชียง\"เป็นคุณหมอที่งดงามที่สุดของประเทศจีนในขณะนี้ การแชร์ของท่านในแต่ละครั้ง จะเป็นการปลุกให้ผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ ตื่นขึ้นมาเสียที่ ... เพราะประเทศเราต้องการคุณหมอแบบนี้ แพทยหญิง\"หลีเชียง\" หมอในดวงใจของพวกเรา...........\n\n (เป็นเรื่องแต่งครับ ชื่อสถานที่จริง ตัวละครไม่มีตัวตนครับ)\n\n แปลและเรียบเรียง โดย เจงเอี่ยม แซ่อึ้ง \n 黄振炎 7/8/2018",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:873558471157567488/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:870280978316140544",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"content": "<a href=\"https://www.sanook.com/news/7312822/\" target=\"_blank\">https://www.sanook.com/news/7312822/</a>",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/870280978316140544",
"published": "2018-07-29T12:25:54+00:00",
"source": {
"content": "https://www.sanook.com/news/7312822/",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:870280978316140544/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:869429439475712000",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"content": "<a href=\"https://waymagazine.org/race-nation-sujit-wongthes/\" target=\"_blank\">https://waymagazine.org/race-nation-sujit-wongthes/</a>ห",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/869429439475712000",
"published": "2018-07-27T04:02:11+00:00",
"source": {
"content": "https://waymagazine.org/race-nation-sujit-wongthes/ห",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:869429439475712000/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:868348847175127040",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"content": "แปลกใจที่บุคคลคนเดียวกันของ กระทรวงยุติธรรม ยินยอมพร้อมใจที่ให้บุคคลอย่าง พุทธอิสระ ทำการปิดศูนย์ราชการที่ตน และข้าราชการคนอื่นๆ ได้ทำงานกันอยู่ที่นั่นโดยง่าย ในขณะที่ในเวลานั้น ตนเองเป็นถึงระดับรองปลัดกระทรวงยุติธรรม<br /><br />และก็ยังไม่มีวี่แววใดๆ ในการส่งเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายต่อบุคคลที่กระทำความผิด จากการปิดศูนย์ราชการ ขึ้นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ทั้งๆ ที่เวลามันผ่านมานานกว่า 3 ปีครึ่งแล้ว<br /><br />แถมในเวลานั้น ตนเองยังยินยอมพร้อมใจทำตามเงื่อนไข (หรือตามคำข่มขู่เหมือนถูกเรียกค่าไถ้) ของกลุ่มอันธพาลที่ปิดศูนย์ราชการเสียอีก โดยไม่มีข้อต่อรองแม้แต่นิดเดียว<br /><br />-----------<br /><br />พอเรื่องกระแสเด็ก 13 คนยังอยู่ ตัวรองปลัดกระทรวงยุติธรรม (คนเดียวกันนั่นแหละ) ก็บอกว่า สามารถทำนู่นทำนี่ได้ พร้อมทั้ง สร้างความหวั่นไหวให้กับสังคมได้ทราบว่า สามารถแยกตัวเด็กออกจากครอบครัวได้ ทั้งๆ ที่เด็กๆ ก็มีผู้ปกครองดูแลอยู่เช่นกัน<br /><br />ตกลงในกระบวนการยุติธรรมของตัวรองปลัดเอง คำว่า \"เสรีภาพ\" มันเป็นของใครกันแน่คะ?<br /><br />เพราะเห็นแต่เรื่องการอ้างหลักของ การบังคับใช้กฎหมายเฉยเลยว่า รัฐมีสิทธิ์อย่างนู้นบ้าง อย่างนี้บ้าง...<br /><br />----------<br /><br />อยากเห็นเหมือนกันว่า เมื่อตอนที่พุทธอิสระไปปิดศูนย์ราชการในเวลานั้น จนตนเองต้อง \"หัวซุกหัวซุน\" มานอนในเต้นท์ข้างนอก เพื่อยอมรับเงื่อนไขแต่โดยดี (เหมือนถูกเรียกค่าไถ่) ทางกระทรวงยุติธรรม ได้ทำการดำเนินการฟ้องพุทธอิสระในการไปปิดศูนย์ราชการหรือยัง? <br /><br />เพราะรู้สึกว่า ตนเองมีความกระตือรือร้น (อย่างเหลือเกิน) ที่จะบังคับใช้กฎหมาย เพื่อจะแยกตัวเด็กออกไปจากผู้ปกครอง หากมีเรื่องราวเป็นข่าวให้สำนักข่าวต่างประเทศได้ทราบซะอย่างนั้น......<br /><br />ก็ขอลองนำไปพิจารณาคิดดูเองก็แล้วกันนะคะ...<br /><br />Happy Tuesday ค่ะ<br /><br />Doungchampa Spencer-Isenberg<br /><br />-------------<br /><br />อ้างอิง: บทความจากไทยรัฐ<br /><br /><a href=\"https://www.thairath.co.th/content/399868\" target=\"_blank\">https://www.thairath.co.th/content/399868</a><br /><br />อ้างอิง: บทความจากข่าวสด:<br /><br /><a href=\"https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_1366181\" target=\"_blank\">https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_1366181</a>",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/868348847175127040",
"published": "2018-07-24T04:28:18+00:00",
"source": {
"content": "แปลกใจที่บุคคลคนเดียวกันของ กระทรวงยุติธรรม ยินยอมพร้อมใจที่ให้บุคคลอย่าง พุทธอิสระ ทำการปิดศูนย์ราชการที่ตน และข้าราชการคนอื่นๆ ได้ทำงานกันอยู่ที่นั่นโดยง่าย ในขณะที่ในเวลานั้น ตนเองเป็นถึงระดับรองปลัดกระทรวงยุติธรรม\n\nและก็ยังไม่มีวี่แววใดๆ ในการส่งเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายต่อบุคคลที่กระทำความผิด จากการปิดศูนย์ราชการ ขึ้นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ทั้งๆ ที่เวลามันผ่านมานานกว่า 3 ปีครึ่งแล้ว\n\nแถมในเวลานั้น ตนเองยังยินยอมพร้อมใจทำตามเงื่อนไข (หรือตามคำข่มขู่เหมือนถูกเรียกค่าไถ้) ของกลุ่มอันธพาลที่ปิดศูนย์ราชการเสียอีก โดยไม่มีข้อต่อรองแม้แต่นิดเดียว\n\n-----------\n\nพอเรื่องกระแสเด็ก 13 คนยังอยู่ ตัวรองปลัดกระทรวงยุติธรรม (คนเดียวกันนั่นแหละ) ก็บอกว่า สามารถทำนู่นทำนี่ได้ พร้อมทั้ง สร้างความหวั่นไหวให้กับสังคมได้ทราบว่า สามารถแยกตัวเด็กออกจากครอบครัวได้ ทั้งๆ ที่เด็กๆ ก็มีผู้ปกครองดูแลอยู่เช่นกัน\n\nตกลงในกระบวนการยุติธรรมของตัวรองปลัดเอง คำว่า \"เสรีภาพ\" มันเป็นของใครกันแน่คะ?\n\nเพราะเห็นแต่เรื่องการอ้างหลักของ การบังคับใช้กฎหมายเฉยเลยว่า รัฐมีสิทธิ์อย่างนู้นบ้าง อย่างนี้บ้าง...\n\n----------\n\nอยากเห็นเหมือนกันว่า เมื่อตอนที่พุทธอิสระไปปิดศูนย์ราชการในเวลานั้น จนตนเองต้อง \"หัวซุกหัวซุน\" มานอนในเต้นท์ข้างนอก เพื่อยอมรับเงื่อนไขแต่โดยดี (เหมือนถูกเรียกค่าไถ่) ทางกระทรวงยุติธรรม ได้ทำการดำเนินการฟ้องพุทธอิสระในการไปปิดศูนย์ราชการหรือยัง? \n\nเพราะรู้สึกว่า ตนเองมีความกระตือรือร้น (อย่างเหลือเกิน) ที่จะบังคับใช้กฎหมาย เพื่อจะแยกตัวเด็กออกไปจากผู้ปกครอง หากมีเรื่องราวเป็นข่าวให้สำนักข่าวต่างประเทศได้ทราบซะอย่างนั้น......\n\nก็ขอลองนำไปพิจารณาคิดดูเองก็แล้วกันนะคะ...\n\nHappy Tuesday ค่ะ\n\nDoungchampa Spencer-Isenberg\n\n-------------\n\nอ้างอิง: บทความจากไทยรัฐ\n\nhttps://www.thairath.co.th/content/399868\n\nอ้างอิง: บทความจากข่าวสด:\n\nhttps://www.khaosod.co.th/special-stories/news_1366181",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:868348847175127040/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:863433498314498048",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"content": "บางครั้งสิ่งที่แย่ที่สุดของเวลา..ก็นำมาซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดในตัวมนุษย์..มิตรสหายท่านหนึ่ง",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/863433498314498048",
"published": "2018-07-10T14:56:27+00:00",
"source": {
"content": "บางครั้งสิ่งที่แย่ที่สุดของเวลา..ก็นำมาซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดในตัวมนุษย์..มิตรสหายท่านหนึ่ง",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:863433498314498048/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:849820587742113792",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708",
"content": "เมื่อวันก่อนผมได้ลงรูปถ่ายกับ Wael Ghonim วิศวกรผู้จับพัดจับผลูกลายเป็นผู้นำการปฏิวัติอียิปต์ ซึ่งเขียนหนังสือปฏิวัติ 2.0 แปลไทยแล้ว เขาขึ้นพูดหลังผม เมื่อผมพูดเสร็จแล้วก็ออกไปฟัง ปรากฏว่า ปาฐกถาของเขาสั้นๆนั้นกินใจมาก สอนผมและสอนคนอื่นๆในห้อง แม้ว่านั่นเขาจะเขียนให้ตัวเอง ผ่านปาฐกถา \"บันทึกแด่ตัวตนนักเคลื่อนไหวของผม \"<br />หลังจากนั้น ผมพบเขาแล้วก็ขออนุญาตแปลเป็นไทย ซึ่งเขาก็อนุญาตในทันที ผมคิดว่าจะเป็นประโยชน์กับนักกิจกรรมอย่างตัวผม คนอื่นๆ และคนทุกคน ผมและเพื่อนคือ ภวัต อัครพิพัฒนา จึงถ่ายทอดมาเป็นภาษาไทยมีข้อความดังนี้<br />---------------------------------------------------<br />บันทึกแด่ตัวตนนักเคลื่อนไหวของผม <br /><br /> นี่ก็นับได้สิบปีแล้วที่ผมกลายเป็นนักเคลื่อนไหวโดยบังเอิญ บนเส้นทางของผม ผมได้ทำบางสิ่งที่ถูกต้องและหลงผิดมากคณา ผมได้รับแรงบันดาลใจจากผู้สูงศักดิ์กว่าและผมอ่อนน้อมเมื่ออยู่กับผู้น้อย ผมโอบรับความเจ็บปวดและเฉลิมฉลองกับความเบิกบาน<br /> <br /> ผมรู้สึกทราบซึ้งที่มูลนิธิสิทธิมนุษยชนได้ให้โอกาสแก่ผมในการแบ่งปันสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ในระหว่างการเดินทางในการเป็นบุคคลที่ดีกว่าตัวผมที่ผมเป็นอยู่ แต่ขอให้ผมได้พูดอะไรสั้นๆสักนาทีสองนาทีเสียก่อนที่จะแบ่งปันกับพวกคุณว่าทำไมผมถึงมาอยู่ ณ จุดๆนี้ได้<br /><br /> “ภาวนาให้อียิปต์ กังวลใจมากเหมือนกับว่ารัฐบาลมีแผนการจะก่ออาชญากรรมสงครามพรุ่งนี้แก่ประชาชน เราทั้งหมดพร้อมแล้วที่จะเผชิญมัน” 28 มกราคม 2011 - เวลา 12.08 น.<br /><br />ไม่นานนักหลังจากที่ผมทวิตข้อความนี้ ผมถูกโจมตีโดยชายติดอาวุธสี่คน พวกเขากระชากรากตัวผมเข้าไปในรถ เอาผ้าปิดตามาปิดตาผม เพื่อให้ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกพาไปที่ไหน ผมไม่เคยเจออะไรที่น่ากลัวเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต<br /><br />เป็นเวลาสิบเอ็ดวันสิบเอ็ดที่ผมถูกล่ามโซ่ ปิดตา และถูกรุมตี พวกเขาพรากทุกอย่างไปจากผม - แม้กระทั่งชื่อตัวผมเอง พวกเขาเรียกผมว่า “สี่สิบเอ็ด” ผมถูกปิดตาไว้ตลอดเวลา ความมืดเป็นสิ่งเดียวที่ผมเห็น ผมหมดกำลังที่จะนับวันคืน เสียงร้องจากการทรมานนอกห้องขังผมทำให้ผมตื่นอยู่ตลอดคืน<br /><br />ก่อนหน้านั้นชีวิตผมปกติสุขทั่วไป ผมยุ่งกับงานธรรมดาทั่วๆไป ดูแลครอบครัวขณะที่ทำงานในบริษัทกูเกิล<br /><br />ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อผมเห็นภาพศพของชายหนุ่มชื่อ คารีด ซาอีด ซึ่งถูกทรมานจนตายโดยฝีมือของตำรวจอียิปต์ ผมรู้สึกอัดอั้นไปด้วยความปวดร้าวและความรู้สึกไร้พลังในขณะผมหลั่งน้ำตาเมื่อเห็นใบหน้าที่เลอะตุ้มเป็ะของเขา นี่ทำให้ผมสร้างเพจเฟซบุ๊กอันหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า “เราทั้งหมดคือคารีด ซาอิด” ซึ่งตัวเพจ โดยการช่วยเหลือจากสหายนักเคลื่อนไหวทั้งหลายจุดชนวนการประท้วงที่นำไปสู่การโค่นลงของมูบารัค<br /><br />ผมถูกจับขังในฐานะนักเคลื่อนไหวนิรนามไร้คนรู้จัก และผมถูกปล่อยตัวออกมาในฐานะคนดังโดยบังเอิญ ผมออกมาในโลกที่แปลกประหลาดสมบูรณ์จากตัวผม คนนับล้านกำลังประท้วงในจัตุรัสตาฮีร์ มีคนตามเฟซบุ๊กเป็นล้านคน ผมถูกรุมล้อมจากความสนใจของสื่อและหน้าของผมก็กลายเป็นที่รู้จักในหมู่คนที่ผมไม่เคยรู้จักกันมาก่อน<br /><br />นี่เป็นอะไรที่เกินเลยตัวผมไปมาก ผมรู้สึกถูกเปิดเผยและสับสนจากการที่มีคนยกย่องเป็นไอดอล และจากการถูกเกลียดโดยคนอื่นๆ - ซึ่งมักจะเป็นกลุ่มคนที่ผมคิดว่าผมได้ต่อสู้เพื่อพวกเขา<br /><br />การล้มลงของมูบารัคเป็นห้วงเวลาประวัติศาสตร์สำหรับตัวผม และคนนับล้านในอียีปต์ การต่อสู้กับระบบรวมพวกเราเป็นหนึ่ง ผมคิดในตอนนั้นว่าความฝันของเราที่จะมีอียิปต์ที่เป็นประชาธิปไตยและเสรีคงจะเกิดขึ้นแล้วในไม่ช้า<br /><br />ทว่า ตรงกันข้าม ความฝันนั้นกลายเป็นฝันร้าย ในช่วงเวลาต่อจากนั้นอีกสองปี การแบ่งขั้วที่ทำลายล้างได้ทำให้ทุกคนแสดงด้านมืดของตนออกมา<br /><br />จากนั้นการประท้วงเดือนมิถุนายนปี 2013 ได้บังเกิด ตามด้วยการประท้วงขนาดใหญ่อีกอัน ประธานาธิบดีคนแรกที่มาจากการเลือกตั้ง โมฮันหมัด มอซี ได้ถูกบีบให้ออกโดยกองทัพอียิปต์ พวกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงกระสุนจริงไปยังผู้ชุมนุมประท้วง พวกหัวรุนแรงทางศาสนาเริ่มการก่อการร้ายโดยมุ่งเป้าไปที่พลเรือนและผู้รักษาความปลอดภัยส่วนบุคคล คนนับพันถูกสังหารและนับหมื่นถูกจองจำ<br /><br />ผมหมดทางเลือกนอกจากออกจากประเทศเพื่อความปลอดภัยของตัวผมเอง ขณะที่เครื่องบินจะออก น้ำตาก็ไหลลงที่หน้าผม ความรู้สึกละอายและอับอายได้แทรกสู่ตัวผม ผมรู้สึกเหมือนตัวเองละทิ้งอุดมการณ์ของตน ทิ้งเพื่อน ทรยศตัวตนอันยิ่งใหญ่ที่ผู้คนได้มอบหมายให้ผมทั้งที่ผมไม่ต้องการ<br /><br />ที่หมายของผมหรือครับ นั่นคือแคลิฟอร์เนีย<br /><br />แต่ผมไม่ได้ลงจอดอย่างรู้สึกสบายใจเอาเลย ผมพบตัวเองตกอยู่ในหลุมยุบแห่งความซึมเศร้าซึ่งไม่เคยประสบมาก่อน ผมพยายามจะกลับไปใช้ชีวิตปกติแต่ก็ทำไม่ได้<br /><br />ผมพบว่าตัวเองร้องไห้ในที่ทำงานและผมรู้ว่าต้องพอได้แล้ว ผมลาออกจากงานในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และมาที่บอสตัน ทิ้งให้ครอบครัวอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย<br /><br />ในบอสตัน ผมได้เดินทางเรียนรู้จากความซึมเศร้าของผมเอง ทีแรก ผมไม่ต้องการจะจัดการมันเลย แต่ลึกๆข้างใน ผมรู้ว่านี่คือหนทางเดียวเท่านั้น<br /><br />ผมตระหนักว่าไม่ต่างกับคุกของผม การเคลื่อนไหวของผมได้ล่ามโซ่ผม ปิดตาผม ตีผม พรากผมจากทุกสิ่ง แม้กระทั่งอัตลักษณ์ของผมเอง<br /><br />จนเกือบจะพังพินาศทั้งหมดนั่นแหละผมถึงจะเข้าใจว่าจิตวิญญาณของผมเองได้ถูกทำให้แตกร้าวมากแค่ไหน และมันได้โหยหาช่วงเวลาที่จะกลับมาใคร่ครวญตัวเองแค่ไหน การจองจำในจิตใจของผมทำให้ผมเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง สะท้อนอดีตของผมและผลักดันให้เปลี่ยน นั่นทำไมที่วันนี้ ผมรู้สึกขอบคุณต่อการพังพินาศ <br /><br />บันทึกถึงตัวเอง<br /><br />1.การคิดถึงแต่คนอื่นโดยไม่คิดถึงตัวเองเลย แท้จริงแล้วเป็นการหลงอัตตาตนเอง<br />2.อย่าอยู่ในสภาวะของการเฉิดฉายตนเองว่าแข็งแกร่งโดยปฏิเสธหรือหลบซ่อนความรู้สึกกลัว เจ็บปวด และอ่อนแอ โดยเฉพาะกับคนที่เขาห่วงใยคุณ<br />3.นรกของคุณเกิดขึ้นเมื่อคุณแหกออกจากคุณค่าทางศีลธรรมที่คุณยึดถือ สวรรค์ของคุณเกิดขึ้นเมื่อคุณปฏิบัติไปตามนั้น<br />4.จงตั้งคำถามแก่ผู้ถืออำนาจ<br /> ปล. คุณนั่นแหละคือผู้ถืออำนาจ<br /><br />-------<br /> การเชื่อในตัวเองและความคิดของตนทำให้นักเคลื่อนไหวพร้อมที่จะทำสิ่งที่ท้าทายเกินความสามารถของพวกเขา แต่ความมั่นใจเดียวกันนั้นก็สามารถจะนำเราไปเป็นเหยื่อแห่งอัตตาตนได้<br /><br /> โซเชี่ยลมิเดียให้เราทั้งโอกาสอันมหัศจรรย์ในการแพร่กระจายความคิดของเราและการมีส่วนร่วมกับคนอื่นๆ แต่มันก็เป็นดุจภัยมหันต์ในการสร้างลัทธิการเคลื่อนไหวเพื่อสนองความต้องการตนเองและป้อนเลี้ยงอัตตาแห่งเรา<br /><br /> บันทึกถึงตัวเอง<br />1.การได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นวิธีการ ไม่ใช่เป้าหมาย<br />2.จงทำให้อัตตาเป็นลิ่วล้อรับใช้เป้าหมายของคุณ อย่าให้เป้าหมายของคุณมารับใช้อัตตาของตน<br />3.คนที่พูดในฐานะตัวแทนของเป้าหมายนั้นทำอันตรายกับเป้าหมายได้มากที่สุด ปิดปากให้สนิทจนกว่าคุณจะมีอะไรที่เป็นประโยชน์จึงจะพูด<br />4.อย่าตกไปในหลุมพรางของการแสวงหาความตื่นเต้นจาก “ยอดไลค์” “ยอดแชร์” และ “การติดตาม”<br />5.ความสนใจเป็นทรัพยากรที่หายากในโลกยุคใหม่ ความเห็นอกเห็นใจ มีศักดิ์ศรี และความกล้าหาญนั้นหายากยิ่งกว่า<br />---------------<br /> นักเคลื่อนไหวเป็นศาสดาของเป้าหมายของตนเอง ความสำเร็จของเราอยู่ที่การเอาชนะใจประชาชน ถ้าเราใช้เวลาของเราปฏิสัมพันธ์กับคนที่เป็นเพื่อนนักเคลื่อนไหวที่เห็นด้วยกับเราแล้ว นั่นไม่ใชการทำงานเพื่อเป้าหมาย เราแค่กำลังสร้างลัทธิเพื่อสนองตัวเอง<br /><br /> พลังของนักเคลื่อนไหวอยู่ที่เสียงของพวกเขา เมื่อต้องจัดการกับคนที่อยู่ตรงข้ามเรา เราจำต้องมีระดับของการอดทนอดกลั้นเทียบเท่ากับพนักงานตำรวจที่ถูกอบรมมาดี <br /><br /> ผมเลิกเชื่อแล้วว่ามีคน “ชั่ว” และ “ดี” มนุษย์เป็นสัตว์สปีชีส์ซับซ้อน ทุกคนมีทั้งดีและไม่ดี แนะนำให้ผมรู้จักคนที่ไม่เคยทำสิ่งที่เขากลับมารู้สึกเสียใจภายหลังเลยหน่อยได้ไหมล่ะ การเดินทางของผมในฐานะนักเคลื่อนไหวเติบโตขึ้นจนเชื่อว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดที่จะออกแบบระบบที่ทำให้เราได้เป็นคนที่ดีที่สุดในสายตาของเราขณะที่ก็ตรวจสอบตรวจตราการกระทำของพวกเราด้วย<br /><br />บันทึกถึงตัวเอง<br />1.หยุดสุดโต่งและแบ่งแยก ไปพร้อมกับรณรงค์ขันติธรรมและความหลากหลาย<br />2.ตำรวจไม่ได้เป็นคนบัดซบโดยธรรมชาติ นักเคลื่อนไหวไม่ได้เป็นเทพเทวดาโดยสันดาน จงใช้พลังงานของคุณในการซ่อมแซมระบบ และทำให้ทุกคนผ่านกระบวนการตรวจสอบได้<br />3.เราจะรู้สึกดีในทางชีววิทยาเมื่อเราลดทอนความเป็นมนุษย์ของฝ่ายตรงข้ามเรา พวกเขาก็ชอบทำแบบนี้เหมือนกัน<br />4.ใช้เวลาไปกับการทำความรู้จักคนไม่เห็นด้วยกับคุณให้มากขึ้น คาดการณ์ในสิ่งที่คุณไม่เห็นด้วย<br />5.ถ้าคุณอยากจะทำให้ผู้คนแปลกแยกจากเป้าหมายของคุณ ด่าทอพวกเขาเสีย <br />----<br /> ในฐานะนักเคลื่อนไหว ในตัวผมก็ย่อมจะมีส่วนที่ไร้เดียงสาอย่างตั้งใจและมองโลกในแง่ดีโดยไม่ย่อท้อ การมองโลกในแง่ดีอย่างไร้เดียงสานี้เองสร้างสะพานเชื่อมระหว่างความจริงในปัจจุบันและอนาคตอันดีกว่าที่เป็นไปได้ แต่สำหรับผมสิ่งที่ดูเหมือนจะไร้เดียงสาและมองโลกในแง่ดีนั้นอาจจะเป็นกลิ่นอายของความอหังการ เมื่อความสมดุลหายไป ความไร้เดียงสาแบบยะโสโอหังนั้นอาจจะทำลายเป้าหมายของเราลงได้ พลังวิเศษของเหล่านักเคลื่อนไหวคือความสามารถของพวกเขาที่จะสามารถเส้นคงวาเสมอต่อคุณค่าทางศีลธรรมที่พวกเขายึดถือ สิ่งหนึ่งที่เป็นคุณค่าสำคัญคือการแสวงหาความจริงอย่างซื่อสัตย์<br /><br />บันทึกแก่ตัวเอง<br />1.หยุดเชื่อความเท็จซึ่งรองรับอคติของคุณ ขณะที่ประณามคนเห็นต่างกับคุณว่าโกหก<br />2. 99 เปอร์เซ็นต์ของทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดนั้นมั่ว ใบ้ให้ด้วยว่า คุณจะไม่มีทางเจอ 1 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ ในที่ที่คุณคิดว่ามันอยู่<br />3. ถ้าหากคุณมีอารมณ์เข้ามามากเท่าไหร่ คุณก็จะมีความสามารถในการใช้เหตุผลน้อยลงเท่านั้น<br />4. อย่าฟังเสียงร้องที่โกรธเกรี้ยว เสียงเหล่านั้นมักจะปราศจากแก่นสาร<br /><br />--------<br /> มันง่ายที่นักเคลื่อนไหวจะเข้าไปพัวพันกับการค้นพบความผิดพลาดของระบบและประณามมันว่าเป็นความคิดของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ระบบมักจะมีปัญหามากมายให้พบเจอ สิ่งที่เราจำต้องตระหนักก็คือเราเป็นส่วนผลิตของระบบ พอๆกับที่ระบบเป็นผลผลิตของเราด้วย เราต้องใช้เวลามากกว่านี้ในการสร้างวิสัยทัศน์ของส่วนรวมเพื่อสิ่งที่เราต้องการ ไม่ใช่แค่การออกมาประท้วงสิ่งที่เราไม่ต้องการ<br /> บันทึกถึงตัวเอง<br /><br />1.ยิ่งสิ่งที่จะเปลี่ยนนั้นหยั่งรากลึกมากแค่ไหน ก็ยิ่งใช้เวลามากที่จะทำให้ผู้คนโอบรับมัน<br />2.อย่ามีส่วนร่วมกับฝูงชนที่โกรธา จงมีส่วนร่วมกับขบวนการที่นำเอาความโกรธของคุณไปสู่การทำสิ่งที่มีประโยชน์<br />3.อุดมคติเป็นสมอนำไป แต่การประณีประนอมก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้<br />4.อนุรักษ์นิยมจำเป็นต้องมีลิเบอรัลเพื่อก้าวหน้าทันสมัย ลิเบอรัลเองก็ต้องมีอนุรักษ์นิยมเพื่อความเสถียรภาพ<br />5.อย่าแปลกแยกคนที่ทำงานในระบบ ร่วมกับความพยายามของพวกเขาในการรีดเร้นการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกจากภายในระบบ<br />-------<br /> ก่อนจะจบปาฐกถาของผม ผมอยากให้ท่านร่วมเฉลิมฉลองสิบปีเวที Oslo Freedom Forum ร่วมกับ ในโอกาสนี้ ผมต้องการแบ่งปันรูปภาพพิเศษสมัยที่ผมยังเป็นเด็กอายุสิบขวบ<br /><br /> และในข้อความที่จริงจังมากกว่า ผมอยากจะส่งต่อบันทึกอันสวยงามนี้ไปให้ท่านทุกคน เพื่อนของผมได้เขียนไว้ให้เมื่อวันเกิดของผม<br /><br /> เพื่อนรัก<br /> ฉันปรารถนาให้เธอจะรักษาอิสระของเธอให้เพียงพอที่จะแก้ไขระบบอันบัดซบนี้ แต่ฉันก็ปรารถนาให้เธอยึดติดอยู่ให้เพียงพอที่จะยังรู้สึกถึงความเป็นบ้าน <br /> ฉันปรารถนาให้เธอยังคงมีพลังภายในที่จะทำสิ่งดีๆเสมอ แต่ฉันก็ปรารถนาให้เธอยอมอ่อนโอนให้กับพลังภายนอกตัวเธอเป็นครั้งครา<br /> ฉันปรารถนาว่าความมั่นใจของเธอจะรักษาเธอให้มั่นคงแกร่งกล้าอยู่เสมอ แต่ฉันก็ปรารถนาให้เธอจะมีความอ่อนน้อมถ่อมตนเพียงพอที่จะให้ตนเองรับความรัก <br /> ฉันปรารถนาให้เธอมีปัญญาที่จะรู้ว่าเธอจะไม่มีวันเข้าถึงความจริงได้<br /> ฉันปรารถนาเธอยังคงแสวงหาความจริงนั้นอย่างต่อเนื่องต่อไป ♥<br /><br />ขอบคุณครับ",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/849820587742113792",
"published": "2018-06-03T01:23:36+00:00",
"source": {
"content": "เมื่อวันก่อนผมได้ลงรูปถ่ายกับ Wael Ghonim วิศวกรผู้จับพัดจับผลูกลายเป็นผู้นำการปฏิวัติอียิปต์ ซึ่งเขียนหนังสือปฏิวัติ 2.0 แปลไทยแล้ว เขาขึ้นพูดหลังผม เมื่อผมพูดเสร็จแล้วก็ออกไปฟัง ปรากฏว่า ปาฐกถาของเขาสั้นๆนั้นกินใจมาก สอนผมและสอนคนอื่นๆในห้อง แม้ว่านั่นเขาจะเขียนให้ตัวเอง ผ่านปาฐกถา \"บันทึกแด่ตัวตนนักเคลื่อนไหวของผม \"\nหลังจากนั้น ผมพบเขาแล้วก็ขออนุญาตแปลเป็นไทย ซึ่งเขาก็อนุญาตในทันที ผมคิดว่าจะเป็นประโยชน์กับนักกิจกรรมอย่างตัวผม คนอื่นๆ และคนทุกคน ผมและเพื่อนคือ ภวัต อัครพิพัฒนา จึงถ่ายทอดมาเป็นภาษาไทยมีข้อความดังนี้\n---------------------------------------------------\nบันทึกแด่ตัวตนนักเคลื่อนไหวของผม \n\n นี่ก็นับได้สิบปีแล้วที่ผมกลายเป็นนักเคลื่อนไหวโดยบังเอิญ บนเส้นทางของผม ผมได้ทำบางสิ่งที่ถูกต้องและหลงผิดมากคณา ผมได้รับแรงบันดาลใจจากผู้สูงศักดิ์กว่าและผมอ่อนน้อมเมื่ออยู่กับผู้น้อย ผมโอบรับความเจ็บปวดและเฉลิมฉลองกับความเบิกบาน\n \n ผมรู้สึกทราบซึ้งที่มูลนิธิสิทธิมนุษยชนได้ให้โอกาสแก่ผมในการแบ่งปันสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ในระหว่างการเดินทางในการเป็นบุคคลที่ดีกว่าตัวผมที่ผมเป็นอยู่ แต่ขอให้ผมได้พูดอะไรสั้นๆสักนาทีสองนาทีเสียก่อนที่จะแบ่งปันกับพวกคุณว่าทำไมผมถึงมาอยู่ ณ จุดๆนี้ได้\n\n “ภาวนาให้อียิปต์ กังวลใจมากเหมือนกับว่ารัฐบาลมีแผนการจะก่ออาชญากรรมสงครามพรุ่งนี้แก่ประชาชน เราทั้งหมดพร้อมแล้วที่จะเผชิญมัน” 28 มกราคม 2011 - เวลา 12.08 น.\n\nไม่นานนักหลังจากที่ผมทวิตข้อความนี้ ผมถูกโจมตีโดยชายติดอาวุธสี่คน พวกเขากระชากรากตัวผมเข้าไปในรถ เอาผ้าปิดตามาปิดตาผม เพื่อให้ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกพาไปที่ไหน ผมไม่เคยเจออะไรที่น่ากลัวเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต\n\nเป็นเวลาสิบเอ็ดวันสิบเอ็ดที่ผมถูกล่ามโซ่ ปิดตา และถูกรุมตี พวกเขาพรากทุกอย่างไปจากผม - แม้กระทั่งชื่อตัวผมเอง พวกเขาเรียกผมว่า “สี่สิบเอ็ด” ผมถูกปิดตาไว้ตลอดเวลา ความมืดเป็นสิ่งเดียวที่ผมเห็น ผมหมดกำลังที่จะนับวันคืน เสียงร้องจากการทรมานนอกห้องขังผมทำให้ผมตื่นอยู่ตลอดคืน\n\nก่อนหน้านั้นชีวิตผมปกติสุขทั่วไป ผมยุ่งกับงานธรรมดาทั่วๆไป ดูแลครอบครัวขณะที่ทำงานในบริษัทกูเกิล\n\nทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อผมเห็นภาพศพของชายหนุ่มชื่อ คารีด ซาอีด ซึ่งถูกทรมานจนตายโดยฝีมือของตำรวจอียิปต์ ผมรู้สึกอัดอั้นไปด้วยความปวดร้าวและความรู้สึกไร้พลังในขณะผมหลั่งน้ำตาเมื่อเห็นใบหน้าที่เลอะตุ้มเป็ะของเขา นี่ทำให้ผมสร้างเพจเฟซบุ๊กอันหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า “เราทั้งหมดคือคารีด ซาอิด” ซึ่งตัวเพจ โดยการช่วยเหลือจากสหายนักเคลื่อนไหวทั้งหลายจุดชนวนการประท้วงที่นำไปสู่การโค่นลงของมูบารัค\n\nผมถูกจับขังในฐานะนักเคลื่อนไหวนิรนามไร้คนรู้จัก และผมถูกปล่อยตัวออกมาในฐานะคนดังโดยบังเอิญ ผมออกมาในโลกที่แปลกประหลาดสมบูรณ์จากตัวผม คนนับล้านกำลังประท้วงในจัตุรัสตาฮีร์ มีคนตามเฟซบุ๊กเป็นล้านคน ผมถูกรุมล้อมจากความสนใจของสื่อและหน้าของผมก็กลายเป็นที่รู้จักในหมู่คนที่ผมไม่เคยรู้จักกันมาก่อน\n\nนี่เป็นอะไรที่เกินเลยตัวผมไปมาก ผมรู้สึกถูกเปิดเผยและสับสนจากการที่มีคนยกย่องเป็นไอดอล และจากการถูกเกลียดโดยคนอื่นๆ - ซึ่งมักจะเป็นกลุ่มคนที่ผมคิดว่าผมได้ต่อสู้เพื่อพวกเขา\n\nการล้มลงของมูบารัคเป็นห้วงเวลาประวัติศาสตร์สำหรับตัวผม และคนนับล้านในอียีปต์ การต่อสู้กับระบบรวมพวกเราเป็นหนึ่ง ผมคิดในตอนนั้นว่าความฝันของเราที่จะมีอียิปต์ที่เป็นประชาธิปไตยและเสรีคงจะเกิดขึ้นแล้วในไม่ช้า\n\nทว่า ตรงกันข้าม ความฝันนั้นกลายเป็นฝันร้าย ในช่วงเวลาต่อจากนั้นอีกสองปี การแบ่งขั้วที่ทำลายล้างได้ทำให้ทุกคนแสดงด้านมืดของตนออกมา\n\nจากนั้นการประท้วงเดือนมิถุนายนปี 2013 ได้บังเกิด ตามด้วยการประท้วงขนาดใหญ่อีกอัน ประธานาธิบดีคนแรกที่มาจากการเลือกตั้ง โมฮันหมัด มอซี ได้ถูกบีบให้ออกโดยกองทัพอียิปต์ พวกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงกระสุนจริงไปยังผู้ชุมนุมประท้วง พวกหัวรุนแรงทางศาสนาเริ่มการก่อการร้ายโดยมุ่งเป้าไปที่พลเรือนและผู้รักษาความปลอดภัยส่วนบุคคล คนนับพันถูกสังหารและนับหมื่นถูกจองจำ\n\nผมหมดทางเลือกนอกจากออกจากประเทศเพื่อความปลอดภัยของตัวผมเอง ขณะที่เครื่องบินจะออก น้ำตาก็ไหลลงที่หน้าผม ความรู้สึกละอายและอับอายได้แทรกสู่ตัวผม ผมรู้สึกเหมือนตัวเองละทิ้งอุดมการณ์ของตน ทิ้งเพื่อน ทรยศตัวตนอันยิ่งใหญ่ที่ผู้คนได้มอบหมายให้ผมทั้งที่ผมไม่ต้องการ\n\nที่หมายของผมหรือครับ นั่นคือแคลิฟอร์เนีย\n\nแต่ผมไม่ได้ลงจอดอย่างรู้สึกสบายใจเอาเลย ผมพบตัวเองตกอยู่ในหลุมยุบแห่งความซึมเศร้าซึ่งไม่เคยประสบมาก่อน ผมพยายามจะกลับไปใช้ชีวิตปกติแต่ก็ทำไม่ได้\n\nผมพบว่าตัวเองร้องไห้ในที่ทำงานและผมรู้ว่าต้องพอได้แล้ว ผมลาออกจากงานในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และมาที่บอสตัน ทิ้งให้ครอบครัวอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย\n\nในบอสตัน ผมได้เดินทางเรียนรู้จากความซึมเศร้าของผมเอง ทีแรก ผมไม่ต้องการจะจัดการมันเลย แต่ลึกๆข้างใน ผมรู้ว่านี่คือหนทางเดียวเท่านั้น\n\nผมตระหนักว่าไม่ต่างกับคุกของผม การเคลื่อนไหวของผมได้ล่ามโซ่ผม ปิดตาผม ตีผม พรากผมจากทุกสิ่ง แม้กระทั่งอัตลักษณ์ของผมเอง\n\nจนเกือบจะพังพินาศทั้งหมดนั่นแหละผมถึงจะเข้าใจว่าจิตวิญญาณของผมเองได้ถูกทำให้แตกร้าวมากแค่ไหน และมันได้โหยหาช่วงเวลาที่จะกลับมาใคร่ครวญตัวเองแค่ไหน การจองจำในจิตใจของผมทำให้ผมเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง สะท้อนอดีตของผมและผลักดันให้เปลี่ยน นั่นทำไมที่วันนี้ ผมรู้สึกขอบคุณต่อการพังพินาศ \n\nบันทึกถึงตัวเอง\n\n1.การคิดถึงแต่คนอื่นโดยไม่คิดถึงตัวเองเลย แท้จริงแล้วเป็นการหลงอัตตาตนเอง\n2.อย่าอยู่ในสภาวะของการเฉิดฉายตนเองว่าแข็งแกร่งโดยปฏิเสธหรือหลบซ่อนความรู้สึกกลัว เจ็บปวด และอ่อนแอ โดยเฉพาะกับคนที่เขาห่วงใยคุณ\n3.นรกของคุณเกิดขึ้นเมื่อคุณแหกออกจากคุณค่าทางศีลธรรมที่คุณยึดถือ สวรรค์ของคุณเกิดขึ้นเมื่อคุณปฏิบัติไปตามนั้น\n4.จงตั้งคำถามแก่ผู้ถืออำนาจ\n ปล. คุณนั่นแหละคือผู้ถืออำนาจ\n\n-------\n การเชื่อในตัวเองและความคิดของตนทำให้นักเคลื่อนไหวพร้อมที่จะทำสิ่งที่ท้าทายเกินความสามารถของพวกเขา แต่ความมั่นใจเดียวกันนั้นก็สามารถจะนำเราไปเป็นเหยื่อแห่งอัตตาตนได้\n\n โซเชี่ยลมิเดียให้เราทั้งโอกาสอันมหัศจรรย์ในการแพร่กระจายความคิดของเราและการมีส่วนร่วมกับคนอื่นๆ แต่มันก็เป็นดุจภัยมหันต์ในการสร้างลัทธิการเคลื่อนไหวเพื่อสนองความต้องการตนเองและป้อนเลี้ยงอัตตาแห่งเรา\n\n บันทึกถึงตัวเอง\n1.การได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นวิธีการ ไม่ใช่เป้าหมาย\n2.จงทำให้อัตตาเป็นลิ่วล้อรับใช้เป้าหมายของคุณ อย่าให้เป้าหมายของคุณมารับใช้อัตตาของตน\n3.คนที่พูดในฐานะตัวแทนของเป้าหมายนั้นทำอันตรายกับเป้าหมายได้มากที่สุด ปิดปากให้สนิทจนกว่าคุณจะมีอะไรที่เป็นประโยชน์จึงจะพูด\n4.อย่าตกไปในหลุมพรางของการแสวงหาความตื่นเต้นจาก “ยอดไลค์” “ยอดแชร์” และ “การติดตาม”\n5.ความสนใจเป็นทรัพยากรที่หายากในโลกยุคใหม่ ความเห็นอกเห็นใจ มีศักดิ์ศรี และความกล้าหาญนั้นหายากยิ่งกว่า\n---------------\n นักเคลื่อนไหวเป็นศาสดาของเป้าหมายของตนเอง ความสำเร็จของเราอยู่ที่การเอาชนะใจประชาชน ถ้าเราใช้เวลาของเราปฏิสัมพันธ์กับคนที่เป็นเพื่อนนักเคลื่อนไหวที่เห็นด้วยกับเราแล้ว นั่นไม่ใชการทำงานเพื่อเป้าหมาย เราแค่กำลังสร้างลัทธิเพื่อสนองตัวเอง\n\n พลังของนักเคลื่อนไหวอยู่ที่เสียงของพวกเขา เมื่อต้องจัดการกับคนที่อยู่ตรงข้ามเรา เราจำต้องมีระดับของการอดทนอดกลั้นเทียบเท่ากับพนักงานตำรวจที่ถูกอบรมมาดี \n\n ผมเลิกเชื่อแล้วว่ามีคน “ชั่ว” และ “ดี” มนุษย์เป็นสัตว์สปีชีส์ซับซ้อน ทุกคนมีทั้งดีและไม่ดี แนะนำให้ผมรู้จักคนที่ไม่เคยทำสิ่งที่เขากลับมารู้สึกเสียใจภายหลังเลยหน่อยได้ไหมล่ะ การเดินทางของผมในฐานะนักเคลื่อนไหวเติบโตขึ้นจนเชื่อว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดที่จะออกแบบระบบที่ทำให้เราได้เป็นคนที่ดีที่สุดในสายตาของเราขณะที่ก็ตรวจสอบตรวจตราการกระทำของพวกเราด้วย\n\nบันทึกถึงตัวเอง\n1.หยุดสุดโต่งและแบ่งแยก ไปพร้อมกับรณรงค์ขันติธรรมและความหลากหลาย\n2.ตำรวจไม่ได้เป็นคนบัดซบโดยธรรมชาติ นักเคลื่อนไหวไม่ได้เป็นเทพเทวดาโดยสันดาน จงใช้พลังงานของคุณในการซ่อมแซมระบบ และทำให้ทุกคนผ่านกระบวนการตรวจสอบได้\n3.เราจะรู้สึกดีในทางชีววิทยาเมื่อเราลดทอนความเป็นมนุษย์ของฝ่ายตรงข้ามเรา พวกเขาก็ชอบทำแบบนี้เหมือนกัน\n4.ใช้เวลาไปกับการทำความรู้จักคนไม่เห็นด้วยกับคุณให้มากขึ้น คาดการณ์ในสิ่งที่คุณไม่เห็นด้วย\n5.ถ้าคุณอยากจะทำให้ผู้คนแปลกแยกจากเป้าหมายของคุณ ด่าทอพวกเขาเสีย \n----\n ในฐานะนักเคลื่อนไหว ในตัวผมก็ย่อมจะมีส่วนที่ไร้เดียงสาอย่างตั้งใจและมองโลกในแง่ดีโดยไม่ย่อท้อ การมองโลกในแง่ดีอย่างไร้เดียงสานี้เองสร้างสะพานเชื่อมระหว่างความจริงในปัจจุบันและอนาคตอันดีกว่าที่เป็นไปได้ แต่สำหรับผมสิ่งที่ดูเหมือนจะไร้เดียงสาและมองโลกในแง่ดีนั้นอาจจะเป็นกลิ่นอายของความอหังการ เมื่อความสมดุลหายไป ความไร้เดียงสาแบบยะโสโอหังนั้นอาจจะทำลายเป้าหมายของเราลงได้ พลังวิเศษของเหล่านักเคลื่อนไหวคือความสามารถของพวกเขาที่จะสามารถเส้นคงวาเสมอต่อคุณค่าทางศีลธรรมที่พวกเขายึดถือ สิ่งหนึ่งที่เป็นคุณค่าสำคัญคือการแสวงหาความจริงอย่างซื่อสัตย์\n\nบันทึกแก่ตัวเอง\n1.หยุดเชื่อความเท็จซึ่งรองรับอคติของคุณ ขณะที่ประณามคนเห็นต่างกับคุณว่าโกหก\n2. 99 เปอร์เซ็นต์ของทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดนั้นมั่ว ใบ้ให้ด้วยว่า คุณจะไม่มีทางเจอ 1 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ ในที่ที่คุณคิดว่ามันอยู่\n3. ถ้าหากคุณมีอารมณ์เข้ามามากเท่าไหร่ คุณก็จะมีความสามารถในการใช้เหตุผลน้อยลงเท่านั้น\n4. อย่าฟังเสียงร้องที่โกรธเกรี้ยว เสียงเหล่านั้นมักจะปราศจากแก่นสาร\n\n--------\n มันง่ายที่นักเคลื่อนไหวจะเข้าไปพัวพันกับการค้นพบความผิดพลาดของระบบและประณามมันว่าเป็นความคิดของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ระบบมักจะมีปัญหามากมายให้พบเจอ สิ่งที่เราจำต้องตระหนักก็คือเราเป็นส่วนผลิตของระบบ พอๆกับที่ระบบเป็นผลผลิตของเราด้วย เราต้องใช้เวลามากกว่านี้ในการสร้างวิสัยทัศน์ของส่วนรวมเพื่อสิ่งที่เราต้องการ ไม่ใช่แค่การออกมาประท้วงสิ่งที่เราไม่ต้องการ\n บันทึกถึงตัวเอง\n\n1.ยิ่งสิ่งที่จะเปลี่ยนนั้นหยั่งรากลึกมากแค่ไหน ก็ยิ่งใช้เวลามากที่จะทำให้ผู้คนโอบรับมัน\n2.อย่ามีส่วนร่วมกับฝูงชนที่โกรธา จงมีส่วนร่วมกับขบวนการที่นำเอาความโกรธของคุณไปสู่การทำสิ่งที่มีประโยชน์\n3.อุดมคติเป็นสมอนำไป แต่การประณีประนอมก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้\n4.อนุรักษ์นิยมจำเป็นต้องมีลิเบอรัลเพื่อก้าวหน้าทันสมัย ลิเบอรัลเองก็ต้องมีอนุรักษ์นิยมเพื่อความเสถียรภาพ\n5.อย่าแปลกแยกคนที่ทำงานในระบบ ร่วมกับความพยายามของพวกเขาในการรีดเร้นการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกจากภายในระบบ\n-------\n ก่อนจะจบปาฐกถาของผม ผมอยากให้ท่านร่วมเฉลิมฉลองสิบปีเวที Oslo Freedom Forum ร่วมกับ ในโอกาสนี้ ผมต้องการแบ่งปันรูปภาพพิเศษสมัยที่ผมยังเป็นเด็กอายุสิบขวบ\n\n และในข้อความที่จริงจังมากกว่า ผมอยากจะส่งต่อบันทึกอันสวยงามนี้ไปให้ท่านทุกคน เพื่อนของผมได้เขียนไว้ให้เมื่อวันเกิดของผม\n\n เพื่อนรัก\n ฉันปรารถนาให้เธอจะรักษาอิสระของเธอให้เพียงพอที่จะแก้ไขระบบอันบัดซบนี้ แต่ฉันก็ปรารถนาให้เธอยึดติดอยู่ให้เพียงพอที่จะยังรู้สึกถึงความเป็นบ้าน \n ฉันปรารถนาให้เธอยังคงมีพลังภายในที่จะทำสิ่งดีๆเสมอ แต่ฉันก็ปรารถนาให้เธอยอมอ่อนโอนให้กับพลังภายนอกตัวเธอเป็นครั้งครา\n ฉันปรารถนาว่าความมั่นใจของเธอจะรักษาเธอให้มั่นคงแกร่งกล้าอยู่เสมอ แต่ฉันก็ปรารถนาให้เธอจะมีความอ่อนน้อมถ่อมตนเพียงพอที่จะให้ตนเองรับความรัก \n ฉันปรารถนาให้เธอมีปัญญาที่จะรู้ว่าเธอจะไม่มีวันเข้าถึงความจริงได้\n ฉันปรารถนาเธอยังคงแสวงหาความจริงนั้นอย่างต่อเนื่องต่อไป ♥\n\nขอบคุณครับ",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/entities/urn:activity:849820587742113792/activity"
}
],
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/outbox",
"partOf": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575241811870621708/outboxoutbox"
}