A small tool to view real-world ActivityPub objects as JSON! Enter a URL
or username from Mastodon or a similar service below, and we'll send a
request with
the right
Accept
header
to the server to view the underlying object.
{
"@context": "https://www.w3.org/ns/activitystreams",
"type": "OrderedCollectionPage",
"orderedItems": [
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/entities/urn:activity:1111425806492049408",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892",
"content": "\"ถ้าพี่ชนะผมเกมส์นี้ พี่จะให้ผมทำอะไรก็ได้ แต่ถ้าพี่แพ้ผมจะทำอะไรกับพี่ก็ได้\"<br />\"ดีลล\"<br />ผมเดิมพันกับเธอบนโต๊ะพูล ความเหงาและความผิดหวังเป็นเชื้อเพลิงให้ผมตัดสินใจไปที่บาร์ประจำของเธอ เสียงของเครื่องเป่ากำลังบรรเลงเพลงของ Coltrane อย่างออกรส<br />\"ผมอกหักว่ะพี่\"<br />ผมเปลือยเปิดหัวใจอันชำรุดต่อเธออย่างไม่มีกั๊ก ไร้ซึ่งความคาดหวังใดๆ เธออายุมากกว่าผม เป็นคนที่ผมอยู่ด้วยและสบายใจ หากแต่ความรู้สึกดีที่มีของผมยังไม่เฉียดใกล้กับคำว่ารัก<br />เธอบอกกับผมว่าไม่เป็นไร คืนนี้เจ๊เลี้ยงเอง อยากดื่มอะไร มากมายเท่าไหร่ ก็บอกมา ไม่ต้องกังวลใจ<br />หลังจากเบียร์สด Signature ของร้านผ่านไปพร้อมกับดนตรีบรรเลงเบาบาง เธอก็สั่ง Flaming Sambuca มาให้ผมเพลิดเพลินตากับเปลวเพลิงสีม่วง ผมตื่นตากับความงามและกระดกเอาเครื่องดื่มรสเข้มเข้าคอ คืนนั้นเธออยู่ในชุดราตรีสีดำเข้ารูปเว้าหลัง และถุงน่องลายตาข่าย ผมเริ่มคุยแล้วมองหน้าเธอมากขึ้น<br />Flamingไหมไทย เป็น cocktail แก้วที่ 2 ไม่เลวนัก เธอเริ่มจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบและยื่นให้ผม สิงห์อมควันสมัครเล่นแบบผมลองสูบต่อจากเธอ รสชาติมันก็ไม่เลวนัก ผมสัมผัสกลิ่นของลิปสติกเนื้อแมทที่ปลายกรองของตัวบุหรี่สีขาวมากกว่าควันเทาที่อวลอยู่ในปาก เธอยิ้มพอใจที่ผมยอมทำตามเธอไปเสียทุกอย่าง<br />Cocktail แก้วที่สามมีชื่อแปลกประหลาดดี ร้านขนานนามมันว่า Doppelganger ร่างวิญญาณในโลกคู่ขนาน ตัวตนอีกตัวหนึ่งของเราปรากฏในรูปแบบของ cocktail รสเข้ม ส่วนผสมของ London gin ไซรัปรสมะเฟือง และน้ำมะนาว ผมจิบเข้าคอ แล้วรู้สึกได้เลยว่าคืนนี้ ร่างกายผมคือ Doppelganger ของตัวเอง <br />เธอลุยต่อด้วย Gin Tonic แสนคลาสสิค ภายใต้ลิปสติกสีสด อาภรณ์แสนเย้ายวน เธอยังคงความอนุรักษ์นิยมอยู่ในตัวเสมอ อย่างน้อยก็จากเมนูที่เธอสั่ง แตกต่างจากเมนูที่เธอสั่งให้กับผม เธอจงใจที่จะปลุกตัวตนอีกด้านของผมอย่างเร่งเร้า คงเพราะตัวตนจริงบนโลกของผม คือตัวตนที่ปฏิเสธรักที่มีต่อเธอ<br />เพลง My favorite thing ถูกบรรเลง แขกชาวต่างชาติเริ่มออกมาเต้นรำ ผมยิ้มและพยักหัวเชิญเธอให้ออกไปออกลวดลาย Waltz กันสักหน่อย เธอส่ายหัว และยิ้มอย่างเขินอาย ก่อนจะสั่ง Twin Peaks ในแก้วทรงสูง ฟองนุ่มสีขาวและวิสกี้รสเข้มถูกเสริฟมาให้ผม และแน่นอนเพียงจบบทเพลง ฝาแฝดในแก้วก็หมดลง<br />หลังจากผมซัด Twin Peaks จนหมด เธอลุกออกไปที่โต๊ะพูล ท่ามกลางลูกค้าหลายสิบคนที่ออกมาเต้น โยกย้าย ส่ายเอวกับจังหวะของเพลง Equinox ผมเดินตามการกวักมือของเธออย่างเชื่องเชื่อ ห้องเล่นพูล มีภาพเขียน The Persistence of Memory ของดาลี ติดอยู่กับผนังสีแดง นาฬิกาเหลวเป๋วไหลเหลวไร้กาลเวลา<br />เธอให้ผมแทงระเบิดดำ เปิดการเล่นก่อน ลูกบิลเลียดกลมกระจายเคว้งบนโต๊ะสีเขียว เราต่อสู้กันอย่างไม่จริงจังนัก เธอยกขวดเบียร์สัญชาติญี่ปุ่นเย็นเฉียบมาเป็นเครื่องดื่มระหว่างเกมส์การแข่งขัน เราต่อสู้กันไปไม่นานก่อนที่ผมจะพ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูป เธอกระโดดยิ้มดีใจและสวมกอดผม<br />\"ผม ควรจะต้องทำอะไรดีครับ\"<br />\"เธอแพ้\"<br />\"ใช่ ผมแพ้ ผมต้องทำตามกฏ\"<br />\"รู้ตัวก็ดีนี่\"<br />\"แล้วจะให้ผมทำอะไรดีล่ะ?\"<br />\"เดินตามมา\"<br />เธอเดินนำผมออกจากห้องเล่นพูล วงดนตรีกำลังเล่น Gaint Steps ขณะที่ผมย่างเท้า เบียดเสียดผ่านฝูงชนที่เมามายไปกับฤทธิ์ของแอลกลอฮอลล์และจังหวะของแซกโซโฟน และกลองชุด<br />\"จะพาผมไปไหน\"<br />\"ตามขึ้นมา คืนนี้ไม่ต้องกลับบ้านนะ\"<br />\"ครับ\"<br />เราเดินขึ้นบันไดเวียน ที่ทำด้วยเหล็กฉลุ สีดำ ที่ราวบันไดสีเริ่มหลุดร่อนบ่งบอกความยาวนานของการใช้งาน ร่างกายของผมเริ่มเพลีย และเหนื่อยล้าจากการใช้งานตลอดทั้งวัน ผมคล้ายจะเป็นไข้ โลกของเราก็แปลก ยามเราเป็นไข้กาย คุณหยุดงานได้<br />แต่ในเวลาที่คุณเป็นไข้ทางใจ ต่อให้ทุรนทุรายเพียงไหน คุณก็ไม่สามารถเดินไปขอหยุดงานกับเจ้านายได้ ทั้งๆที่เรื่องของจิตใจ เปราะบางกว่าที่ใครๆทำประกันไหว เราไม่ล่วงรู้หรอกว่าเราไม่ไหว เผลออีกที คุณก็อาจกำลังร่วงหล่นลงมาจากสะพานพุทธสู่อ้อมกอดของเจ้าพระยาที่เชี่ยวกรากแล้วก็ได้<br />เธอเป็นมัคคุเทศที่ไร้ปาก ไม่มีคำบรรยายใดๆ แก่ลูกทัวร์ ทำเพียงแค่เดินนำหน้าผมเพื่อขึ้นไปในห้อง ระหว่างทางมีภาพสเก็ตด้วยชาโคลสีดำ ภาพโพสอิมเพสชั่นนิสม์ ของเซซาน ภาพคนเล่นโป๊กเกอร์ ภาพแอปเปิ้ลและผลไม้ ผมมองดูระหว่างก้าวเดินตามเธอไปบนพรมของทางเดินของโรงแรม ก่อนหยุดอยู่หน้าห้อง 516 <br />เอาเถอะมาถึงจุดนี้แล้ว อะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้เกิด เธอเปิดประตูและผมเดินตามเข้าไป ห้องใหญ่ขนาดกว้างกว่า 80 ตารางเมตร เธอเปิดสวิตซ์ จุดความสว่างให้กับโคมไฟบนฝ้าเพดาน และโคมไฟตั้งข้างโซฟา และบริเวณเตียงนอน ทุกดวงเป็นไฟสีอุ่น Warm White เธอทำเหมือนห้องนี้เป็นบ้านหลังที่สอง<br />เธอโยนกระเป๋าถือสีแดงลงบนเตียง ก่อนหันกลับมายิ้มให้ผม แล้วถามว่าเหนื่อยมั้ยอยากนอนพักมั้ย ผมคิดในใจว่า ก็ดีเหมือนกัน วันนี้ผมเพลียและอ่อนล้า ถ้าได้เตียงนุ่มๆให้พักกายก็คงดีไม่น้อย ผมตอบตกลง และทิ้งตัวลงบนเตียงหนานุ่มร่างกายผมดีดเด้งกับเตียงสปริงใบหน้าผมฟุบเข้ากับหมอนขนเป็ดในทันที<br />ภาพสุดท้ายที่ผมจำได้คือ ภาพของเธอที่เปลือยเปล่าขณะชำระล้างร่างกายอยู่ในห้องน้ำ ห้องน้ำของห้องพักเป็นกระจกใส ผมหันหน้ามองเธอค่อยๆถอดชุดราตรีสีดำนั้น เธอถอดเอาถุงน่องลายตาข่ายสีดำมาพาดไว้กับแขนประตูสแตนเลส ผมเหลือบมองเห็นภาพเขียนบนผนังหัวเตียง ผมพยายามเพ่งมองแต่มันพร่าเลือนเต็มที<br />ตาผมปิดไปสักพัก ก่อนจะถูกปลุกด้วยริมฝีปากที่จุมพิตผมที่ใบหน้า ผมค่อยๆตื่นขึ้นอย่างช้าๆ คล้ายคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าที่ค่อยๆบูทเครื่องใหม่หลังโดนโจมตีจากไวรัส<br />1%<br />5%<br />10%<br />20%<br />40%<br />60%<br />80%<br />ก่อนที่ผมจะฟื้นตัวเต็มที่เธอก็บรรจงจูบ หอมและไซร้คอหอมอย่างไวกระหาย ลมหายใจเธอเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ<br />ผมลืมตาขึ้นเต็ม 100% เธออยู่ในชุดชั้นในสีดำตัวเล็ก ถุงน่องสีดำลายตาข่ายที่ผมเห็นมันพาดกับแขนแสตนเลสของประตู กลับถูกเธอสวมใส่อีกครั้ง เธอใส่กางเกงในสีดำ และที่คอเธอมีสร้อยมุก เธอก้มลงไปจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีน้ำเงินเข้มของผมและถอดเข็มขัด ปลดตะขอของกางเกงยีนส์ผม ก่อนจะจับกล้วยที่แข็งตรงขึ้น<br />เธอดูด และอมมันเข้าเต็มปาก ก่อนจะเริ่มใช้ลิ้นเล่นเลียตรงปลายโคนอย่างขี้เล่น นิ้วมือเธอไม่อยู่สุข เขี่ยหัวนมของผมไปมา เธอทำให้ผมทนนอนอย่างอ่อนแอแบบนี้ไม่ไหว ผมหยิกหัวของเธอขึ้นมา แล้วบังคับให้เธอรูดขึ้นและลงให้สุด ขึ้นให้สุด และลงอมกล้วยจนมิดด้ามเกือบถึงคอหอย ทำเอาเธออ็อกๆออก<br />น้ำลายเธอชุ่มโชก ไหลเปียกเยิ้มหัวหน่าว และขนเพชรของผม ก่อนผมจะพลิกตัวยืนขึ้นบนเตียงสปริง ผมจับให้มือที่ซุกซนที่เคยเขี่ยนมผมไปไพล่หลัง และใช้เข็ดขัดของผมรัดเอาไว้ ก่อนจะจับหัวเธอมาอมกล้วยผมอีก ในตอนนี้เธออยู่ในท่านั่งคลานบนเตียงโดยมีผมยืนจังก้าให้เธออมเข้าอมออกและผมเป็นคนคุมจังหวะ<br />ตัวตนของผมที่ปรากฏต่อหน้าเธอในโลกปกติ คือชายหนุ่มผู้สุขุม ละเอียดอ่อน สุภาพ และระมัดระวังตัว แต่ในคืนนี้ ท่ามกลางจักรวาลคู่ขนาน doppelganger ของผมกลับเผยจิตใจอีกด้านเปลือยให้เธอได้เห็น เปลือยให้เธอได้กิน ให้ปากและลิ้นของเธอได้อัดอมเอาความโหยหาที่ผมเก็บงำไม่ได้บอกแก่ใครโดยง่าย<br />เธอก็เช่นกัน เธอรอจังหวะนี้มานาน จังหวะที่จะใช้ขวานแห่งความหิวกระหายจามเข้าไปที่ก้อนน้ำแข็งอันเย็นยะเยือก ที่ก่อรูปปกปิดความหื่นกระหายในจิตใจของผม ขวานที่ระเบิดดำ ลูกบิลเลียดบนโต๊ะที่ถูกจัดวางตามกฏเกณฑ์ของสังคมอย่างดี ทุกอย่างถูกตีแตกกระเจิด กระเจิงระเบิดออกไม่เป็นชิ้นดี <br />ผมสอดใส่กล้วยหอมทั้งลำเข้าไปในร่างกายเธอโดยปราศจากการป้องกันใดๆ เธอร้องเสียวสะท้าน เป็นผมบ้างที่เริ่มใช้ขวานจามเข้าไปที่เกราะของเธอ มือของเธอจิกเกร็งกับผ้าปูเตียงด้วยความเสียว พอน้ำหล่อลื่นเริ่มไหลเจิ่ง ผมเริ่มเดินเครื่องจักรแห่งความหิวกระหายต่อ มือผมสอดประสานกับมือเธอ เราผสานกัน<br />เธอปฏิเสธการเต้นรำบนฟลอในบาร์ใต้ถุนโรงแรมเมื่อครู่ เพื่อที่จะมาเต้นรำสอดประสาน แนบชิด เนื้อต่อเนื้อกับผมบนฟลอในเตียงของเราสอง เราทั้งเต้นรำด้วยจังหวะที่สอดรับ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต่อสู้ไปพร้อมกันกับสังเวียนแห่งการช่วงชิงการเป็นผู้คุมเกมส์แห่งความสุขที่ไม่มีใครยอมใคร<br />เธอพยายามเป็นม้าพยศ ในขณะที่ผมต้องการเป็นจ็อกกี้ที่คุมม้าป่าให้อยู่มือ ท่วงท่าเราเปลี่ยนแปลงเป็นท่าควบม้า ท่านี้เธอร้องเสียวเพราะความสุด ผมมองเห็นภาพเขียนที่หัวนอนชัดเจน มันคือภาพคัดลอกงานกวางบาดเจ็บ ของฟริดา คาโล ลูกธนูหลายดอกปักลำตัวของเจ้ากวางน้อยในใบหน้าของฟรีดาดูพิลึกนัก กวางน้อยที่ถูกเกาทัณฑ์ชำเราไม่ต่างจากเธอ สตรีสูงวัยที่บัดนี้ถูกฝ่ามือผมฟาดแล้ว ฟาดอีกจนแดงช้ำ ทั้งบั้นท้าย และแผ่นหลัง ผมฟาดอย่างไม่ยั้งมือเพราะได้รับใบอนุญาติให้ทำได้อีก ทำได้อีก แรงอีก แรงมีแค่นี้หรอ ไอ้จ้อกกี้หนุ่มผู้อาภัพในรัก ไอ้คนขี้แพ้ที่ถูกเค้าทิ้งอย่างไม่ดูดำดูดี<br />เราเปลี่ยนท่าไปจัดการกันที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งให้เราเห็นหน้ากันให้ชัดเจนขึ้น ท่ามกลางแสงไสว ของไฟสลัวจากโคมไฟข้างเตียง โต๊ะกระจกไม้ ที่ครืดคราดรับกับจังหวะการโยกอย่างรุนแรง ผมไม่คิดว่าผมจะมีพลังเหลือเฟือขนาดนี้ เธอถุยน้ำลายใส่ผม ใส่หน้าของผมและตามลำตัวหากเครื่องจักรผมเริ่มแผ่ว<br />ก่อนที่ผมจะหมดแรงผมอุ้มเธอขึ้นมาด้วยสองแขน และจัดการใส่พลังแก่เธอในท่านั้น ลำตัวเธอเคลื่อนไหวอยู่บนตัวของผม ก่อนที่จะปล่อยให้น้ำเธอพุ่งกระฉูดหลังจากเธอเสร็จ และทิ้งเธอลงบนเตียงเธอขณะที่เธอกำลังไร้สติสมองโล่ง ผมจับเธอขึงและเริ่มทำการโล้สำเภาโยกต่อเนื่องโดยเธอกลับมาร้องเสียวต่อ<br />ผมโยกไปมาจนในที่สุดก็ปล่อยน้ำรักฉีดพุ่งเข้าไปในช่องคลอดเธอ เธอบีบรัดเค้นเอาน้ำขุ่นข้นดูดรีดเข้าไปจนหมด เธอตอดรัดดูดเอาน้ำไปจนหมด ผมถอนเอาสมอดึงออกดังบ้วบ! น้ำไหลทะลักออกมาเยิ้มนองไปทั่วผ้าปูเตียง ผมแหกขาเธอดูปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเหมือนเด็กเฝ้ามองการทดลองทางวิทยาศาสตร์อันน่าทึ่ง เธอสวมกอดผม เรานอนกอดกันท่ามกลางน้ำรักที่เลอะเปรอะเปื้อนหลังสนธิสัญญาสงบศึกถูกเซ็น ภายหลังสงครามและการต่อสู้จบลงด้วยการนองเลือด ขณะนี้ผมก็ไม่ต่างอะไรกับกวางน้อยของฟริดา ที่ต้องเกาทัณฑ์ ร่างโคลนของผมในคืนนี้กำลังได้รับการเยียวยา จิตใจผมได้รับการรักษาจากเซ็กส์ที่เป็นขวานจามใจผม ผมลูบไล้สร้อยไข่มุกเม็ดเล็ก และลามขึ้นไปที่เนินซอกคอของเธอ เธอจุมพิตปากผมและดอมดมผมของชายหนุ่มผู้มีแผลสดที่หัวใจอย่างแผ่วเบา เปลวไฟแห่ง Sambuca สีม่วงอันตื่นตามอดดับไปแล้ว เราสองคนนอนกอดเถ้าถ่านของความเศร้าเสมอกัน ความเศร้าของการไม่เป็นที่รักของคนที่เรารักสุดหัวใจ",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1111425806492049408",
"published": "2020-05-24T22:49:20+00:00",
"source": {
"content": "\"ถ้าพี่ชนะผมเกมส์นี้ พี่จะให้ผมทำอะไรก็ได้ แต่ถ้าพี่แพ้ผมจะทำอะไรกับพี่ก็ได้\"\n\"ดีลล\"\nผมเดิมพันกับเธอบนโต๊ะพูล ความเหงาและความผิดหวังเป็นเชื้อเพลิงให้ผมตัดสินใจไปที่บาร์ประจำของเธอ เสียงของเครื่องเป่ากำลังบรรเลงเพลงของ Coltrane อย่างออกรส\n\"ผมอกหักว่ะพี่\"\nผมเปลือยเปิดหัวใจอันชำรุดต่อเธออย่างไม่มีกั๊ก ไร้ซึ่งความคาดหวังใดๆ เธออายุมากกว่าผม เป็นคนที่ผมอยู่ด้วยและสบายใจ หากแต่ความรู้สึกดีที่มีของผมยังไม่เฉียดใกล้กับคำว่ารัก\nเธอบอกกับผมว่าไม่เป็นไร คืนนี้เจ๊เลี้ยงเอง อยากดื่มอะไร มากมายเท่าไหร่ ก็บอกมา ไม่ต้องกังวลใจ\nหลังจากเบียร์สด Signature ของร้านผ่านไปพร้อมกับดนตรีบรรเลงเบาบาง เธอก็สั่ง Flaming Sambuca มาให้ผมเพลิดเพลินตากับเปลวเพลิงสีม่วง ผมตื่นตากับความงามและกระดกเอาเครื่องดื่มรสเข้มเข้าคอ คืนนั้นเธออยู่ในชุดราตรีสีดำเข้ารูปเว้าหลัง และถุงน่องลายตาข่าย ผมเริ่มคุยแล้วมองหน้าเธอมากขึ้น\nFlamingไหมไทย เป็น cocktail แก้วที่ 2 ไม่เลวนัก เธอเริ่มจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบและยื่นให้ผม สิงห์อมควันสมัครเล่นแบบผมลองสูบต่อจากเธอ รสชาติมันก็ไม่เลวนัก ผมสัมผัสกลิ่นของลิปสติกเนื้อแมทที่ปลายกรองของตัวบุหรี่สีขาวมากกว่าควันเทาที่อวลอยู่ในปาก เธอยิ้มพอใจที่ผมยอมทำตามเธอไปเสียทุกอย่าง\nCocktail แก้วที่สามมีชื่อแปลกประหลาดดี ร้านขนานนามมันว่า Doppelganger ร่างวิญญาณในโลกคู่ขนาน ตัวตนอีกตัวหนึ่งของเราปรากฏในรูปแบบของ cocktail รสเข้ม ส่วนผสมของ London gin ไซรัปรสมะเฟือง และน้ำมะนาว ผมจิบเข้าคอ แล้วรู้สึกได้เลยว่าคืนนี้ ร่างกายผมคือ Doppelganger ของตัวเอง \nเธอลุยต่อด้วย Gin Tonic แสนคลาสสิค ภายใต้ลิปสติกสีสด อาภรณ์แสนเย้ายวน เธอยังคงความอนุรักษ์นิยมอยู่ในตัวเสมอ อย่างน้อยก็จากเมนูที่เธอสั่ง แตกต่างจากเมนูที่เธอสั่งให้กับผม เธอจงใจที่จะปลุกตัวตนอีกด้านของผมอย่างเร่งเร้า คงเพราะตัวตนจริงบนโลกของผม คือตัวตนที่ปฏิเสธรักที่มีต่อเธอ\nเพลง My favorite thing ถูกบรรเลง แขกชาวต่างชาติเริ่มออกมาเต้นรำ ผมยิ้มและพยักหัวเชิญเธอให้ออกไปออกลวดลาย Waltz กันสักหน่อย เธอส่ายหัว และยิ้มอย่างเขินอาย ก่อนจะสั่ง Twin Peaks ในแก้วทรงสูง ฟองนุ่มสีขาวและวิสกี้รสเข้มถูกเสริฟมาให้ผม และแน่นอนเพียงจบบทเพลง ฝาแฝดในแก้วก็หมดลง\nหลังจากผมซัด Twin Peaks จนหมด เธอลุกออกไปที่โต๊ะพูล ท่ามกลางลูกค้าหลายสิบคนที่ออกมาเต้น โยกย้าย ส่ายเอวกับจังหวะของเพลง Equinox ผมเดินตามการกวักมือของเธออย่างเชื่องเชื่อ ห้องเล่นพูล มีภาพเขียน The Persistence of Memory ของดาลี ติดอยู่กับผนังสีแดง นาฬิกาเหลวเป๋วไหลเหลวไร้กาลเวลา\nเธอให้ผมแทงระเบิดดำ เปิดการเล่นก่อน ลูกบิลเลียดกลมกระจายเคว้งบนโต๊ะสีเขียว เราต่อสู้กันอย่างไม่จริงจังนัก เธอยกขวดเบียร์สัญชาติญี่ปุ่นเย็นเฉียบมาเป็นเครื่องดื่มระหว่างเกมส์การแข่งขัน เราต่อสู้กันไปไม่นานก่อนที่ผมจะพ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูป เธอกระโดดยิ้มดีใจและสวมกอดผม\n\"ผม ควรจะต้องทำอะไรดีครับ\"\n\"เธอแพ้\"\n\"ใช่ ผมแพ้ ผมต้องทำตามกฏ\"\n\"รู้ตัวก็ดีนี่\"\n\"แล้วจะให้ผมทำอะไรดีล่ะ?\"\n\"เดินตามมา\"\nเธอเดินนำผมออกจากห้องเล่นพูล วงดนตรีกำลังเล่น Gaint Steps ขณะที่ผมย่างเท้า เบียดเสียดผ่านฝูงชนที่เมามายไปกับฤทธิ์ของแอลกลอฮอลล์และจังหวะของแซกโซโฟน และกลองชุด\n\"จะพาผมไปไหน\"\n\"ตามขึ้นมา คืนนี้ไม่ต้องกลับบ้านนะ\"\n\"ครับ\"\nเราเดินขึ้นบันไดเวียน ที่ทำด้วยเหล็กฉลุ สีดำ ที่ราวบันไดสีเริ่มหลุดร่อนบ่งบอกความยาวนานของการใช้งาน ร่างกายของผมเริ่มเพลีย และเหนื่อยล้าจากการใช้งานตลอดทั้งวัน ผมคล้ายจะเป็นไข้ โลกของเราก็แปลก ยามเราเป็นไข้กาย คุณหยุดงานได้\nแต่ในเวลาที่คุณเป็นไข้ทางใจ ต่อให้ทุรนทุรายเพียงไหน คุณก็ไม่สามารถเดินไปขอหยุดงานกับเจ้านายได้ ทั้งๆที่เรื่องของจิตใจ เปราะบางกว่าที่ใครๆทำประกันไหว เราไม่ล่วงรู้หรอกว่าเราไม่ไหว เผลออีกที คุณก็อาจกำลังร่วงหล่นลงมาจากสะพานพุทธสู่อ้อมกอดของเจ้าพระยาที่เชี่ยวกรากแล้วก็ได้\nเธอเป็นมัคคุเทศที่ไร้ปาก ไม่มีคำบรรยายใดๆ แก่ลูกทัวร์ ทำเพียงแค่เดินนำหน้าผมเพื่อขึ้นไปในห้อง ระหว่างทางมีภาพสเก็ตด้วยชาโคลสีดำ ภาพโพสอิมเพสชั่นนิสม์ ของเซซาน ภาพคนเล่นโป๊กเกอร์ ภาพแอปเปิ้ลและผลไม้ ผมมองดูระหว่างก้าวเดินตามเธอไปบนพรมของทางเดินของโรงแรม ก่อนหยุดอยู่หน้าห้อง 516 \nเอาเถอะมาถึงจุดนี้แล้ว อะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้เกิด เธอเปิดประตูและผมเดินตามเข้าไป ห้องใหญ่ขนาดกว้างกว่า 80 ตารางเมตร เธอเปิดสวิตซ์ จุดความสว่างให้กับโคมไฟบนฝ้าเพดาน และโคมไฟตั้งข้างโซฟา และบริเวณเตียงนอน ทุกดวงเป็นไฟสีอุ่น Warm White เธอทำเหมือนห้องนี้เป็นบ้านหลังที่สอง\nเธอโยนกระเป๋าถือสีแดงลงบนเตียง ก่อนหันกลับมายิ้มให้ผม แล้วถามว่าเหนื่อยมั้ยอยากนอนพักมั้ย ผมคิดในใจว่า ก็ดีเหมือนกัน วันนี้ผมเพลียและอ่อนล้า ถ้าได้เตียงนุ่มๆให้พักกายก็คงดีไม่น้อย ผมตอบตกลง และทิ้งตัวลงบนเตียงหนานุ่มร่างกายผมดีดเด้งกับเตียงสปริงใบหน้าผมฟุบเข้ากับหมอนขนเป็ดในทันที\nภาพสุดท้ายที่ผมจำได้คือ ภาพของเธอที่เปลือยเปล่าขณะชำระล้างร่างกายอยู่ในห้องน้ำ ห้องน้ำของห้องพักเป็นกระจกใส ผมหันหน้ามองเธอค่อยๆถอดชุดราตรีสีดำนั้น เธอถอดเอาถุงน่องลายตาข่ายสีดำมาพาดไว้กับแขนประตูสแตนเลส ผมเหลือบมองเห็นภาพเขียนบนผนังหัวเตียง ผมพยายามเพ่งมองแต่มันพร่าเลือนเต็มที\nตาผมปิดไปสักพัก ก่อนจะถูกปลุกด้วยริมฝีปากที่จุมพิตผมที่ใบหน้า ผมค่อยๆตื่นขึ้นอย่างช้าๆ คล้ายคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าที่ค่อยๆบูทเครื่องใหม่หลังโดนโจมตีจากไวรัส\n1%\n5%\n10%\n20%\n40%\n60%\n80%\nก่อนที่ผมจะฟื้นตัวเต็มที่เธอก็บรรจงจูบ หอมและไซร้คอหอมอย่างไวกระหาย ลมหายใจเธอเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ\nผมลืมตาขึ้นเต็ม 100% เธออยู่ในชุดชั้นในสีดำตัวเล็ก ถุงน่องสีดำลายตาข่ายที่ผมเห็นมันพาดกับแขนแสตนเลสของประตู กลับถูกเธอสวมใส่อีกครั้ง เธอใส่กางเกงในสีดำ และที่คอเธอมีสร้อยมุก เธอก้มลงไปจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีน้ำเงินเข้มของผมและถอดเข็มขัด ปลดตะขอของกางเกงยีนส์ผม ก่อนจะจับกล้วยที่แข็งตรงขึ้น\nเธอดูด และอมมันเข้าเต็มปาก ก่อนจะเริ่มใช้ลิ้นเล่นเลียตรงปลายโคนอย่างขี้เล่น นิ้วมือเธอไม่อยู่สุข เขี่ยหัวนมของผมไปมา เธอทำให้ผมทนนอนอย่างอ่อนแอแบบนี้ไม่ไหว ผมหยิกหัวของเธอขึ้นมา แล้วบังคับให้เธอรูดขึ้นและลงให้สุด ขึ้นให้สุด และลงอมกล้วยจนมิดด้ามเกือบถึงคอหอย ทำเอาเธออ็อกๆออก\nน้ำลายเธอชุ่มโชก ไหลเปียกเยิ้มหัวหน่าว และขนเพชรของผม ก่อนผมจะพลิกตัวยืนขึ้นบนเตียงสปริง ผมจับให้มือที่ซุกซนที่เคยเขี่ยนมผมไปไพล่หลัง และใช้เข็ดขัดของผมรัดเอาไว้ ก่อนจะจับหัวเธอมาอมกล้วยผมอีก ในตอนนี้เธออยู่ในท่านั่งคลานบนเตียงโดยมีผมยืนจังก้าให้เธออมเข้าอมออกและผมเป็นคนคุมจังหวะ\nตัวตนของผมที่ปรากฏต่อหน้าเธอในโลกปกติ คือชายหนุ่มผู้สุขุม ละเอียดอ่อน สุภาพ และระมัดระวังตัว แต่ในคืนนี้ ท่ามกลางจักรวาลคู่ขนาน doppelganger ของผมกลับเผยจิตใจอีกด้านเปลือยให้เธอได้เห็น เปลือยให้เธอได้กิน ให้ปากและลิ้นของเธอได้อัดอมเอาความโหยหาที่ผมเก็บงำไม่ได้บอกแก่ใครโดยง่าย\nเธอก็เช่นกัน เธอรอจังหวะนี้มานาน จังหวะที่จะใช้ขวานแห่งความหิวกระหายจามเข้าไปที่ก้อนน้ำแข็งอันเย็นยะเยือก ที่ก่อรูปปกปิดความหื่นกระหายในจิตใจของผม ขวานที่ระเบิดดำ ลูกบิลเลียดบนโต๊ะที่ถูกจัดวางตามกฏเกณฑ์ของสังคมอย่างดี ทุกอย่างถูกตีแตกกระเจิด กระเจิงระเบิดออกไม่เป็นชิ้นดี \nผมสอดใส่กล้วยหอมทั้งลำเข้าไปในร่างกายเธอโดยปราศจากการป้องกันใดๆ เธอร้องเสียวสะท้าน เป็นผมบ้างที่เริ่มใช้ขวานจามเข้าไปที่เกราะของเธอ มือของเธอจิกเกร็งกับผ้าปูเตียงด้วยความเสียว พอน้ำหล่อลื่นเริ่มไหลเจิ่ง ผมเริ่มเดินเครื่องจักรแห่งความหิวกระหายต่อ มือผมสอดประสานกับมือเธอ เราผสานกัน\nเธอปฏิเสธการเต้นรำบนฟลอในบาร์ใต้ถุนโรงแรมเมื่อครู่ เพื่อที่จะมาเต้นรำสอดประสาน แนบชิด เนื้อต่อเนื้อกับผมบนฟลอในเตียงของเราสอง เราทั้งเต้นรำด้วยจังหวะที่สอดรับ แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต่อสู้ไปพร้อมกันกับสังเวียนแห่งการช่วงชิงการเป็นผู้คุมเกมส์แห่งความสุขที่ไม่มีใครยอมใคร\nเธอพยายามเป็นม้าพยศ ในขณะที่ผมต้องการเป็นจ็อกกี้ที่คุมม้าป่าให้อยู่มือ ท่วงท่าเราเปลี่ยนแปลงเป็นท่าควบม้า ท่านี้เธอร้องเสียวเพราะความสุด ผมมองเห็นภาพเขียนที่หัวนอนชัดเจน มันคือภาพคัดลอกงานกวางบาดเจ็บ ของฟริดา คาโล ลูกธนูหลายดอกปักลำตัวของเจ้ากวางน้อยในใบหน้าของฟรีดาดูพิลึกนัก กวางน้อยที่ถูกเกาทัณฑ์ชำเราไม่ต่างจากเธอ สตรีสูงวัยที่บัดนี้ถูกฝ่ามือผมฟาดแล้ว ฟาดอีกจนแดงช้ำ ทั้งบั้นท้าย และแผ่นหลัง ผมฟาดอย่างไม่ยั้งมือเพราะได้รับใบอนุญาติให้ทำได้อีก ทำได้อีก แรงอีก แรงมีแค่นี้หรอ ไอ้จ้อกกี้หนุ่มผู้อาภัพในรัก ไอ้คนขี้แพ้ที่ถูกเค้าทิ้งอย่างไม่ดูดำดูดี\nเราเปลี่ยนท่าไปจัดการกันที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งให้เราเห็นหน้ากันให้ชัดเจนขึ้น ท่ามกลางแสงไสว ของไฟสลัวจากโคมไฟข้างเตียง โต๊ะกระจกไม้ ที่ครืดคราดรับกับจังหวะการโยกอย่างรุนแรง ผมไม่คิดว่าผมจะมีพลังเหลือเฟือขนาดนี้ เธอถุยน้ำลายใส่ผม ใส่หน้าของผมและตามลำตัวหากเครื่องจักรผมเริ่มแผ่ว\nก่อนที่ผมจะหมดแรงผมอุ้มเธอขึ้นมาด้วยสองแขน และจัดการใส่พลังแก่เธอในท่านั้น ลำตัวเธอเคลื่อนไหวอยู่บนตัวของผม ก่อนที่จะปล่อยให้น้ำเธอพุ่งกระฉูดหลังจากเธอเสร็จ และทิ้งเธอลงบนเตียงเธอขณะที่เธอกำลังไร้สติสมองโล่ง ผมจับเธอขึงและเริ่มทำการโล้สำเภาโยกต่อเนื่องโดยเธอกลับมาร้องเสียวต่อ\nผมโยกไปมาจนในที่สุดก็ปล่อยน้ำรักฉีดพุ่งเข้าไปในช่องคลอดเธอ เธอบีบรัดเค้นเอาน้ำขุ่นข้นดูดรีดเข้าไปจนหมด เธอตอดรัดดูดเอาน้ำไปจนหมด ผมถอนเอาสมอดึงออกดังบ้วบ! น้ำไหลทะลักออกมาเยิ้มนองไปทั่วผ้าปูเตียง ผมแหกขาเธอดูปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเหมือนเด็กเฝ้ามองการทดลองทางวิทยาศาสตร์อันน่าทึ่ง เธอสวมกอดผม เรานอนกอดกันท่ามกลางน้ำรักที่เลอะเปรอะเปื้อนหลังสนธิสัญญาสงบศึกถูกเซ็น ภายหลังสงครามและการต่อสู้จบลงด้วยการนองเลือด ขณะนี้ผมก็ไม่ต่างอะไรกับกวางน้อยของฟริดา ที่ต้องเกาทัณฑ์ ร่างโคลนของผมในคืนนี้กำลังได้รับการเยียวยา จิตใจผมได้รับการรักษาจากเซ็กส์ที่เป็นขวานจามใจผม ผมลูบไล้สร้อยไข่มุกเม็ดเล็ก และลามขึ้นไปที่เนินซอกคอของเธอ เธอจุมพิตปากผมและดอมดมผมของชายหนุ่มผู้มีแผลสดที่หัวใจอย่างแผ่วเบา เปลวไฟแห่ง Sambuca สีม่วงอันตื่นตามอดดับไปแล้ว เราสองคนนอนกอดเถ้าถ่านของความเศร้าเสมอกัน ความเศร้าของการไม่เป็นที่รักของคนที่เรารักสุดหัวใจ",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/entities/urn:activity:1111425806492049408/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/entities/urn:activity:1110754059549523968",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892",
"content": "เสียงหายใจของเธอ ดังดุจเสียงของเครื่องจักรไอน้ำ ที่กำลังแดดั้น สูบฉีดเพลาให้เรือกลไฟลำน้อยเคลื่อนที่กลางแผ่นน้ำแข็ง ผืนมหึมา เธอเป็นเรือตัดน้ำแข็งที่ล้าสมัย เป็นเรือกลไฟหลงยุคที่กำลังเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางซึ่งไม่มีอยู่จริง <br />.<br />เธอคือกัปตันที่ไร้เดียงสา ผู้ละโมบ และตะกละตะกลาม เปี่ยมไปด้วยราคะ ที่หลงมัวเมาเชื่อว่านครทองคำ เอลโดลาโดมีอยู่จริง เธอออกเดินทางไปด้วยความกระสัน เธอเงี่ยหูฟังคำโป้ปดที่ออกมาจากปากโสมมของผมในบาร์เก่าคร่ำคร่าแห่งหนึ่ง <br />.<br />โอ กัปตันหญิง สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา พาณิชย์นาวีบัณฑิตจบใหม่ ผู้ยังไม่เคยต้องมลทิน ผู้ยังไม่เคยรับรู้ว่ามหาสมุทรอันตรายเพียงใด \"เดี่ยวก็ตกทะเลหรอกแม่สาวน้อย\"! เสียงของชายแก่ที่นั่งอยู่มุมโต๊ะซึ่งกล่าวปรามาสเธอจบลงด้วยเลือดที่อาบหน้า ภายหลังจากเธอซัดเขาด้วยหมัดน้อยๆเข้าเต็มเปา <br />.<br />ความชลมุนเล็กน้อยในบาร์แห่งนั้น ทำให้ผมสนใจในตัวเธอ สาวน้อยใบหน้ากลมมน ผู้มีความต้องการจะออกเรือเดินสมุทร เพื่อตามหาดินแดนในตำนาน ดินแดนที่เธอจะพบกับความมั่งคั่ง ทอง อัญมนี เพชร นิลจินดา และความสุข <br />.<br />ที่ซึ่งเธอเชื่อว่ามันมีอยู่จริง ผมเดินเข้าไปแนะนำตัว ว่าผมรู้ รู้ว่าจะไปสู่ที่แห่งนั้นได้อย่างไร ริมฝีปากของเธอบาง เครื่องแต่งกายของเธอบ่งบอกชัดเจนว่าเธอไม่ใช่คนแถวนี้ ไม่ใช่คนที่เกิดแถวท่าเรือ ไม่ใช่ลูกโสเภณี ไม่ใช่แรงงาน ไม่ใช่คนแบกะดิน แบบเราๆ ชาติกำเนิดเธอถ้าไม่ใช่ลูกเจ้าสัว ก็ต้องเป็นหลานของผู้ปกครอง<br />.<br />\"แล้วมนต์อันใดดลใจให้คุณเสาะแสวงหามันถึงนี่\" ผมเอ่ยถามขณะเดินไปส่งที่บ้านของเธอ \"ถ้ามันมีอยู่จริง ต่อให้มันอยู่ที่สุดหล้าฟ้าไกล หรือใกล้เพียงห้องนอนของคุณ ฉันก็จะไป\" ผมหัวเราะร่า ฮ่าๆๆๆ สาวเจ้านางนี้ คงไม่รู้จักโลกภายนอก ที่ใครเขาว่ากันว่าอันตรายเสียแล้ว <br />.<br />\"คุณไม่กลัวผมหรือ\" หมาหยอกไก่ ยังไงก็เป็นหมาหยอกไก่ แต่ไก่ก็มักจะต้องการให้หมาหยอกอยู่เสมอ เพราะสุดท้ายมันก็อยากจะรู้ว่าการเป็นเหยื่อ รสชาติของมันเป็นอย่างไร \"ไม่กลัวคะ...ถ้าคุณจะพาฉันไปสู่มัน\" <br />.<br />ผมบอกว่าอย่าเลยย คุณไปไม่ได้หรอก คุณยังเยาว์วัย คุณยังมีอนาคต คุณยังเป็นความหวังของครอบครัว อย่าให้พรหมจรรย์ของคุณต้องมาแปดเปื้อนกับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงเลย ผมเริ่มจริงจัง <br />.<br />\"อย่า! ได้บังอาจ กล่าวแบบนั้น จงจำไว้ว่า คุณไม่ได้เหนือไปกว่าฉัน มีเพียงกฏเกณฑ์ทางสังคมที่กดทับ กดขี่ ค่านิยมแบบนี้ ที่ทำให้ผู้หญิง ถูกทำให้เป็นผู้หญิง\" <br />.<br />ผมหยักไหล่ \"ลำพังคนสิ้นไร้ไม้ตรอก แบบผม คนเติบโตมากับสลัมท่าเรือ ไม่ต่อล้อต่อความอันใดดอก ก็แค่พูดไปตามอย่างที่ชาวบ้านเขาพูดๆกัน สาบานได้ว่าผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นแบบนั้น\" <br />.<br />หลังจากปรับความเข้าใจกันยกใหญ่ เราต่างยอมรับว่าทัศนคติของเราไม่ตรงกันอยู่บ้าง แต่จะเอาอะไรนักกับความสัมพันธ์ระหว่างกัปตันกับคนนำทาง เราสองคนไม่ใช่คู่สามีภรรยาที่กำลังตัดสินใจจะหมายหมั้นปั้นครอบครัวสักหน่อย<br />.<br />เราต่างก็แค่ ผมรับเงินค่าจ้าง ส่วนเธอเมื่อถึงที่หมาย ก็จะได้รับความมั่งคั่ง ความสุข และทุกสิ่งไปครอบครอง \"ต้องใช้อะไรบ้าง\" เธอถามอย่างไร้เดียงสา ก่อนที่ผมจะหลุดขำ ผมจดรายการที่ต้องใช้และเน้นสิ่งสำคัญให้เธอ<br />.<br />\"เชือก\" ใช่ ! เธอเลิกตามองเล็กน้อย ผมยิ้ม \"การเดินสมุทรคุณต้องมีต้นหนฝีมือดี มีลูกเรือที่ชำนาญในการผูกเงื่อน ใจกล้า บ้าบิ่น และใช้เชือกเก่งกาจ \"ตกลง..แล้วเทียน ?\" เธอแย้ม \"ให้ตายสิ ยามวิกาล คุณจะใช้อะไรอ่านหนังสือ ยุคเราเอดิสันยังไม่เกิดนะ!\" เธอหัวเราะร่า เมื่อพูดถึงละครเวทีแนวพีเรียดที่เราสองคนสวมบทบาท<br />.<br />\"คุณคิดว่า เราจะเจอมันมั้ย\" เธอถามผมก่อนที่สมอจะถูกถอนออก นั่นคือโอกาสุดท้ายที่เธอจะถอยหลังกลับไปยังภาคพื้นทวีป โอกาสสุดท้ายที่เธอจะเปลี่ยนใจ กลับไปหาอ้อมกอดของพ่อแม่ ครอบครัวที่เธอรัก โอกาสสุดท้ายของนกที่จะกลับไปยังกรงทอง<br />.<br />\"คุณกลัว?\" \"ไม่\"<br />\"คุณไม่แน่ใจ?\" \"เปล่า\"<br />\"คุณเกรงว่าผมจะหลอก? \"ไม่ใช่!\"<br />\"ตอบให้ตรงคำถามได้มั้ย พ่อหนุ่ม?\"<br />\"ก็ได้ๆ\" ผมจึงรับปากกับเธอไปว่า ตราบเท่าที่ผมอยู่เคียงข้าง คุณจะไปถึงจุดหมายดั่งใจ<br />.<br />เราเริ่มออกเดินทางโดยเธอมีความโหยกระหายเป็นกองฟืนและมีผมเป็นไฟราคะเดียวที่มีอยู่บนเรือลำนี้ ไฟราคะเดียวที่คอยเติมให้ฟืนมอดไหม้ เปลวไฟที่ทำให้เรือกลไฟไร้เดียงสาลำนี้ยังเคลื่อนที่ต่อไปได้ ด้วยอำนาจสั่งการแห่งความหวัง <br />.<br />ภายหลังจากที่ผมผูกเชือกรัดรึง เรือลำนี้อย่างแน่นหนา เธอกระอักกระอ่วน และเริ่มพูดไม่ออก จากกัปตันสาวผู้มีแววตาเปี่ยมความมั่นใจ กลายเป็นหญิงสาวที่หวาดกลัวและอ่อนแอ จากบัณฑิตผู้แม่นยำในทฤษฎีกลายเป็นนักปฏิบัติยอดแย่ ที่ไปไม่เป็น<br />.<br />มองไปสุดหล้ามีแต่เพียงแต่หิมะ ทิวสน และเส้นขอบฟ้าสีขาว มีแต่เพียงผมกับเธอ ผมผู้เติมเต็มความฝันให้กับเธอ ผู้ซึ่งเชื่อมั่นว่าตน เป็นเพนกวินตัวแรกที่จะกระโจนลงไปสู่ผืนทะเลอันโหดร้าย เธอจะมีชื่อเสียง ได้รับการยกย่อง ถ้าไม่โดนแมวน้ำตะครุบไปเสียก่อน<br />.<br />เธอเริ่มร้องทุรนทะราย เธอใช้สายตาอ้อนวอน ในขณะนี้ เธอห้อยต่องแต่งอยู่กับคานไม้ แขวนร่างอันเปล่าเปลือย เชือกที่มัดเธออย่างแน่นหนา ทำให้ผมเริ่มบอกความจริง คล้ายสถานะที่กลับตาลปัตรของนักโทษผู้ก่อจราจลที่กำลังสารภาพอาชญากรรมที่ตนก่อต่อหน้าผู้คุมขังที่บัดนี้กลายเป็นนักโทษเสียเอง <br />.<br />ผมหลอกเธอ ดินแดนที่ว่านั้นไม่มีอยู่จริง ความจริงเดียวที่เธอจะได้รับคือความทรมาน และผมกำลังเล่นสนุกอยู่กับลมหายใจของเธอ ณ ที่แห่งนี้มีเพียงผม และเธอ กับเรือกลไฟเดียวดาย ที่ลอยเท้งเต้ง ไม่มีใครรู้ชะตากรรม<br />.<br />ความคึกคะนอง อยากทำให้เพนกวินหน้าโง่ ที่อยากจะเป็นตัวแรกของรุ่น ได้ลิ้มลองกับความเจ็บปวด ความเจ็บปวดที่น้ำตาของเทียนถูกหยุดหยอดลงไปกับผิวหนังให้แสบร้อน \"เชื่อไอ้แก่ ที่บอกแกตอนนั้นก็ไม่ต้องทรมานแบบนี้แล้วนังแพศยา!\"<br />.<br />แววตาอ้อนวอนของเธอไม่ได้ช่วยอะไรไปมากกว่าความสะใจที่ผมได้รับ หยดน้ำตาที่เธอค่อยๆไหลจนอาบหน้า คือน้ำมันที่ราดเข้าไปในกองไฟราคะ มันทำให้ผมมีความสุขมาก โอ เอลโดราโด ของผม<br />.<br />รีมฝีปากบางเฉียบเธอที่กัดเข้ากับเชือกทำให้หน้าสวยๆเหยเกและบิดรูป น้ำเปลวเทียนถูกหยดลงบนฝ่ามือผมก่อนที่ผมจะแปะกับผิวหนังเธอ ให้เธอสะดุ้งอย่างเจ็บปวดด้วยความร้อน เธอคือปลาลวกจิ้มที่ถูกแล่บางเฉียบในหม้อไฟร้อนๆ<br />.<br />กัปตันน้อยถูกกับดักล่าสัตว์พันธนาการแดดิ้น หยุกหยิกบนใยแมงมุมที่ทำจากเชือก เธอหนาวเหน็บอยู่แบบนั้น ผมจุดบุหรี่ราคาถูกขึ้นมาดูดอย่างสบายอารมณ์นั่งมองดูงานศิลปะชิ้นเอกค่อยๆเพิ่มราคา โอ โมนาลิซ่าของผม ความทรมานและเวลาค่อยๆพัฒนามูลค่าของมันขึ้นไปเรื่อยๆ <br />.<br />เธอเป็นสาวน้อยวัยเยาว์ที่ค่อยๆพัฒนาอารมณ์ ไต่ระดับขึ้นไปจากความกระหายใคร่รู้ ความอยากรู้อยากลอง กลายเป็นความตกใจ หวาดกลัวสุดขีด ก้าวขึ้นเป็นความตื่นเต้น ความกระสัน และเริ่มทรมาน<br />.<br />ทรมานจากความต้องการ ต้องการอีก ต้องการอีก ไล่ระดับเพดานบินสูงขึ้น สูงขึ้น เธอกำลังต้องการผม สายตาวิงวอนของมันบ่งบอก เธอต้องการเป็นของผม เธอเด้งเอวเร้า กระตุกไปมา ขอให้ผมชำเราสักที<br />.<br />หญิงสาวสูงศักดิ์ ลูกคหบดีที่เกิดมาบนโชคลาภ และใช้ชีวิตอยู่บนกองอาชญากรรมแห่งการเอารัดเอาเปรียบ กำลังถูกแรงงานชั้นต่ำ เอาคืนด้วยเล่ห์กลราคะ เรื่องกามคาวน้ำรักที่ล่อลวงให้เธอออกเรือตกหลุมพลาง<br />.<br />และในตอนนี้เธอต้องการผมอย่างสุดหัวใจ ร่างและวิญญาณที่ลอยเท้งเต้งนานหลายชั่วโมง ในคืนอันหนาวเหน็บ เรือกลไฟลำน้อยที่แล่น ล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย ขอเพียงชายหนุ่มเข้ามาทะลวงให้เลือดสีแดงฉานได้พลุ่งพล่าน<br />.<br />ควันของใบยาสูบลอยคละคลุ้งห้องนอนในโรงแรมราคาถูก ผมนั่งมองเธออ้อนวอนให้ได้สำเร็จโทษจนถึงเช้า ความหนาวเย็นรุกรบให้เธอแตกสลาย ผมไม่แตะต้องสิ่งใดและเดินจากมา <br />.<br />ผมภูมิใจที่ได้ประกาศชัยชนะจากการต่อสู้ของชนชั้น การต่อสู้ที่โดยปกติผมไม่อาจเอื้อม หรืออาจแม้แต่จะคิดถึง ความแค้นที่ผมมีได้ถูกล้างชำระบนเรือนร่างของเธอ กัปตันน้อยผู้ไร้เดียงสา บุตรีของผู้ปกครองโสมม ผมได้ก่ออาชญากรรมแห่งกามาแก่ทายาทของเจ้าผู้ครองนครอย่างสาแก่ใจ",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1110754059549523968",
"published": "2020-05-23T02:20:03+00:00",
"source": {
"content": "เสียงหายใจของเธอ ดังดุจเสียงของเครื่องจักรไอน้ำ ที่กำลังแดดั้น สูบฉีดเพลาให้เรือกลไฟลำน้อยเคลื่อนที่กลางแผ่นน้ำแข็ง ผืนมหึมา เธอเป็นเรือตัดน้ำแข็งที่ล้าสมัย เป็นเรือกลไฟหลงยุคที่กำลังเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางซึ่งไม่มีอยู่จริง \n.\nเธอคือกัปตันที่ไร้เดียงสา ผู้ละโมบ และตะกละตะกลาม เปี่ยมไปด้วยราคะ ที่หลงมัวเมาเชื่อว่านครทองคำ เอลโดลาโดมีอยู่จริง เธอออกเดินทางไปด้วยความกระสัน เธอเงี่ยหูฟังคำโป้ปดที่ออกมาจากปากโสมมของผมในบาร์เก่าคร่ำคร่าแห่งหนึ่ง \n.\nโอ กัปตันหญิง สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา พาณิชย์นาวีบัณฑิตจบใหม่ ผู้ยังไม่เคยต้องมลทิน ผู้ยังไม่เคยรับรู้ว่ามหาสมุทรอันตรายเพียงใด \"เดี่ยวก็ตกทะเลหรอกแม่สาวน้อย\"! เสียงของชายแก่ที่นั่งอยู่มุมโต๊ะซึ่งกล่าวปรามาสเธอจบลงด้วยเลือดที่อาบหน้า ภายหลังจากเธอซัดเขาด้วยหมัดน้อยๆเข้าเต็มเปา \n.\nความชลมุนเล็กน้อยในบาร์แห่งนั้น ทำให้ผมสนใจในตัวเธอ สาวน้อยใบหน้ากลมมน ผู้มีความต้องการจะออกเรือเดินสมุทร เพื่อตามหาดินแดนในตำนาน ดินแดนที่เธอจะพบกับความมั่งคั่ง ทอง อัญมนี เพชร นิลจินดา และความสุข \n.\nที่ซึ่งเธอเชื่อว่ามันมีอยู่จริง ผมเดินเข้าไปแนะนำตัว ว่าผมรู้ รู้ว่าจะไปสู่ที่แห่งนั้นได้อย่างไร ริมฝีปากของเธอบาง เครื่องแต่งกายของเธอบ่งบอกชัดเจนว่าเธอไม่ใช่คนแถวนี้ ไม่ใช่คนที่เกิดแถวท่าเรือ ไม่ใช่ลูกโสเภณี ไม่ใช่แรงงาน ไม่ใช่คนแบกะดิน แบบเราๆ ชาติกำเนิดเธอถ้าไม่ใช่ลูกเจ้าสัว ก็ต้องเป็นหลานของผู้ปกครอง\n.\n\"แล้วมนต์อันใดดลใจให้คุณเสาะแสวงหามันถึงนี่\" ผมเอ่ยถามขณะเดินไปส่งที่บ้านของเธอ \"ถ้ามันมีอยู่จริง ต่อให้มันอยู่ที่สุดหล้าฟ้าไกล หรือใกล้เพียงห้องนอนของคุณ ฉันก็จะไป\" ผมหัวเราะร่า ฮ่าๆๆๆ สาวเจ้านางนี้ คงไม่รู้จักโลกภายนอก ที่ใครเขาว่ากันว่าอันตรายเสียแล้ว \n.\n\"คุณไม่กลัวผมหรือ\" หมาหยอกไก่ ยังไงก็เป็นหมาหยอกไก่ แต่ไก่ก็มักจะต้องการให้หมาหยอกอยู่เสมอ เพราะสุดท้ายมันก็อยากจะรู้ว่าการเป็นเหยื่อ รสชาติของมันเป็นอย่างไร \"ไม่กลัวคะ...ถ้าคุณจะพาฉันไปสู่มัน\" \n.\nผมบอกว่าอย่าเลยย คุณไปไม่ได้หรอก คุณยังเยาว์วัย คุณยังมีอนาคต คุณยังเป็นความหวังของครอบครัว อย่าให้พรหมจรรย์ของคุณต้องมาแปดเปื้อนกับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงเลย ผมเริ่มจริงจัง \n.\n\"อย่า! ได้บังอาจ กล่าวแบบนั้น จงจำไว้ว่า คุณไม่ได้เหนือไปกว่าฉัน มีเพียงกฏเกณฑ์ทางสังคมที่กดทับ กดขี่ ค่านิยมแบบนี้ ที่ทำให้ผู้หญิง ถูกทำให้เป็นผู้หญิง\" \n.\nผมหยักไหล่ \"ลำพังคนสิ้นไร้ไม้ตรอก แบบผม คนเติบโตมากับสลัมท่าเรือ ไม่ต่อล้อต่อความอันใดดอก ก็แค่พูดไปตามอย่างที่ชาวบ้านเขาพูดๆกัน สาบานได้ว่าผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นแบบนั้น\" \n.\nหลังจากปรับความเข้าใจกันยกใหญ่ เราต่างยอมรับว่าทัศนคติของเราไม่ตรงกันอยู่บ้าง แต่จะเอาอะไรนักกับความสัมพันธ์ระหว่างกัปตันกับคนนำทาง เราสองคนไม่ใช่คู่สามีภรรยาที่กำลังตัดสินใจจะหมายหมั้นปั้นครอบครัวสักหน่อย\n.\nเราต่างก็แค่ ผมรับเงินค่าจ้าง ส่วนเธอเมื่อถึงที่หมาย ก็จะได้รับความมั่งคั่ง ความสุข และทุกสิ่งไปครอบครอง \"ต้องใช้อะไรบ้าง\" เธอถามอย่างไร้เดียงสา ก่อนที่ผมจะหลุดขำ ผมจดรายการที่ต้องใช้และเน้นสิ่งสำคัญให้เธอ\n.\n\"เชือก\" ใช่ ! เธอเลิกตามองเล็กน้อย ผมยิ้ม \"การเดินสมุทรคุณต้องมีต้นหนฝีมือดี มีลูกเรือที่ชำนาญในการผูกเงื่อน ใจกล้า บ้าบิ่น และใช้เชือกเก่งกาจ \"ตกลง..แล้วเทียน ?\" เธอแย้ม \"ให้ตายสิ ยามวิกาล คุณจะใช้อะไรอ่านหนังสือ ยุคเราเอดิสันยังไม่เกิดนะ!\" เธอหัวเราะร่า เมื่อพูดถึงละครเวทีแนวพีเรียดที่เราสองคนสวมบทบาท\n.\n\"คุณคิดว่า เราจะเจอมันมั้ย\" เธอถามผมก่อนที่สมอจะถูกถอนออก นั่นคือโอกาสุดท้ายที่เธอจะถอยหลังกลับไปยังภาคพื้นทวีป โอกาสสุดท้ายที่เธอจะเปลี่ยนใจ กลับไปหาอ้อมกอดของพ่อแม่ ครอบครัวที่เธอรัก โอกาสสุดท้ายของนกที่จะกลับไปยังกรงทอง\n.\n\"คุณกลัว?\" \"ไม่\"\n\"คุณไม่แน่ใจ?\" \"เปล่า\"\n\"คุณเกรงว่าผมจะหลอก? \"ไม่ใช่!\"\n\"ตอบให้ตรงคำถามได้มั้ย พ่อหนุ่ม?\"\n\"ก็ได้ๆ\" ผมจึงรับปากกับเธอไปว่า ตราบเท่าที่ผมอยู่เคียงข้าง คุณจะไปถึงจุดหมายดั่งใจ\n.\nเราเริ่มออกเดินทางโดยเธอมีความโหยกระหายเป็นกองฟืนและมีผมเป็นไฟราคะเดียวที่มีอยู่บนเรือลำนี้ ไฟราคะเดียวที่คอยเติมให้ฟืนมอดไหม้ เปลวไฟที่ทำให้เรือกลไฟไร้เดียงสาลำนี้ยังเคลื่อนที่ต่อไปได้ ด้วยอำนาจสั่งการแห่งความหวัง \n.\nภายหลังจากที่ผมผูกเชือกรัดรึง เรือลำนี้อย่างแน่นหนา เธอกระอักกระอ่วน และเริ่มพูดไม่ออก จากกัปตันสาวผู้มีแววตาเปี่ยมความมั่นใจ กลายเป็นหญิงสาวที่หวาดกลัวและอ่อนแอ จากบัณฑิตผู้แม่นยำในทฤษฎีกลายเป็นนักปฏิบัติยอดแย่ ที่ไปไม่เป็น\n.\nมองไปสุดหล้ามีแต่เพียงแต่หิมะ ทิวสน และเส้นขอบฟ้าสีขาว มีแต่เพียงผมกับเธอ ผมผู้เติมเต็มความฝันให้กับเธอ ผู้ซึ่งเชื่อมั่นว่าตน เป็นเพนกวินตัวแรกที่จะกระโจนลงไปสู่ผืนทะเลอันโหดร้าย เธอจะมีชื่อเสียง ได้รับการยกย่อง ถ้าไม่โดนแมวน้ำตะครุบไปเสียก่อน\n.\nเธอเริ่มร้องทุรนทะราย เธอใช้สายตาอ้อนวอน ในขณะนี้ เธอห้อยต่องแต่งอยู่กับคานไม้ แขวนร่างอันเปล่าเปลือย เชือกที่มัดเธออย่างแน่นหนา ทำให้ผมเริ่มบอกความจริง คล้ายสถานะที่กลับตาลปัตรของนักโทษผู้ก่อจราจลที่กำลังสารภาพอาชญากรรมที่ตนก่อต่อหน้าผู้คุมขังที่บัดนี้กลายเป็นนักโทษเสียเอง \n.\nผมหลอกเธอ ดินแดนที่ว่านั้นไม่มีอยู่จริง ความจริงเดียวที่เธอจะได้รับคือความทรมาน และผมกำลังเล่นสนุกอยู่กับลมหายใจของเธอ ณ ที่แห่งนี้มีเพียงผม และเธอ กับเรือกลไฟเดียวดาย ที่ลอยเท้งเต้ง ไม่มีใครรู้ชะตากรรม\n.\nความคึกคะนอง อยากทำให้เพนกวินหน้าโง่ ที่อยากจะเป็นตัวแรกของรุ่น ได้ลิ้มลองกับความเจ็บปวด ความเจ็บปวดที่น้ำตาของเทียนถูกหยุดหยอดลงไปกับผิวหนังให้แสบร้อน \"เชื่อไอ้แก่ ที่บอกแกตอนนั้นก็ไม่ต้องทรมานแบบนี้แล้วนังแพศยา!\"\n.\nแววตาอ้อนวอนของเธอไม่ได้ช่วยอะไรไปมากกว่าความสะใจที่ผมได้รับ หยดน้ำตาที่เธอค่อยๆไหลจนอาบหน้า คือน้ำมันที่ราดเข้าไปในกองไฟราคะ มันทำให้ผมมีความสุขมาก โอ เอลโดราโด ของผม\n.\nรีมฝีปากบางเฉียบเธอที่กัดเข้ากับเชือกทำให้หน้าสวยๆเหยเกและบิดรูป น้ำเปลวเทียนถูกหยดลงบนฝ่ามือผมก่อนที่ผมจะแปะกับผิวหนังเธอ ให้เธอสะดุ้งอย่างเจ็บปวดด้วยความร้อน เธอคือปลาลวกจิ้มที่ถูกแล่บางเฉียบในหม้อไฟร้อนๆ\n.\nกัปตันน้อยถูกกับดักล่าสัตว์พันธนาการแดดิ้น หยุกหยิกบนใยแมงมุมที่ทำจากเชือก เธอหนาวเหน็บอยู่แบบนั้น ผมจุดบุหรี่ราคาถูกขึ้นมาดูดอย่างสบายอารมณ์นั่งมองดูงานศิลปะชิ้นเอกค่อยๆเพิ่มราคา โอ โมนาลิซ่าของผม ความทรมานและเวลาค่อยๆพัฒนามูลค่าของมันขึ้นไปเรื่อยๆ \n.\nเธอเป็นสาวน้อยวัยเยาว์ที่ค่อยๆพัฒนาอารมณ์ ไต่ระดับขึ้นไปจากความกระหายใคร่รู้ ความอยากรู้อยากลอง กลายเป็นความตกใจ หวาดกลัวสุดขีด ก้าวขึ้นเป็นความตื่นเต้น ความกระสัน และเริ่มทรมาน\n.\nทรมานจากความต้องการ ต้องการอีก ต้องการอีก ไล่ระดับเพดานบินสูงขึ้น สูงขึ้น เธอกำลังต้องการผม สายตาวิงวอนของมันบ่งบอก เธอต้องการเป็นของผม เธอเด้งเอวเร้า กระตุกไปมา ขอให้ผมชำเราสักที\n.\nหญิงสาวสูงศักดิ์ ลูกคหบดีที่เกิดมาบนโชคลาภ และใช้ชีวิตอยู่บนกองอาชญากรรมแห่งการเอารัดเอาเปรียบ กำลังถูกแรงงานชั้นต่ำ เอาคืนด้วยเล่ห์กลราคะ เรื่องกามคาวน้ำรักที่ล่อลวงให้เธอออกเรือตกหลุมพลาง\n.\nและในตอนนี้เธอต้องการผมอย่างสุดหัวใจ ร่างและวิญญาณที่ลอยเท้งเต้งนานหลายชั่วโมง ในคืนอันหนาวเหน็บ เรือกลไฟลำน้อยที่แล่น ล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย ขอเพียงชายหนุ่มเข้ามาทะลวงให้เลือดสีแดงฉานได้พลุ่งพล่าน\n.\nควันของใบยาสูบลอยคละคลุ้งห้องนอนในโรงแรมราคาถูก ผมนั่งมองเธออ้อนวอนให้ได้สำเร็จโทษจนถึงเช้า ความหนาวเย็นรุกรบให้เธอแตกสลาย ผมไม่แตะต้องสิ่งใดและเดินจากมา \n.\nผมภูมิใจที่ได้ประกาศชัยชนะจากการต่อสู้ของชนชั้น การต่อสู้ที่โดยปกติผมไม่อาจเอื้อม หรืออาจแม้แต่จะคิดถึง ความแค้นที่ผมมีได้ถูกล้างชำระบนเรือนร่างของเธอ กัปตันน้อยผู้ไร้เดียงสา บุตรีของผู้ปกครองโสมม ผมได้ก่ออาชญากรรมแห่งกามาแก่ทายาทของเจ้าผู้ครองนครอย่างสาแก่ใจ",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/entities/urn:activity:1110754059549523968/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/entities/urn:activity:1110663155820298240",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892",
"content": "E นี้คืออะไรหรอครับ แล้วผมจะทำไงให้ดูภาพนี้ได้ครับ",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1110663155820298240",
"published": "2020-05-22T20:18:50+00:00",
"source": {
"content": "E นี้คืออะไรหรอครับ แล้วผมจะทำไงให้ดูภาพนี้ได้ครับ",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/entities/urn:activity:1110663155820298240/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/entities/urn:activity:1110450030591922176",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892",
"content": "Classroom<br />.<br />ผมไม่ได้พบเจอกับเธอตั้งแต่เราเรียนจบไปหลายปีแล้ว<br />ไม่ๆเกินสิบกว่าปีแล้ว ที่ไม่ได้พบเจอกัน หลังจากงานปัจฉิมนิเทศ เคล้าน้ำตา งานเลี้ยงรุ่นปีไหนๆผมไม่ค่อยจะแยแสกลับมา ด้วยเพราะงานการและความรับผิดชอบ หรือเป็นเพราะวันสุดท้ายที่เราแยกจากกันล้วนเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่น่าจดจำก็ตามที<br />.<br />ผมลืมไปแล้ว ผมลืมมันไปนานแล้วล่ะ คุณก็รู้ว่าไม่ใช่กาลเวลาหรอกที่ทำให้เราลืม แต่เป็นเราเองนี่แหละที่ลืมเลือนมันไปอย่างช้าๆ จากเรื่องที่เคยกระทำชำเราจิตใจเราจนชอกช้ำ กลับแปรสภาพกลายเป็นเพียงเรื่องเล่าขบขันที่ถูกแต่งแต้มเสียจนผิดรูปหรือต้องอาญาพาร์กินสันให้ปลาศนาการไปในวันใดวันหนึ่ง<br />.<br />เย็นย่ำวันนั้นในโถงอาคารโรงยิม คืองานคืนสู้เหย้า ที่เย้ายวนให้ความทรงจำผมกลับสู่เหย้าเคล้าความรู้สึกในวันเยาว์อีกครั้ง เธอนั่งอยู่ที่ฟากฝั่งตรงข้ามของโต๊ะจีน ผมจำบรรยากาศใดๆของงานในวันนั้นได้เพียงน้อยนิด เพื่อนฝูงที่พาลูกเต้ามาวิ่งให้ยั้วเยี้ย คำถามถึงหน้าที่การงานอวดร่ำ อวดรวย<br />.<br />เพื่อนคนนั้นได้กับคนนี้ก่อนที่คนนี้จะเลิกแล้วไปได้กับเพื่อนห้องข้างๆ ส่วนเพื่อนคนนั้นคนแรกกลับไปแต่งงานกับน้องของเพื่อนที่กำลังเล่า และตอนนี้ก็กลับมาหย่ากันอีกแล้วเพราะไปกันไม่รอด ฟังๆดูแล้วก็เพลิดเพลินดีแทนคนที่ได้ทดลองเปลี่ยนคู่นอนไปกับเขาด้วย ผมฟังเป็นรองแต่ผมมองที่เธอเป็นหลัก<br />.<br />แม้ก่อนหน้านี้ผมจะลืมเธอไป หรือแกล้งคิดว่ามันหายไปจากความทรงจำผมไปแล้ว แต่การปรากฏตัวของเธอในงานเลี้ยงคืนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายนัก เพื่อนมักชอบบอกว่าเธอเป็นคนเก็บตัว ทุกครั้งที่มีคนถามถึงเธอ บางคนก็พูดว่าเธอได้กับเพื่อนคนนั้น บางคนก็บอกว่าเธอลงเอยกับเพื่อนตอนมหาลัย<br />.<br />ตลอดงานผมทักทายครูเก่าๆที่ยังคงสอนในโรงเรียนอยู่ โรงเรียนอุปมาได้ดั่งนาวาลำเขื่องที่ไหลแล่นอยู่บนห้วงมหรรณพ ผู้คนที่มีความสัมพันธ์ในนาวาลำเขื่องนี้ยังคงผูกพันธ์กันผ่านความทรงจำของวันวานหลายชีวิตสำเร็จการศึกษาไป ขณะที่หลายชีวิตยังคงสอนนักเรียน หลายชีวิตเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน<br />.<br />ขณะที่หลายชีวิตยังคงติดหล่มกับงานสับปะรังเค<br />หลายชีวิตให้กำเนิดชีวิตใหม่<br />ขณะที่หลายชีวิตเดินทางจากโลกนี้ไปแสนไกล<br />หลายชีวิตต่อสู้ดิ้นรนจนประสบความสำเร็จ<br />ขณะที่หลายชีวิตยังคงต่อสู้ และชีวิตยังคงแดดิ้นอยู่ โรงเรียนยังคงชื่อเดิม ที่อยู่เดิม กองอิฐปูนเดิม ปรับเปลี่ยนบ้างตามสภาพ<br />.<br />แต่ยังมีการก้าวเดินทางอีกมากที่ไม่อาจปรากฏอยู่ในบทสนทนา แต่เพียงมองแววตาก็พอเข้าใจ ผู้คนที่ไม่พานพบมาหลายปี เมื่อได้เจอกันคำพูดนั้นไม่อาจเติมเต็มความรู้สึกโหยหา เรื่องราวคงมีให้เล่าได้ไม่มีวันหมด และหลายสิ่งไม่อาจสัมผัสได้ด้วยตาเปล่า และหนึ่งในสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือแววตาของเธอ<br />.<br />ไม่ว่ารอยยิ้มเธอจะเปลี่ยนไปแค่ไหน รอยตีนกาที่เริ่มปรากฏ แก้มที่เปลี่ยนไปจากการฉีดโบท็อกเล็กน้อย นิ้วมือเรียวเล็กที่ได้รับการดูแลให้ชุ่มฉ่ำ ใบหน้าที่ถูกประทินด้วยเครื่องสำอางค์มีชื่อ แต่ภายใต้มายาการแต่งเติมเหล่านั้นยังมีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป สิ่งนั้นคือแววตาเป็นประกาย<br />.<br />ก่อนที่จิตใจผมจะฟุ้งกระเจิงไปกับวิสกี้ราคาถูกที่เจือกระจายอยู่กับโซดาและน้ำแข็งยูนิต เพราะเพื่อนจัญไรยกมาชนแล้ว ชนเล่า คอยพล่ามเรื่องเล่าในอดีตอย่างสบายอารมณ์ เธอก็จับข้อมือของผม มือของเธอเย็น ผมหันไปตามเธออย่างรวดเร็ว ท่ามกลางวงปาร์ตี้ท่องอดีตกาล เธอกระซิบต่อผมว่า \"ตามมา\"<br />.<br />ผมปลีกตัวขอลาจากงานปาร์ตี้ ก่อนงานจะเลิก เพื่อตามไปพบกับเธอที่มุมหน้าบันไดของชั้นเรียน ตามที่เธอบอก ตอนนั้นเป็นเวลาสองทุ่มเศษ ผมเดินเลาะตามทางที่เคยคุ้นในวัยเด็กไป ราวกับเดินทางก้าวข้ามสะพานสู่อดีต กลับไปสู่วันวานครั้งยังเป็นเด็กกางเกงขาสั้น และก็เป็นเธอที่ยืนรอผมอยู่หน้าบันได<br />.<br />เธออยู่ในเสื้อเชิ๊ตคอปกสีขาวใส่ในกางเกงตามแบบสาวออฟฟิศทั่วไป เธอว่าเบื่อ หลังจากที่ผมถามเธอว่าออกมาจากงานทำไม โรงเรียนในยามที่ความมืดปกคลุม เป็นภาพที่ไม่ค่อยคุ้นนัก ยิ่งเป็นโรงเรียนที่เราจากมาสิบกว่าปียิ่งทำให้มันดูแปลกสิ่งที่แปลกที่สุดคือขนาดของมัน มันดูเล็กลงมากในความรู้สึก<br />.<br />เธอนำพาผมขึ้นไปบนบันไดเราสองคนกึ่งเดินกึ่งย่อง เพราะเวลาแบบนี้เป็นช่วงเวลาที่ภารโรงมักขึ้นมาตรวจตราบ้าง และเราคงไม่อยากแจ็คพอตเหมือนในอดีต เธอบอกกับผมว่าอยากย้อนรำลึกถึงเรื่องราวครั้งวันวาน สมัยที่เธอยังสวมกระโปรงสีน้ำเงิน prussian blue และผมสวมกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ultramarine<br />.<br />เราเปิดประตูของห้องเรียนชั้นประถม 5 ซึ่งอยู่ชั้นสี่ของตึก จุดนี้ไม่อยู่บนจนเกินไป และไม่ล่างจนเกินไป ภาพของเธอในคืนวันนี้ทำให้ผมหวนย้อนกลับไปถึงเย็นของวันนั้น ในวัยนั้นเราต่างอยากรู้อยากเห็น เธอเล่นอินเตอเน็ตแล้วพึ่งเรียนรู้ถึงโลกแห่งการทรมาน ส่วนผมยังอยู่ในวัยที่เปี่ยมความกระสัน<br />.<br />ในวันนั้นเราต่างเตรียมน้ำแข็งที่ซื้อมาจากร้านโชว์ห่วย เราแอบยืมหลอดทดลองวิทยาศาสตร์มาจากห้องวิทยาศาสตร์ พู่กันตราสง่า มะยุระเบอร์ 6 เบอร์ 12 เชือกป่านเส้นเล็กและที่หนีบผ้า ทุกอย่างเกิดจากความต้องการร้องขอของเธอ ผมทำหน้าที่เตรียมอุปกรณ์และเราสองคนก็ใช้ห้องเรียนประถมนี้เป็นสังเวียน<br />.<br />ผมเริ่มด้วยการมัดเธอด้วยเชือกป่าน แต่เส้นมันเล็กเกินไป ก่อนที่ผมจะแอบไปค้นเอาเทปกาวจากลิ้นชักของครูประจำชั้นมารวบมัดมือของเธอแทน ผมยกแขนทั้งสองข้างของเธอขึ้นให้เทปกาวก็ทำหน้าที่พันธนาการ ก่อนจะปลดกระดุมจากชุดนักเรียนสีขาวของเธอออกเผยให้เห็นชุดชั้นในสีแดงที่เธอเตรียมมาอย่างดี<br />.<br />ผมไม่รอช้าใช้ผ้าเช็ดหน้าที่ผมพกมาทุกวันมัดเป็นเกลียวผูกตาของเธอให้มืดสนิท ถามว่าเธอเห็นมั้ย เธอกล่าวปฏิเสธ เราสองคนเลือกมุมของห้องที่อับที่สุดเท่าที่จะอับได้เพื่อไม่ให้ภารโรง หรือครูที่เดินผ่านมองเข้ามาเห็นได้ ในตอนนี้ผมเริ่มใช้น้ำแข็งยูนิตไล้หัวนมที่ผมควักออกมาจากชั้นในแดงของเธอ<br />.<br />เธอร้อง อู้ววซ์ อ่าาซ์ อย่างพึงพอใจ ก่อนที่ผมจะเอาพู่กันมาไล้รอบหัวนมสีน้ำตาลเข้มของเธอ จมูกผมกระหน่ำดอมดมกลิ่นสาบสาวจากรักแร้ใต้วงแขนเสื้อของเธอ กลิ่นที่ยังคงติดอยู่ในโสตสัมผัสของผมตราบจนถึงคืนวันนี้ ในวันนั้นผมเริ่มปลดเปลื้องกระโปรงนักเรียนของเธอและรูดเอากางเกงในสีแดงลงเล็กน้อย<br />.<br />สิ่งที่ผมไม่เคยได้เห็น เป็นครั้งแรก และเป็นครั้งเดียวในชีวิต คือคลิตอริสของเธอบวมเป่ง จากสีชมพูอ่อนกลายเป็นสีชมพูสดเกือบแดง ผมเอาพู่กันเบอร์ 6 มาทาสลับกับก้อนน้ำแข็งสร้างความเสียวสะท้านต่อเธออย่างรุนแรง ลำตัวเธอบิดไปมา และพยายามกลั้นไม่ให้เสียงเสียวสุดขีดหลุดออกไปนอกจากห้องเรียน<br />.<br />ผมใช้ที่หนีบผ้าหนีบหัวนมสีน้ำตาลเข้มของเธอ เธอหลุดร้องซี๊ด แล้วตามด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่น้ำแข็งจะละลายจนหมด ผมเอาหลอดทดลองวิทยาศาสตร์แช่ลงจนเย็นเฉียบ แล้วค่อยๆยัดมันเข้าไปในช่องคลอดของเธอ พอแท่งแก้วนั้นเสียบเข้าไป เอวเธอกระเด้งรับโดยอัตโนมัติ และโยกเข้า-ออกรับกับแท่งแก้วสวาทนั้น<br />.<br />ผมใช้กางเกงในของเธอรัดแท่งแก้วนั้นไว้ ขึงตรึงไว้กับช่องคลอด ยันแช่เอาไว้ให้เธอเสียวสุดใจ ที่หนีบผ้าพลาสติกราคาถูกห้อยต่องแต่ง ผมเริ่มใช้เทปกาวของคุณครูประถมมารัดข้อเท้า ในตอนนี้ เธอเริ่มร้องอย่างทุรนทุราย นี่คือนาฏกรรมวิตถารครั้งแรกในชีวิตของเราสองคน ผมมองและดอมดม และกัดเธอต่อไป<br />.<br />เราต่างเป็นคนแรกของกันและกัน เราต่างเป็นมือสมัครเล่นของกันและกัน เราต่างอยากรู้อยากลองและร่วมเต้นระบำขาดๆเกินๆไปด้วยกัน และเช่นเดียวกันกับคืนนี้ คืนที่เราต่างไม่ได้เตรียมตัว เตรียมใจ ไม่มีน้ำแข็ง ไม่มีไม้หนีบเสื้อ ไม่มีหลอดแก้ว ไม่มีชุดนักเรียน มีเพียงเราสองคนที่บังเอิญมาพบกัน<br />.<br />หลังจากที่เราจุมพิตอย่างแผ่วเบา เธอเริ่มเร่งเร้า และปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีดำของผมออก และเริ่มระดมจูบหน้าอกผมไล่ไปจนถึงท้องน้อย และเริ่มรูดซิบออก เธอคนเดิมกับที่ผมเคยทรมานกลางห้องเรียนแห่งนี้ ห้องเรียนแห่งเดียวกันที่เคยสอนบทเรียนรสรักร้อนฉ่า วิชาพันธนาการศึกษา 101 ที่ผมและเธอถวิลหา<br />.<br />เธอขึ้นคร่อมผม และเริ่มเอาดุ้นที่แข็งเต็มที่ไปสวมใส่ เธอร้องอ้าาาซ์ อย่างมีความสุข และเริ่มโยก เยก โยก เยก ผมพยายามจะปลดกระดุมของเธอแต่เธอปัดมือผมออก แล้วปลดกระดุมด้วยมือตัวเอง เธอไม่ให้ผมทำสิ่งใด นอกไปจากทำตามสิ่งที่เธอต้องการ เธอปลดชั้นในสีขาวและเหวี่ยงทิ้งไปกับพื้นและโยกต่อไป<br />.<br />เธอหยิบคว้าเอาเทปกาวจากลิ้นชักไม้ของเด็กนักเรียนมาตอนไหนไม่ทราบได้ แต่เธอเอามามัดข้อมือของผม และดึงเอาเนคไทผ้าไหมสีเทาลายขวางของผมมาผูกตาผม เธอยังคงโยกผมต่อไป และดูเหมือนจะเร่งเร้าจังหวะให้แรงขึ้น แรงขึ้น ผมร้องอู้ว อ้า อย่างมีความสุข และในทันทีที่ผมจะแตกใส่ช่องคลอดของเธอนั้น<br />.<br />เธอกลับลุกขึ้นยืน ผมบิดตัวไปมาแบบหนอน แล้วบอกว่าทำไมล่ะ ต่อสิ ต่อ เธอเงียบผมไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน ก่อนที่จะเลิกเนคไทที่ผูกตาผมออกมาผูกกับปากไม่ให้ผมเอ่ยวาจาใดๆได้ พูดยังคงพูดอู้อี้อ้อนวอนให้เธอกลับมา เสียบผมต่อ ในตอนนี้เธออยู่ในร่างเปลือยเปล่าและยืนจ้องมองที่ผมซึ่งดิ้นทุรนทุราย<br />.<br />เธอมองผมนิ่งเงียบแล้วเดินไปค้นหาหนังสือ และสมุดใต้ลิ้นชักของนักเรียน ลี้นชักแล้ว ลิ้นชักเล่า ก่อนจะพบสิ่งที่เธอต้องการ เธอหยิบมันมาที่ผม ในห้องมืดทึบ มีเพียงแสงจากโคมไฟภายนอกส่องให้เห็นบ้าง เธอในร่างเปลือยเปล่าสูงโปร่งเดินไปมารอบกายที่ดิ้นพล่านกับพื้นกระเบื้องสีฟ้าอ่อนของผม<br />.<br />สิ่งที่เธอหาได้จากลิ้นชักไม้ของเด็กประถมคือคลิปหนีบกระดาษสีดำตัวเล็กกำมือหนึ่ง เธอนำมันมาหนีบกับหัวนมของผมทั้งสองข้าง และใช้มันหนีบเข้ากับหูอีกสองข้างของผม ผมร้องอู้อี้อย่างเจ็บปวด น้องชายผมเริ่มหดตัว แต่ยังไม่ทันจะสงบลงเธอก็ใช้มือและปากปลุกปล้ำมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง !<br />.<br />แท่งนั้นถูกยัดเข้าไปที่ปากของเธอ ลิปสติกสีแดงกับปากอันอวบอิ่มบรรจงจูบและดูด และย้อนดูดที่พวงสวรรค์ด้านล่างต่อ ผมร้องอู้ๆ จนมันตั้งตัวตรงอีกครั้ง เธอชักมันสักพัก ก่อนจะเริ่มสอดใส่ช่องคลอดของเธออีกครั้ง เธอทำมันเหมือนกับผมเป็นของเล่น และน้องชายผมคือเครื่องไวเบรเตอร์ที่กด ON/OFF ได้<br />.<br />เธอโยกเครื่องเล่นของเธอต่อไป บดขยี้อย่างพึงพอใจ ร่อนเอวดั่งหนุ่มน้อยผู้ควบเครื่องเล่นกระทิงโชว์พาวให้สาวๆเห็น เธอจิกกินเนื้อหนังของผม เธอขบหน้าอกของผมและเขี่ยที่หนีบกระดาษสีดำบนหัวนมผมอย่างมีความสุข ไม่นานหลังจากนั้นเธอเสร็จ และน้ำเธอแตกพุ่งพล่านลงบนพุงของผม แต่ผมยังไม่เสร็จ!<br />.<br />ผมส่งสายตาบอกกับเธอ อ้อนวอนให้เธอขึ้นต่ออีก และเธอก็ทำ ผมพยักหน้าเป็นการขอบคุณ ตอนนี้หูผมชาด้วยฤทธิ์ของแผงหนีบกระดาษที่เธอหนีบไว้กับหูผม แต่ผมไม่สนอะไรอีกแล้วผมต้องการที่จะหลั่ง แบบเดียวกับที่เธอเพิ่งเสร็จ แต่ในทันทีที่ผมใกล้จะหลั่ง เธอก็หยุดและลุกขึ้นยืน ผมช็อค! และบิดตัวไปมา<br />.<br />ผมไม่เหลืออำนาจในการเจรจาต่อรอง ขาดไร้ซึ่งอธิปไตย น้ำตาผลเริ่มไหล เธอนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ และค่อยๆเอนหน้าเข้ามามองแววตาที่น้ำตาไหลย้อยของผม ก่อนจะบอกต่อผมว่า \"ลาก่อน\" ผมร้องอู้อี้สะบัดมือและเท้าไปมา ก่อนที่เธอจะเดินเปลือยเปล่าออกไปจากห้องประตูของห้องเรียนถูกปิด ผมค่อยๆมองเธอจากไป<br />.<br />หลังจากวันเลี้ยงรุ่นวันนั้นผมไม่ได้พบเจอเธออีก<br />ผมไม่ได้แวะไปที่โรงเรียนเก่านั้นเลย เป็นเวลาหลายปีแล้ว เมื่อถามไถ่เพื่อนที่พอรู้จักเธอบ้าง ก็ได้เพียงข้อมูลเก่า และสุดท้ายคำถามของคำตอบก็มักลงเอยด้วยประโยคที่ว่า เธอเป็นคนเก็บตัว ไม่มีใครพบเจอเธออีก จนกว่าจะมีงานเลี้ยงรุ่นอีกครั้ง",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1110450030591922176",
"published": "2020-05-22T06:11:57+00:00",
"source": {
"content": "Classroom\n.\nผมไม่ได้พบเจอกับเธอตั้งแต่เราเรียนจบไปหลายปีแล้ว\nไม่ๆเกินสิบกว่าปีแล้ว ที่ไม่ได้พบเจอกัน หลังจากงานปัจฉิมนิเทศ เคล้าน้ำตา งานเลี้ยงรุ่นปีไหนๆผมไม่ค่อยจะแยแสกลับมา ด้วยเพราะงานการและความรับผิดชอบ หรือเป็นเพราะวันสุดท้ายที่เราแยกจากกันล้วนเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่น่าจดจำก็ตามที\n.\nผมลืมไปแล้ว ผมลืมมันไปนานแล้วล่ะ คุณก็รู้ว่าไม่ใช่กาลเวลาหรอกที่ทำให้เราลืม แต่เป็นเราเองนี่แหละที่ลืมเลือนมันไปอย่างช้าๆ จากเรื่องที่เคยกระทำชำเราจิตใจเราจนชอกช้ำ กลับแปรสภาพกลายเป็นเพียงเรื่องเล่าขบขันที่ถูกแต่งแต้มเสียจนผิดรูปหรือต้องอาญาพาร์กินสันให้ปลาศนาการไปในวันใดวันหนึ่ง\n.\nเย็นย่ำวันนั้นในโถงอาคารโรงยิม คืองานคืนสู้เหย้า ที่เย้ายวนให้ความทรงจำผมกลับสู่เหย้าเคล้าความรู้สึกในวันเยาว์อีกครั้ง เธอนั่งอยู่ที่ฟากฝั่งตรงข้ามของโต๊ะจีน ผมจำบรรยากาศใดๆของงานในวันนั้นได้เพียงน้อยนิด เพื่อนฝูงที่พาลูกเต้ามาวิ่งให้ยั้วเยี้ย คำถามถึงหน้าที่การงานอวดร่ำ อวดรวย\n.\nเพื่อนคนนั้นได้กับคนนี้ก่อนที่คนนี้จะเลิกแล้วไปได้กับเพื่อนห้องข้างๆ ส่วนเพื่อนคนนั้นคนแรกกลับไปแต่งงานกับน้องของเพื่อนที่กำลังเล่า และตอนนี้ก็กลับมาหย่ากันอีกแล้วเพราะไปกันไม่รอด ฟังๆดูแล้วก็เพลิดเพลินดีแทนคนที่ได้ทดลองเปลี่ยนคู่นอนไปกับเขาด้วย ผมฟังเป็นรองแต่ผมมองที่เธอเป็นหลัก\n.\nแม้ก่อนหน้านี้ผมจะลืมเธอไป หรือแกล้งคิดว่ามันหายไปจากความทรงจำผมไปแล้ว แต่การปรากฏตัวของเธอในงานเลี้ยงคืนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายนัก เพื่อนมักชอบบอกว่าเธอเป็นคนเก็บตัว ทุกครั้งที่มีคนถามถึงเธอ บางคนก็พูดว่าเธอได้กับเพื่อนคนนั้น บางคนก็บอกว่าเธอลงเอยกับเพื่อนตอนมหาลัย\n.\nตลอดงานผมทักทายครูเก่าๆที่ยังคงสอนในโรงเรียนอยู่ โรงเรียนอุปมาได้ดั่งนาวาลำเขื่องที่ไหลแล่นอยู่บนห้วงมหรรณพ ผู้คนที่มีความสัมพันธ์ในนาวาลำเขื่องนี้ยังคงผูกพันธ์กันผ่านความทรงจำของวันวานหลายชีวิตสำเร็จการศึกษาไป ขณะที่หลายชีวิตยังคงสอนนักเรียน หลายชีวิตเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน\n.\nขณะที่หลายชีวิตยังคงติดหล่มกับงานสับปะรังเค\nหลายชีวิตให้กำเนิดชีวิตใหม่\nขณะที่หลายชีวิตเดินทางจากโลกนี้ไปแสนไกล\nหลายชีวิตต่อสู้ดิ้นรนจนประสบความสำเร็จ\nขณะที่หลายชีวิตยังคงต่อสู้ และชีวิตยังคงแดดิ้นอยู่ โรงเรียนยังคงชื่อเดิม ที่อยู่เดิม กองอิฐปูนเดิม ปรับเปลี่ยนบ้างตามสภาพ\n.\nแต่ยังมีการก้าวเดินทางอีกมากที่ไม่อาจปรากฏอยู่ในบทสนทนา แต่เพียงมองแววตาก็พอเข้าใจ ผู้คนที่ไม่พานพบมาหลายปี เมื่อได้เจอกันคำพูดนั้นไม่อาจเติมเต็มความรู้สึกโหยหา เรื่องราวคงมีให้เล่าได้ไม่มีวันหมด และหลายสิ่งไม่อาจสัมผัสได้ด้วยตาเปล่า และหนึ่งในสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือแววตาของเธอ\n.\nไม่ว่ารอยยิ้มเธอจะเปลี่ยนไปแค่ไหน รอยตีนกาที่เริ่มปรากฏ แก้มที่เปลี่ยนไปจากการฉีดโบท็อกเล็กน้อย นิ้วมือเรียวเล็กที่ได้รับการดูแลให้ชุ่มฉ่ำ ใบหน้าที่ถูกประทินด้วยเครื่องสำอางค์มีชื่อ แต่ภายใต้มายาการแต่งเติมเหล่านั้นยังมีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป สิ่งนั้นคือแววตาเป็นประกาย\n.\nก่อนที่จิตใจผมจะฟุ้งกระเจิงไปกับวิสกี้ราคาถูกที่เจือกระจายอยู่กับโซดาและน้ำแข็งยูนิต เพราะเพื่อนจัญไรยกมาชนแล้ว ชนเล่า คอยพล่ามเรื่องเล่าในอดีตอย่างสบายอารมณ์ เธอก็จับข้อมือของผม มือของเธอเย็น ผมหันไปตามเธออย่างรวดเร็ว ท่ามกลางวงปาร์ตี้ท่องอดีตกาล เธอกระซิบต่อผมว่า \"ตามมา\"\n.\nผมปลีกตัวขอลาจากงานปาร์ตี้ ก่อนงานจะเลิก เพื่อตามไปพบกับเธอที่มุมหน้าบันไดของชั้นเรียน ตามที่เธอบอก ตอนนั้นเป็นเวลาสองทุ่มเศษ ผมเดินเลาะตามทางที่เคยคุ้นในวัยเด็กไป ราวกับเดินทางก้าวข้ามสะพานสู่อดีต กลับไปสู่วันวานครั้งยังเป็นเด็กกางเกงขาสั้น และก็เป็นเธอที่ยืนรอผมอยู่หน้าบันได\n.\nเธออยู่ในเสื้อเชิ๊ตคอปกสีขาวใส่ในกางเกงตามแบบสาวออฟฟิศทั่วไป เธอว่าเบื่อ หลังจากที่ผมถามเธอว่าออกมาจากงานทำไม โรงเรียนในยามที่ความมืดปกคลุม เป็นภาพที่ไม่ค่อยคุ้นนัก ยิ่งเป็นโรงเรียนที่เราจากมาสิบกว่าปียิ่งทำให้มันดูแปลกสิ่งที่แปลกที่สุดคือขนาดของมัน มันดูเล็กลงมากในความรู้สึก\n.\nเธอนำพาผมขึ้นไปบนบันไดเราสองคนกึ่งเดินกึ่งย่อง เพราะเวลาแบบนี้เป็นช่วงเวลาที่ภารโรงมักขึ้นมาตรวจตราบ้าง และเราคงไม่อยากแจ็คพอตเหมือนในอดีต เธอบอกกับผมว่าอยากย้อนรำลึกถึงเรื่องราวครั้งวันวาน สมัยที่เธอยังสวมกระโปรงสีน้ำเงิน prussian blue และผมสวมกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ultramarine\n.\nเราเปิดประตูของห้องเรียนชั้นประถม 5 ซึ่งอยู่ชั้นสี่ของตึก จุดนี้ไม่อยู่บนจนเกินไป และไม่ล่างจนเกินไป ภาพของเธอในคืนวันนี้ทำให้ผมหวนย้อนกลับไปถึงเย็นของวันนั้น ในวัยนั้นเราต่างอยากรู้อยากเห็น เธอเล่นอินเตอเน็ตแล้วพึ่งเรียนรู้ถึงโลกแห่งการทรมาน ส่วนผมยังอยู่ในวัยที่เปี่ยมความกระสัน\n.\nในวันนั้นเราต่างเตรียมน้ำแข็งที่ซื้อมาจากร้านโชว์ห่วย เราแอบยืมหลอดทดลองวิทยาศาสตร์มาจากห้องวิทยาศาสตร์ พู่กันตราสง่า มะยุระเบอร์ 6 เบอร์ 12 เชือกป่านเส้นเล็กและที่หนีบผ้า ทุกอย่างเกิดจากความต้องการร้องขอของเธอ ผมทำหน้าที่เตรียมอุปกรณ์และเราสองคนก็ใช้ห้องเรียนประถมนี้เป็นสังเวียน\n.\nผมเริ่มด้วยการมัดเธอด้วยเชือกป่าน แต่เส้นมันเล็กเกินไป ก่อนที่ผมจะแอบไปค้นเอาเทปกาวจากลิ้นชักของครูประจำชั้นมารวบมัดมือของเธอแทน ผมยกแขนทั้งสองข้างของเธอขึ้นให้เทปกาวก็ทำหน้าที่พันธนาการ ก่อนจะปลดกระดุมจากชุดนักเรียนสีขาวของเธอออกเผยให้เห็นชุดชั้นในสีแดงที่เธอเตรียมมาอย่างดี\n.\nผมไม่รอช้าใช้ผ้าเช็ดหน้าที่ผมพกมาทุกวันมัดเป็นเกลียวผูกตาของเธอให้มืดสนิท ถามว่าเธอเห็นมั้ย เธอกล่าวปฏิเสธ เราสองคนเลือกมุมของห้องที่อับที่สุดเท่าที่จะอับได้เพื่อไม่ให้ภารโรง หรือครูที่เดินผ่านมองเข้ามาเห็นได้ ในตอนนี้ผมเริ่มใช้น้ำแข็งยูนิตไล้หัวนมที่ผมควักออกมาจากชั้นในแดงของเธอ\n.\nเธอร้อง อู้ววซ์ อ่าาซ์ อย่างพึงพอใจ ก่อนที่ผมจะเอาพู่กันมาไล้รอบหัวนมสีน้ำตาลเข้มของเธอ จมูกผมกระหน่ำดอมดมกลิ่นสาบสาวจากรักแร้ใต้วงแขนเสื้อของเธอ กลิ่นที่ยังคงติดอยู่ในโสตสัมผัสของผมตราบจนถึงคืนวันนี้ ในวันนั้นผมเริ่มปลดเปลื้องกระโปรงนักเรียนของเธอและรูดเอากางเกงในสีแดงลงเล็กน้อย\n.\nสิ่งที่ผมไม่เคยได้เห็น เป็นครั้งแรก และเป็นครั้งเดียวในชีวิต คือคลิตอริสของเธอบวมเป่ง จากสีชมพูอ่อนกลายเป็นสีชมพูสดเกือบแดง ผมเอาพู่กันเบอร์ 6 มาทาสลับกับก้อนน้ำแข็งสร้างความเสียวสะท้านต่อเธออย่างรุนแรง ลำตัวเธอบิดไปมา และพยายามกลั้นไม่ให้เสียงเสียวสุดขีดหลุดออกไปนอกจากห้องเรียน\n.\nผมใช้ที่หนีบผ้าหนีบหัวนมสีน้ำตาลเข้มของเธอ เธอหลุดร้องซี๊ด แล้วตามด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่น้ำแข็งจะละลายจนหมด ผมเอาหลอดทดลองวิทยาศาสตร์แช่ลงจนเย็นเฉียบ แล้วค่อยๆยัดมันเข้าไปในช่องคลอดของเธอ พอแท่งแก้วนั้นเสียบเข้าไป เอวเธอกระเด้งรับโดยอัตโนมัติ และโยกเข้า-ออกรับกับแท่งแก้วสวาทนั้น\n.\nผมใช้กางเกงในของเธอรัดแท่งแก้วนั้นไว้ ขึงตรึงไว้กับช่องคลอด ยันแช่เอาไว้ให้เธอเสียวสุดใจ ที่หนีบผ้าพลาสติกราคาถูกห้อยต่องแต่ง ผมเริ่มใช้เทปกาวของคุณครูประถมมารัดข้อเท้า ในตอนนี้ เธอเริ่มร้องอย่างทุรนทุราย นี่คือนาฏกรรมวิตถารครั้งแรกในชีวิตของเราสองคน ผมมองและดอมดม และกัดเธอต่อไป\n.\nเราต่างเป็นคนแรกของกันและกัน เราต่างเป็นมือสมัครเล่นของกันและกัน เราต่างอยากรู้อยากลองและร่วมเต้นระบำขาดๆเกินๆไปด้วยกัน และเช่นเดียวกันกับคืนนี้ คืนที่เราต่างไม่ได้เตรียมตัว เตรียมใจ ไม่มีน้ำแข็ง ไม่มีไม้หนีบเสื้อ ไม่มีหลอดแก้ว ไม่มีชุดนักเรียน มีเพียงเราสองคนที่บังเอิญมาพบกัน\n.\nหลังจากที่เราจุมพิตอย่างแผ่วเบา เธอเริ่มเร่งเร้า และปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีดำของผมออก และเริ่มระดมจูบหน้าอกผมไล่ไปจนถึงท้องน้อย และเริ่มรูดซิบออก เธอคนเดิมกับที่ผมเคยทรมานกลางห้องเรียนแห่งนี้ ห้องเรียนแห่งเดียวกันที่เคยสอนบทเรียนรสรักร้อนฉ่า วิชาพันธนาการศึกษา 101 ที่ผมและเธอถวิลหา\n.\nเธอขึ้นคร่อมผม และเริ่มเอาดุ้นที่แข็งเต็มที่ไปสวมใส่ เธอร้องอ้าาาซ์ อย่างมีความสุข และเริ่มโยก เยก โยก เยก ผมพยายามจะปลดกระดุมของเธอแต่เธอปัดมือผมออก แล้วปลดกระดุมด้วยมือตัวเอง เธอไม่ให้ผมทำสิ่งใด นอกไปจากทำตามสิ่งที่เธอต้องการ เธอปลดชั้นในสีขาวและเหวี่ยงทิ้งไปกับพื้นและโยกต่อไป\n.\nเธอหยิบคว้าเอาเทปกาวจากลิ้นชักไม้ของเด็กนักเรียนมาตอนไหนไม่ทราบได้ แต่เธอเอามามัดข้อมือของผม และดึงเอาเนคไทผ้าไหมสีเทาลายขวางของผมมาผูกตาผม เธอยังคงโยกผมต่อไป และดูเหมือนจะเร่งเร้าจังหวะให้แรงขึ้น แรงขึ้น ผมร้องอู้ว อ้า อย่างมีความสุข และในทันทีที่ผมจะแตกใส่ช่องคลอดของเธอนั้น\n.\nเธอกลับลุกขึ้นยืน ผมบิดตัวไปมาแบบหนอน แล้วบอกว่าทำไมล่ะ ต่อสิ ต่อ เธอเงียบผมไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน ก่อนที่จะเลิกเนคไทที่ผูกตาผมออกมาผูกกับปากไม่ให้ผมเอ่ยวาจาใดๆได้ พูดยังคงพูดอู้อี้อ้อนวอนให้เธอกลับมา เสียบผมต่อ ในตอนนี้เธออยู่ในร่างเปลือยเปล่าและยืนจ้องมองที่ผมซึ่งดิ้นทุรนทุราย\n.\nเธอมองผมนิ่งเงียบแล้วเดินไปค้นหาหนังสือ และสมุดใต้ลิ้นชักของนักเรียน ลี้นชักแล้ว ลิ้นชักเล่า ก่อนจะพบสิ่งที่เธอต้องการ เธอหยิบมันมาที่ผม ในห้องมืดทึบ มีเพียงแสงจากโคมไฟภายนอกส่องให้เห็นบ้าง เธอในร่างเปลือยเปล่าสูงโปร่งเดินไปมารอบกายที่ดิ้นพล่านกับพื้นกระเบื้องสีฟ้าอ่อนของผม\n.\nสิ่งที่เธอหาได้จากลิ้นชักไม้ของเด็กประถมคือคลิปหนีบกระดาษสีดำตัวเล็กกำมือหนึ่ง เธอนำมันมาหนีบกับหัวนมของผมทั้งสองข้าง และใช้มันหนีบเข้ากับหูอีกสองข้างของผม ผมร้องอู้อี้อย่างเจ็บปวด น้องชายผมเริ่มหดตัว แต่ยังไม่ทันจะสงบลงเธอก็ใช้มือและปากปลุกปล้ำมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง !\n.\nแท่งนั้นถูกยัดเข้าไปที่ปากของเธอ ลิปสติกสีแดงกับปากอันอวบอิ่มบรรจงจูบและดูด และย้อนดูดที่พวงสวรรค์ด้านล่างต่อ ผมร้องอู้ๆ จนมันตั้งตัวตรงอีกครั้ง เธอชักมันสักพัก ก่อนจะเริ่มสอดใส่ช่องคลอดของเธออีกครั้ง เธอทำมันเหมือนกับผมเป็นของเล่น และน้องชายผมคือเครื่องไวเบรเตอร์ที่กด ON/OFF ได้\n.\nเธอโยกเครื่องเล่นของเธอต่อไป บดขยี้อย่างพึงพอใจ ร่อนเอวดั่งหนุ่มน้อยผู้ควบเครื่องเล่นกระทิงโชว์พาวให้สาวๆเห็น เธอจิกกินเนื้อหนังของผม เธอขบหน้าอกของผมและเขี่ยที่หนีบกระดาษสีดำบนหัวนมผมอย่างมีความสุข ไม่นานหลังจากนั้นเธอเสร็จ และน้ำเธอแตกพุ่งพล่านลงบนพุงของผม แต่ผมยังไม่เสร็จ!\n.\nผมส่งสายตาบอกกับเธอ อ้อนวอนให้เธอขึ้นต่ออีก และเธอก็ทำ ผมพยักหน้าเป็นการขอบคุณ ตอนนี้หูผมชาด้วยฤทธิ์ของแผงหนีบกระดาษที่เธอหนีบไว้กับหูผม แต่ผมไม่สนอะไรอีกแล้วผมต้องการที่จะหลั่ง แบบเดียวกับที่เธอเพิ่งเสร็จ แต่ในทันทีที่ผมใกล้จะหลั่ง เธอก็หยุดและลุกขึ้นยืน ผมช็อค! และบิดตัวไปมา\n.\nผมไม่เหลืออำนาจในการเจรจาต่อรอง ขาดไร้ซึ่งอธิปไตย น้ำตาผลเริ่มไหล เธอนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ และค่อยๆเอนหน้าเข้ามามองแววตาที่น้ำตาไหลย้อยของผม ก่อนจะบอกต่อผมว่า \"ลาก่อน\" ผมร้องอู้อี้สะบัดมือและเท้าไปมา ก่อนที่เธอจะเดินเปลือยเปล่าออกไปจากห้องประตูของห้องเรียนถูกปิด ผมค่อยๆมองเธอจากไป\n.\nหลังจากวันเลี้ยงรุ่นวันนั้นผมไม่ได้พบเจอเธออีก\nผมไม่ได้แวะไปที่โรงเรียนเก่านั้นเลย เป็นเวลาหลายปีแล้ว เมื่อถามไถ่เพื่อนที่พอรู้จักเธอบ้าง ก็ได้เพียงข้อมูลเก่า และสุดท้ายคำถามของคำตอบก็มักลงเอยด้วยประโยคที่ว่า เธอเป็นคนเก็บตัว ไม่มีใครพบเจอเธออีก จนกว่าจะมีงานเลี้ยงรุ่นอีกครั้ง",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/entities/urn:activity:1110450030591922176/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/entities/urn:activity:1110449041095639040",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892",
"content": "Husband<br />.<br />สวัสดีครับ<br />ผมเป็นสามีของเธอ<br />สามีคนที่เคยปักศรรักใส่เธอด้วยกอดที่อบอุ่น<br />สามีคนที่เคยมอบการดูแลต่อเธอด้วยทุกสิ่งที่ผมมี<br />สามีคนที่มองว่าภรรยาคือรักแท้ที่ตนวางใจ<br />สามีคนที่คิดว่ารักของตนสมบูรณ์พร้อม<br />ผมเคยคิดว่าผมเป็นทุกอย่างของเธอ<br />ผิดก็เพียง วันที่ผมได้จากโลกนี้ไป<br />วันนั้น วันที่ผมตกลงไปจากยอดเขานั้น<br />ผมไม่รู้สึกตัวใดๆ ผมรู้เพียงว่าก่อนหน้านั้น<br />ผมต้องการเพียงการปีนเขาเพียงลำพัง<br />เป็นกิจกรรมคลายอารมณ์แบบคนทั่วไป<br />เช่นเดียวกับที่เลขาผมลาไปพักใจที่หัวหิน<br />ยอดผาสูงตระหง่าน เย้ยเยาะให้คนอย่างผมพิชิต<br />การได้อยู่ท่ามกลางพงไพรไร้นามช่วยทำให้ผมเป็นอิสระ<br />วาระสุดท้ายของผมไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าอุบัติเหตุทั่วไปที่เกิดขึ้นได้จากการเดินป่า ความเสี่ยงภัยที่เราไม่อาจเลี่ยง เริ่มต้นตั้งแต่ผมเลือกซื้อบู๊ทสนามเมื่อหลายปีก่อน <br />การที่เราตัดสินใจทำอะไร <br />ก็เท่ากับว่าเราอนุญาติให้เกิดความเสี่ยงที่จะสูญเสีย <br />เช่นเดียวกันกับวันที่ผมขอเธอแต่งงาน<br />ทุกชีวิตมักไขว่คว้าหาความสมบูรณ์แบบ กาฝากต้นติ้วดำรงภาวะปรสิต บนต้นมัมปัต เพราะต้องการอิงอาศัยชอนไช เกาะเกี่ยวรับกับแสงแดด มนุษย์ทุกคนก็ล้วนตั้งอยู่กับจุดในอุดมคติตามศักยภาพที่ตัวเองพึงมีกันทั้งนั้น ตามความเข้าใจของผม ความสัมพันธ์ระหว่างผมและเธอเป็นไปในรูปแบบเกื้อกูลกันเสมอ<br />ภายหลังจากที่ร่างไร้วิญญาณของผมถูกพบ พิธีกรรมก็ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ท่ามกลางความเศร้าสลดของมิตรสหายในรูปแบบที่จริงใจ และแสร้งว่าให้มันเป็นไป เธอปรากฏกายในงานของผมในชุดเดรสสีดำ ชายลูกไม้ เธอแต่งหน้าเบาบาง แววตาเรียบเฉย เธอกำลังคุยกับทนายถึงเรื่องวุ่นๆของสิทธิในทรัพย์สินประดามี<br />เมื่อคุณตายไปแล้ว ผู้คนไม่ได้สนใจถึงรูปแบบของรองเท้าหนังที่คุณสวมใส่ ชื่อเมืองของห้องเสื้อสูทที่คุณใช้ รสนิยมในการฟังเพลงของคุณ หรือสิ่งที่คุณต้องทำตามมารยาทเวลาคุณพบปะกับใคร สิ่งที่คนจดจำคุณคือ ความรู้สึก ที่เขามีต่อคุณ ผมอยากให้คุณมายืนอยู่แบบเดียวกับผม แล้วมองไปที่พวกเขา<br />และความรู้สึกที่เพื่อนของผมจะมีต่อผม ก็ไม่ได้สำคัญอะไรนัก สิ่งที่ทำให้ผมยังไม่ไปไหนอยู่ตอนนี้ คือความรู้สึกที่ \"เธอ\" มีต่อผมต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของผม คืนนั้นหลังจากพิธีกรรมประโลมโลกในคืนแรกเสร็จสิ้น ผมแฝงตัวมองเธออยู่กับเกลียวของม่านที่บ้านของเรา เป็นคืนแรกที่ผมเห็น \"เขา\"<br />เขาเดินมาพร้อมกับถุงสีดำขลับ เธอยิ้มอย่างดีใจเป็นการตอบรับ ขณะเปิดประตูให้เขาเข้ามา เป็นรอยยิ้มเฉพาะเวลาเธอเปี่ยมสุข รอยยิ้มที่ขาดหายไปคือจุดเริ่มต้นของความโดดเดี่ยวในใจของผมมาช้านาน เขาเดินผ่านเธอเข้าไปที่ห้องรับแขกของเราอย่างคล่องแคล่ว เธอตามเขาไปอย่างเด็กกระหายวิ่งตามรถไอศกรีม<br />เขาแกะถุงสีดำนั้นลงบนโต๊ะไม้สักกลางบ้านอย่างพิถีพิถัน เผยให้เห็นเชือกใยยักษ์สีน้ำตาลอ่อน ภาพที่อยู่ตรงหน้าของผมคือเธอผู้เป็นภรรยาม่ายของผมจับมือของเขาไล่ไล้ขึ้นไปที่ไหล่ และมือทั้งสองข้างของเธอเริ่มโอบกอดเขาจากด้านหลัง และล้วงเข้าไปในกางเกงยีนส์สีเข้ม มือของเธอบีบรัดเป้านั้นจนตุง<br />มัน! บีบปากเธออย่างหนัก ก่อนจะดึงเอาลิ้นของเธอมานวดเค้นคลึงด้วยรสกามที่หยาบโลน เธอถกทิ้งเสื้อยืดเผยให้เห็นมัดกล้ามและรอยสักที่ไหล่ขวาลายอัปปรีย์ของมัน ตอนนี้ตัวผมชาไปทั้งตัว น้ำตาผมเริ่มไหลริน ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ มีเพียงเกลียวม่านที่ไหววูบไปกับลม มันจับเธอคว่ำลงแล้วรูดซิปลง<br />ชุดเดรสสีดำของเธอถูกมันรูดซิปลงอย่างกับสัตว์กระหาย ถกบ่าเสื้อออกเผยไหล่สีขาวอันบอบบาง สองมือของมันตะปบเอา ตะปบเอาแบบเสือขย้ำกวางก่อนรูดเดรสจนลูกไม้ขาดออกในครั้งเดียว อย่างกับรูดหนังออกจากขาไก่ เธอร้องอย่างทุรนทุราย น้ำตาเธอเริ่มไหล ไม่ต่างอะไรกับผม และแล้วเธอก็เรียกชื่อของผม<br />ทำไมกัน ทำไมเธอต้องร้องเรียกชื่อของผม หรือเธอกำลังโดนมันข่มขืน ไม่สิ เป็นมัน เป็นมัน ที่เธอต้องการต่างหาก แต่เป็นเธอที่ไม่อาจปิดบังความรู้สึกในจิตใจลงไปได้ ถึงพูดชื่อผมออกมาแบบนั้น บัดนี้ตัวของเธอบิดหงิกงออยู่กับพื้นหินอ่อน ปากของเธอกัดกับพรมและตัวของเธอกำลังเริ่มถูกพันธนาการ !<br />มันเริ่มใช้เชือกคล้องเข้ากับคอของเธอ สอดเข้ากับไหล่ และผูกเน้นที่ราวนมหลายชั้นบีบรัดให้นมเล็กๆนั้นเปล่งปั่งขึ้นด้วยสายเชือก ข้อมือทั้งสองข้างถูกรัดไว้อย่างแน่นหนา มันผูกปมให้เชือกอ้อมรัดกับน้องสาวของเธอ มันฉีกเอากางเกงในที่ปลดออกของเธอมารัดปากไว้จนเธอพูดอู้อี้ น้ำลายหยดย้อย<br />ร่างอันกระสันสั่นพั่บอยู่ตรงหน้าของมัน<br />ร่างที่หงิกงอด้วยเชือกใยยักษ์คอยรัดรึงให้กลายเป็นกุ้ง<br />ที่ร้องอู้อี้อยู่บนพื้นหินอ่อนเย็นเยียบอย่างน่าเวทนา<br />มันเอียงคอมองเธอด้วยสีหน้านิ่งเรียบก่อนฟาดที่บั้นท้าย<br />ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีเพียงน้ำลายฟู่ฟอดคือคำตอบของความรุนแรง<br />ความรุนแรงที่เธอโหยหา<br />ความรุนแรงที่ไม่เคยได้จากผม<br />สัมผัสแห่งความดิบเถื่อนที่ผมไม่อาจหยิบยื่นให้<br />มีเพียงไอ้กาฝากที่คอยรัด คอยทึ้งต้นมัมปัตของเรา<br />ปรสิตที่หากินกับความสูญเสีย และช่องว่างของผัวเมียที่ไม่อาจได้รับการเติมเต็ม ในสายตาเธอ มันคือผู้ปลดเปลื้องวิญญาณที่เธอถูกผมจองจำมาแสนนานด้วยนามของความมั่นคง<br />มันฟาดเธออย่างพึงพอใจ ก่อนแกะเอากางเกงในที่รัดปากเธอออกแล้วถามว่า \"เอาอีกมั้ย\" เธอตอบอย่างไม่คิดว่า ลงโทษเธออีก อย่าได้หยุดเลย หนูเป็นของพี่แล้ว หนูเป็นของผมแล้ว เป็นอีกครั้งที่เธอพูดชื่อของผม พูดชื่อผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกครั้งที่มันบีฑาอย่างไม่ปราณียิ่งฟาดยิ่งพูด ยิ่งเฆี่ยนยิ่งพอใจ<br />ผิวหนังของเธอเต็มไปด้วยรอยแดง จากรอยตีด้วยมือ และเลือดไหลซิบจากรอยข่วน ที่มันจิกทึ้ง เธอไม่มีทีท่าจะยอมแพ้ แล้วยอมศิโรราบ กลับต้องการมันอีก กลับต้องการให้มันทารุณต่อเรือนร่างของเธอที่เธอไม่เคยได้รับจากผม มันพึงใจที่จะเอียงมองแววตาแดงก่ำของเธอก่อนที่จะยิ้มอย่างพึงใจแล้วกล่าวขอบคุณ<br />ผมมองดูกิจกรรมอัปปรีย์นั้นอยู่ตลอดทั้งคืน <br />บัดนี้น้ำตาของผมแห้งสลายไปแล้ว<br />ผมรู้แล้วว่าอะไรที่เธอต้องการ<br />ความสมบูรณ์แบบ ความมั่นคง เกียรติยศ เงินทอง<br />ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่า ความรู้สึก ใบหน้าของผมเริ่มยิ้ม สายลมบนยอดเขาที่ผมผละมือตกลง ความต้องการของเธอและความรุนแรง ผมมองเปี่ยมสุข<br />แสงแดดฉายฉานเข้ามาในบ้านของเรา<br />ผ้าม่านสีขาว คู่เคียงกับสีเทาซ้อนปลิวไสวคล้ายกับคู่สมรสที่ไม่มีวันลงตัว เธอนั่งอยู่บนม้านั่งของห้องนั่งเล่น ลานหินกรวดแม่น้ำกลมมนสีเข้มคือภูมิทัศน์ที่เธอมองเหม่อออกไป บัดนี้เขาจากไปแล้ว เหลือเพียงผมที่คอยเฝ้ามองเธออยู่ห่างๆก่อนจะยิ้มและจางหายไป",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1110449041095639040",
"published": "2020-05-22T06:08:01+00:00",
"source": {
"content": "Husband\n.\nสวัสดีครับ\nผมเป็นสามีของเธอ\nสามีคนที่เคยปักศรรักใส่เธอด้วยกอดที่อบอุ่น\nสามีคนที่เคยมอบการดูแลต่อเธอด้วยทุกสิ่งที่ผมมี\nสามีคนที่มองว่าภรรยาคือรักแท้ที่ตนวางใจ\nสามีคนที่คิดว่ารักของตนสมบูรณ์พร้อม\nผมเคยคิดว่าผมเป็นทุกอย่างของเธอ\nผิดก็เพียง วันที่ผมได้จากโลกนี้ไป\nวันนั้น วันที่ผมตกลงไปจากยอดเขานั้น\nผมไม่รู้สึกตัวใดๆ ผมรู้เพียงว่าก่อนหน้านั้น\nผมต้องการเพียงการปีนเขาเพียงลำพัง\nเป็นกิจกรรมคลายอารมณ์แบบคนทั่วไป\nเช่นเดียวกับที่เลขาผมลาไปพักใจที่หัวหิน\nยอดผาสูงตระหง่าน เย้ยเยาะให้คนอย่างผมพิชิต\nการได้อยู่ท่ามกลางพงไพรไร้นามช่วยทำให้ผมเป็นอิสระ\nวาระสุดท้ายของผมไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าอุบัติเหตุทั่วไปที่เกิดขึ้นได้จากการเดินป่า ความเสี่ยงภัยที่เราไม่อาจเลี่ยง เริ่มต้นตั้งแต่ผมเลือกซื้อบู๊ทสนามเมื่อหลายปีก่อน \nการที่เราตัดสินใจทำอะไร \nก็เท่ากับว่าเราอนุญาติให้เกิดความเสี่ยงที่จะสูญเสีย \nเช่นเดียวกันกับวันที่ผมขอเธอแต่งงาน\nทุกชีวิตมักไขว่คว้าหาความสมบูรณ์แบบ กาฝากต้นติ้วดำรงภาวะปรสิต บนต้นมัมปัต เพราะต้องการอิงอาศัยชอนไช เกาะเกี่ยวรับกับแสงแดด มนุษย์ทุกคนก็ล้วนตั้งอยู่กับจุดในอุดมคติตามศักยภาพที่ตัวเองพึงมีกันทั้งนั้น ตามความเข้าใจของผม ความสัมพันธ์ระหว่างผมและเธอเป็นไปในรูปแบบเกื้อกูลกันเสมอ\nภายหลังจากที่ร่างไร้วิญญาณของผมถูกพบ พิธีกรรมก็ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ท่ามกลางความเศร้าสลดของมิตรสหายในรูปแบบที่จริงใจ และแสร้งว่าให้มันเป็นไป เธอปรากฏกายในงานของผมในชุดเดรสสีดำ ชายลูกไม้ เธอแต่งหน้าเบาบาง แววตาเรียบเฉย เธอกำลังคุยกับทนายถึงเรื่องวุ่นๆของสิทธิในทรัพย์สินประดามี\nเมื่อคุณตายไปแล้ว ผู้คนไม่ได้สนใจถึงรูปแบบของรองเท้าหนังที่คุณสวมใส่ ชื่อเมืองของห้องเสื้อสูทที่คุณใช้ รสนิยมในการฟังเพลงของคุณ หรือสิ่งที่คุณต้องทำตามมารยาทเวลาคุณพบปะกับใคร สิ่งที่คนจดจำคุณคือ ความรู้สึก ที่เขามีต่อคุณ ผมอยากให้คุณมายืนอยู่แบบเดียวกับผม แล้วมองไปที่พวกเขา\nและความรู้สึกที่เพื่อนของผมจะมีต่อผม ก็ไม่ได้สำคัญอะไรนัก สิ่งที่ทำให้ผมยังไม่ไปไหนอยู่ตอนนี้ คือความรู้สึกที่ \"เธอ\" มีต่อผมต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของผม คืนนั้นหลังจากพิธีกรรมประโลมโลกในคืนแรกเสร็จสิ้น ผมแฝงตัวมองเธออยู่กับเกลียวของม่านที่บ้านของเรา เป็นคืนแรกที่ผมเห็น \"เขา\"\nเขาเดินมาพร้อมกับถุงสีดำขลับ เธอยิ้มอย่างดีใจเป็นการตอบรับ ขณะเปิดประตูให้เขาเข้ามา เป็นรอยยิ้มเฉพาะเวลาเธอเปี่ยมสุข รอยยิ้มที่ขาดหายไปคือจุดเริ่มต้นของความโดดเดี่ยวในใจของผมมาช้านาน เขาเดินผ่านเธอเข้าไปที่ห้องรับแขกของเราอย่างคล่องแคล่ว เธอตามเขาไปอย่างเด็กกระหายวิ่งตามรถไอศกรีม\nเขาแกะถุงสีดำนั้นลงบนโต๊ะไม้สักกลางบ้านอย่างพิถีพิถัน เผยให้เห็นเชือกใยยักษ์สีน้ำตาลอ่อน ภาพที่อยู่ตรงหน้าของผมคือเธอผู้เป็นภรรยาม่ายของผมจับมือของเขาไล่ไล้ขึ้นไปที่ไหล่ และมือทั้งสองข้างของเธอเริ่มโอบกอดเขาจากด้านหลัง และล้วงเข้าไปในกางเกงยีนส์สีเข้ม มือของเธอบีบรัดเป้านั้นจนตุง\nมัน! บีบปากเธออย่างหนัก ก่อนจะดึงเอาลิ้นของเธอมานวดเค้นคลึงด้วยรสกามที่หยาบโลน เธอถกทิ้งเสื้อยืดเผยให้เห็นมัดกล้ามและรอยสักที่ไหล่ขวาลายอัปปรีย์ของมัน ตอนนี้ตัวผมชาไปทั้งตัว น้ำตาผมเริ่มไหลริน ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ มีเพียงเกลียวม่านที่ไหววูบไปกับลม มันจับเธอคว่ำลงแล้วรูดซิปลง\nชุดเดรสสีดำของเธอถูกมันรูดซิปลงอย่างกับสัตว์กระหาย ถกบ่าเสื้อออกเผยไหล่สีขาวอันบอบบาง สองมือของมันตะปบเอา ตะปบเอาแบบเสือขย้ำกวางก่อนรูดเดรสจนลูกไม้ขาดออกในครั้งเดียว อย่างกับรูดหนังออกจากขาไก่ เธอร้องอย่างทุรนทุราย น้ำตาเธอเริ่มไหล ไม่ต่างอะไรกับผม และแล้วเธอก็เรียกชื่อของผม\nทำไมกัน ทำไมเธอต้องร้องเรียกชื่อของผม หรือเธอกำลังโดนมันข่มขืน ไม่สิ เป็นมัน เป็นมัน ที่เธอต้องการต่างหาก แต่เป็นเธอที่ไม่อาจปิดบังความรู้สึกในจิตใจลงไปได้ ถึงพูดชื่อผมออกมาแบบนั้น บัดนี้ตัวของเธอบิดหงิกงออยู่กับพื้นหินอ่อน ปากของเธอกัดกับพรมและตัวของเธอกำลังเริ่มถูกพันธนาการ !\nมันเริ่มใช้เชือกคล้องเข้ากับคอของเธอ สอดเข้ากับไหล่ และผูกเน้นที่ราวนมหลายชั้นบีบรัดให้นมเล็กๆนั้นเปล่งปั่งขึ้นด้วยสายเชือก ข้อมือทั้งสองข้างถูกรัดไว้อย่างแน่นหนา มันผูกปมให้เชือกอ้อมรัดกับน้องสาวของเธอ มันฉีกเอากางเกงในที่ปลดออกของเธอมารัดปากไว้จนเธอพูดอู้อี้ น้ำลายหยดย้อย\nร่างอันกระสันสั่นพั่บอยู่ตรงหน้าของมัน\nร่างที่หงิกงอด้วยเชือกใยยักษ์คอยรัดรึงให้กลายเป็นกุ้ง\nที่ร้องอู้อี้อยู่บนพื้นหินอ่อนเย็นเยียบอย่างน่าเวทนา\nมันเอียงคอมองเธอด้วยสีหน้านิ่งเรียบก่อนฟาดที่บั้นท้าย\nซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีเพียงน้ำลายฟู่ฟอดคือคำตอบของความรุนแรง\nความรุนแรงที่เธอโหยหา\nความรุนแรงที่ไม่เคยได้จากผม\nสัมผัสแห่งความดิบเถื่อนที่ผมไม่อาจหยิบยื่นให้\nมีเพียงไอ้กาฝากที่คอยรัด คอยทึ้งต้นมัมปัตของเรา\nปรสิตที่หากินกับความสูญเสีย และช่องว่างของผัวเมียที่ไม่อาจได้รับการเติมเต็ม ในสายตาเธอ มันคือผู้ปลดเปลื้องวิญญาณที่เธอถูกผมจองจำมาแสนนานด้วยนามของความมั่นคง\nมันฟาดเธออย่างพึงพอใจ ก่อนแกะเอากางเกงในที่รัดปากเธอออกแล้วถามว่า \"เอาอีกมั้ย\" เธอตอบอย่างไม่คิดว่า ลงโทษเธออีก อย่าได้หยุดเลย หนูเป็นของพี่แล้ว หนูเป็นของผมแล้ว เป็นอีกครั้งที่เธอพูดชื่อของผม พูดชื่อผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกครั้งที่มันบีฑาอย่างไม่ปราณียิ่งฟาดยิ่งพูด ยิ่งเฆี่ยนยิ่งพอใจ\nผิวหนังของเธอเต็มไปด้วยรอยแดง จากรอยตีด้วยมือ และเลือดไหลซิบจากรอยข่วน ที่มันจิกทึ้ง เธอไม่มีทีท่าจะยอมแพ้ แล้วยอมศิโรราบ กลับต้องการมันอีก กลับต้องการให้มันทารุณต่อเรือนร่างของเธอที่เธอไม่เคยได้รับจากผม มันพึงใจที่จะเอียงมองแววตาแดงก่ำของเธอก่อนที่จะยิ้มอย่างพึงใจแล้วกล่าวขอบคุณ\nผมมองดูกิจกรรมอัปปรีย์นั้นอยู่ตลอดทั้งคืน \nบัดนี้น้ำตาของผมแห้งสลายไปแล้ว\nผมรู้แล้วว่าอะไรที่เธอต้องการ\nความสมบูรณ์แบบ ความมั่นคง เกียรติยศ เงินทอง\nไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่า ความรู้สึก ใบหน้าของผมเริ่มยิ้ม สายลมบนยอดเขาที่ผมผละมือตกลง ความต้องการของเธอและความรุนแรง ผมมองเปี่ยมสุข\nแสงแดดฉายฉานเข้ามาในบ้านของเรา\nผ้าม่านสีขาว คู่เคียงกับสีเทาซ้อนปลิวไสวคล้ายกับคู่สมรสที่ไม่มีวันลงตัว เธอนั่งอยู่บนม้านั่งของห้องนั่งเล่น ลานหินกรวดแม่น้ำกลมมนสีเข้มคือภูมิทัศน์ที่เธอมองเหม่อออกไป บัดนี้เขาจากไปแล้ว เหลือเพียงผมที่คอยเฝ้ามองเธออยู่ห่างๆก่อนจะยิ้มและจางหายไป",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/entities/urn:activity:1110449041095639040/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/entities/urn:activity:1110448569263357952",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892",
"content": "Car<br />.<br />ตอนนั้นเป็นเวลาสามทุ่ม เธออาสาขับรถไปส่งที่บ้านผม หลังจากเรากินชาบูกันเป็นมื้อเย็น เธอขับรถออกจากถนนสายรองเข้าพหลโยธิน ก่อนเลี้ยวซ้ายเข้าถนนรัชดาภิเษก รถเคลื่อนตัวตลอด ไม่ติดหนึบแบบวันทั่วไป มีอย่างเดียวที่หนึบหนับคือน้ำที่เริ่มเปรอะในมือผม<br />ในรถเปิดเพลงของ Bee Gees ที่เราสองคนชอบ <br />\"How deep is your love\" เปิดคลอแก้เบื่อ ระหว่างเส้นทางกลับบ้าน เธอชี้ให้เห็นแสงไฟนีออน ของสถานบันเทิงขนาดใหญ่ อัครมหาสถานที่แสนคุ้นตา <br />\"เคยเข้าไปมั้ย\"<br />\"ไม่อ่ะ\"<br />\"จริงอ่ะ เชื่อได้มั้ยเนี่ย\"<br />\"เชื่อได้สิ เราไม่เคยไปหรอก\"<br />\"ใสๆว่างั้น\"<br />ผมเงียบ<br />\"ใส ใส\" ผมแย้ม<br />\"ไสย ไสย\" เธอเน้นคำก่อนหัวเราะอย่างพึงใจ<br />\"อา แล้วแต่เธอจะคิดแล้วกันนะ\" <br />\"ค่ะ ว่าแต่ทำไม...\"<br />มือผมเริ่มรุกรานซอกหว่างขาของเธออย่างช้าๆ<br />ระหว่างที่รถยนต์ของเราเคลื่อนที่ผ่านป่าไฟนีออนสีสันฉูดฉาด ที่ยั่วยวนหมู่แมลงเม่าโบยบินเข้าไปเล่นกับไฟ ก่อนโดนลิ้นอสูรกายตวัดกลืนกิน<br />อุ้งมืออวบของผมสัมผัสได้ว่า<br />ขนอ่อนที่หว่างขาเธอลุกซู่ตอบรับกับอุณหภูมิของผิวหนังจากอุ้งมือผม เหงื่อจากอุ้งมือผมคงเหมือนใบเบิกทางที่แจ้งข่าวการมาถึงเสียแต่เนิ่นๆ ให้กับซอกหว่างขาของเธอ ขาเรียวยาวที่นั่งกับเบาะรถ เคลื่อนไหวเป็นจังหวะแตะเบรก ทุกๆ 10 - 15 วินาที สัมพันธ์กับการจราจร<br />แต่จังหวะการเคลื่อนไหวของขาเริ่มเปลี่ยนแปลงไป<br />เพราะตอนนี้นิ้วมือของผมเริ่มเลิกขอบลูกไม้ของกางเกงในตอง ที่ง่ามขาของเธอ นิ้วผมเริ่มรุกคืบต่อไป เธอไม่มีท่าทีขัดขืน แม้ว่าเธอเหมือนจะพูด แต่เธอก็ไม่ห้ามปรามใดๆ ผมเริ่มได้ใจสั่งการให้มือไม่รักดีจู่โจม คืบคลานต่อไปอย่างไม่ลดละ เธอกัดปาก<br />นิ้วผมเริ่มเขยิบเข้าไปแง้มแคมนอกของเธอ แคมสีชมพูอ่อน ที่เริ่มชื้นแฉะ จากการเขี่ยของปลายนิ้ว ผมมองที่ตาเธอ เธอยังคงมีสติขับรถแต่สายตาเริ่มเหม่อลอย ผมไม่รีรอ นิ้วมือซุกซนผมทั้งสองนิ้ว นิ้วชี้และนิ้วกลางเริ่มทำงานร่วมมือประสานกัน เขี่ยแคมนอกจนน้ำจากรูสวาท น้ำใสอุ่น ไหลรินจนฉ่ำเยิ้ม<br />นิ้วมือทั้งสองกระดกอย่างเป็นจังหวะ เข้าไปที่แคมในของเธอ ขาที่เคยเคลื่อนไหวเพียงเพราะแตะเบรกกลับขยับสอดรับด้วยความเสียวจากการรุกรานของนิ้วมือ เธอกัดปากอย่างซาบซ่าน สายตาเธอเหม่อลอย แสงของไฟนีออน พร่าเลือน ตัดกับไอความเย็นภายในห้องโดยสาร ผมยังคงเดินเครื่องกำหนัดของเธอต่อไป<br />\"...I wanna feel you in my arms again <br />And you come to me on a summer breeze\"<br />เพลงเดิมยังคงดำเนิน ห้องเครื่องยนต์ยังคงสันดาป ล้อยังคงหมุนบนพื้นผิวถนน นิ้วมือยังคงหมุนวนบริเวณคลิตอริสอย่างนุ่มนวล และเสียงครางเสียวของเธอเริ่มแผดดังอย่างพอใจ น้ำใสไหลรินออกมาไหลชุ่มเบาะหนัง<br />\"หมุนแรงอีก\"<br />\"หมุน เร็วอีก\"<br />\"อ่าาา แบบนั้น แบบนั้นเลย\"<br />นิ้วมือของผม ทำงานไม่ต่างอะไรกับ เชฟผู้รังสรรค์อาหารกาม ที่เธอต้องการ รสโอชาในกามาตามสั่ง ตามที่เธอต้องการ เธอเปรียบเสมือนสารถีผู้นำพาผู้โดยสารกลับบ้าน แต่ผมคือม้าฮ่อที่เธอควบ ส่งให้เธอไปขึ้นสวรรค์ แววตาเธอเหม่อลอยและพึงใจ<br />แรงกระสันของผมส่งสอดรับกับบทเพลง<br />\"..And know you're the door to my very soul<br />You're the light in my deepest, darkest hour\"<br />นิ้วที่เคยนิ่มนวลคลึงนวดปุ่มกระสันของเธออย่างแผ่วเบา บัดนี้กระหน่ำสั่นจุดสีชมพูที่อวบอูมนั้นอย่างรุนแรง ประตูของเธอกำลังถูกแง้มเปิดสู่บันไดสวรรค์ส่งเธอขึ้นไป<br />พาหนะของเราจอดติดไฟแดงที่แยกพระราม 9 ในยามวิกาล แต่ภายในห้องโดยสาร อวลไปด้วยบทสนทนาอันร้อนเร่า เราทั้งคู่ไม่สนใจว่าใครจะมองเข้ามาอีกแล้ว<br />\"อีก..\"<br />When you know down inside that I really do<br />\"ไวอีกกก\"<br />And it's me you need to show<br />\"อีกกก กระหน่ำไปอีก\"<br />How deep is your love? <br />D E E P<br />\"อ่าาาาซ์\" <br />ขาอ่อนเธอสั่นเร่า เต้นพั่บๆๆๆๆ <br />ผมถามเธอว่าเสร็จมั้ย<br />เธอพยักหน้า เป็นคำตอบ ไฟเขียวสว่างวาบ เธอเหยียบคันเร่ง เดินหน้ารถ น้ำชุ่มโชกเปียกคามือของผม และเบาะหนังสีดำของเธอ ผมยังไม่วางมือจากขาอ่อนของเธอ ที่ขณะนี้สั่นพั่บๆเบาๆ หลังเสร็จสิ้นบทพิสูจน์รักดำดิ่งแสนอันตราย<br />เพราะว่าเราอาศัยอยู่ในโลกแห่งความลวงหลอก<br />ที่คอยทำลายเราทั้งๆที่พวกเขาควรจะปล่อยให้เราเป็นไป <br />คุณรู้หนทางเข้าถึงจิตวิญญาณของฉัน ประตูบานนั้น<br />ความรักของคุณลึกซึ้งแค่ไหน ฉันจำเป็นต้องรู้จริงๆ<br />แต่คืนนี้ม้าผู้ซื่อสัตย์ตัวนี้ได้นำพาส่งเธอขึ้นสู่สวรรค์<br />ในแสงสะท้อนของไฟนีออนแห่งเมืองใหญ่<br />เราต่างอาศัยอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เราเชื่อใจใครได้บ้าง ความไม่ปลอดภัยทำให้เราหวาดระแวงกันและกัน ความรักในเมืองนี้ล้วนหยั่งยากและโคลงเคลงไร้เสาเข็ม และบ่อยครั้งที่เราทำร้ายกัน แต่อย่างน้อยคืนนี้ผมก็สัมผัสได้ถึง ความสุขสมจากปลายนิ้วมือที่บิดเปิดประตูกระสันอย่างจริงใจ",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1110448569263357952",
"published": "2020-05-22T06:06:08+00:00",
"source": {
"content": "Car\n.\nตอนนั้นเป็นเวลาสามทุ่ม เธออาสาขับรถไปส่งที่บ้านผม หลังจากเรากินชาบูกันเป็นมื้อเย็น เธอขับรถออกจากถนนสายรองเข้าพหลโยธิน ก่อนเลี้ยวซ้ายเข้าถนนรัชดาภิเษก รถเคลื่อนตัวตลอด ไม่ติดหนึบแบบวันทั่วไป มีอย่างเดียวที่หนึบหนับคือน้ำที่เริ่มเปรอะในมือผม\nในรถเปิดเพลงของ Bee Gees ที่เราสองคนชอบ \n\"How deep is your love\" เปิดคลอแก้เบื่อ ระหว่างเส้นทางกลับบ้าน เธอชี้ให้เห็นแสงไฟนีออน ของสถานบันเทิงขนาดใหญ่ อัครมหาสถานที่แสนคุ้นตา \n\"เคยเข้าไปมั้ย\"\n\"ไม่อ่ะ\"\n\"จริงอ่ะ เชื่อได้มั้ยเนี่ย\"\n\"เชื่อได้สิ เราไม่เคยไปหรอก\"\n\"ใสๆว่างั้น\"\nผมเงียบ\n\"ใส ใส\" ผมแย้ม\n\"ไสย ไสย\" เธอเน้นคำก่อนหัวเราะอย่างพึงใจ\n\"อา แล้วแต่เธอจะคิดแล้วกันนะ\" \n\"ค่ะ ว่าแต่ทำไม...\"\nมือผมเริ่มรุกรานซอกหว่างขาของเธออย่างช้าๆ\nระหว่างที่รถยนต์ของเราเคลื่อนที่ผ่านป่าไฟนีออนสีสันฉูดฉาด ที่ยั่วยวนหมู่แมลงเม่าโบยบินเข้าไปเล่นกับไฟ ก่อนโดนลิ้นอสูรกายตวัดกลืนกิน\nอุ้งมืออวบของผมสัมผัสได้ว่า\nขนอ่อนที่หว่างขาเธอลุกซู่ตอบรับกับอุณหภูมิของผิวหนังจากอุ้งมือผม เหงื่อจากอุ้งมือผมคงเหมือนใบเบิกทางที่แจ้งข่าวการมาถึงเสียแต่เนิ่นๆ ให้กับซอกหว่างขาของเธอ ขาเรียวยาวที่นั่งกับเบาะรถ เคลื่อนไหวเป็นจังหวะแตะเบรก ทุกๆ 10 - 15 วินาที สัมพันธ์กับการจราจร\nแต่จังหวะการเคลื่อนไหวของขาเริ่มเปลี่ยนแปลงไป\nเพราะตอนนี้นิ้วมือของผมเริ่มเลิกขอบลูกไม้ของกางเกงในตอง ที่ง่ามขาของเธอ นิ้วผมเริ่มรุกคืบต่อไป เธอไม่มีท่าทีขัดขืน แม้ว่าเธอเหมือนจะพูด แต่เธอก็ไม่ห้ามปรามใดๆ ผมเริ่มได้ใจสั่งการให้มือไม่รักดีจู่โจม คืบคลานต่อไปอย่างไม่ลดละ เธอกัดปาก\nนิ้วผมเริ่มเขยิบเข้าไปแง้มแคมนอกของเธอ แคมสีชมพูอ่อน ที่เริ่มชื้นแฉะ จากการเขี่ยของปลายนิ้ว ผมมองที่ตาเธอ เธอยังคงมีสติขับรถแต่สายตาเริ่มเหม่อลอย ผมไม่รีรอ นิ้วมือซุกซนผมทั้งสองนิ้ว นิ้วชี้และนิ้วกลางเริ่มทำงานร่วมมือประสานกัน เขี่ยแคมนอกจนน้ำจากรูสวาท น้ำใสอุ่น ไหลรินจนฉ่ำเยิ้ม\nนิ้วมือทั้งสองกระดกอย่างเป็นจังหวะ เข้าไปที่แคมในของเธอ ขาที่เคยเคลื่อนไหวเพียงเพราะแตะเบรกกลับขยับสอดรับด้วยความเสียวจากการรุกรานของนิ้วมือ เธอกัดปากอย่างซาบซ่าน สายตาเธอเหม่อลอย แสงของไฟนีออน พร่าเลือน ตัดกับไอความเย็นภายในห้องโดยสาร ผมยังคงเดินเครื่องกำหนัดของเธอต่อไป\n\"...I wanna feel you in my arms again \nAnd you come to me on a summer breeze\"\nเพลงเดิมยังคงดำเนิน ห้องเครื่องยนต์ยังคงสันดาป ล้อยังคงหมุนบนพื้นผิวถนน นิ้วมือยังคงหมุนวนบริเวณคลิตอริสอย่างนุ่มนวล และเสียงครางเสียวของเธอเริ่มแผดดังอย่างพอใจ น้ำใสไหลรินออกมาไหลชุ่มเบาะหนัง\n\"หมุนแรงอีก\"\n\"หมุน เร็วอีก\"\n\"อ่าาา แบบนั้น แบบนั้นเลย\"\nนิ้วมือของผม ทำงานไม่ต่างอะไรกับ เชฟผู้รังสรรค์อาหารกาม ที่เธอต้องการ รสโอชาในกามาตามสั่ง ตามที่เธอต้องการ เธอเปรียบเสมือนสารถีผู้นำพาผู้โดยสารกลับบ้าน แต่ผมคือม้าฮ่อที่เธอควบ ส่งให้เธอไปขึ้นสวรรค์ แววตาเธอเหม่อลอยและพึงใจ\nแรงกระสันของผมส่งสอดรับกับบทเพลง\n\"..And know you're the door to my very soul\nYou're the light in my deepest, darkest hour\"\nนิ้วที่เคยนิ่มนวลคลึงนวดปุ่มกระสันของเธออย่างแผ่วเบา บัดนี้กระหน่ำสั่นจุดสีชมพูที่อวบอูมนั้นอย่างรุนแรง ประตูของเธอกำลังถูกแง้มเปิดสู่บันไดสวรรค์ส่งเธอขึ้นไป\nพาหนะของเราจอดติดไฟแดงที่แยกพระราม 9 ในยามวิกาล แต่ภายในห้องโดยสาร อวลไปด้วยบทสนทนาอันร้อนเร่า เราทั้งคู่ไม่สนใจว่าใครจะมองเข้ามาอีกแล้ว\n\"อีก..\"\nWhen you know down inside that I really do\n\"ไวอีกกก\"\nAnd it's me you need to show\n\"อีกกก กระหน่ำไปอีก\"\nHow deep is your love? \nD E E P\n\"อ่าาาาซ์\" \nขาอ่อนเธอสั่นเร่า เต้นพั่บๆๆๆๆ \nผมถามเธอว่าเสร็จมั้ย\nเธอพยักหน้า เป็นคำตอบ ไฟเขียวสว่างวาบ เธอเหยียบคันเร่ง เดินหน้ารถ น้ำชุ่มโชกเปียกคามือของผม และเบาะหนังสีดำของเธอ ผมยังไม่วางมือจากขาอ่อนของเธอ ที่ขณะนี้สั่นพั่บๆเบาๆ หลังเสร็จสิ้นบทพิสูจน์รักดำดิ่งแสนอันตราย\nเพราะว่าเราอาศัยอยู่ในโลกแห่งความลวงหลอก\nที่คอยทำลายเราทั้งๆที่พวกเขาควรจะปล่อยให้เราเป็นไป \nคุณรู้หนทางเข้าถึงจิตวิญญาณของฉัน ประตูบานนั้น\nความรักของคุณลึกซึ้งแค่ไหน ฉันจำเป็นต้องรู้จริงๆ\nแต่คืนนี้ม้าผู้ซื่อสัตย์ตัวนี้ได้นำพาส่งเธอขึ้นสู่สวรรค์\nในแสงสะท้อนของไฟนีออนแห่งเมืองใหญ่\nเราต่างอาศัยอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เราเชื่อใจใครได้บ้าง ความไม่ปลอดภัยทำให้เราหวาดระแวงกันและกัน ความรักในเมืองนี้ล้วนหยั่งยากและโคลงเคลงไร้เสาเข็ม และบ่อยครั้งที่เราทำร้ายกัน แต่อย่างน้อยคืนนี้ผมก็สัมผัสได้ถึง ความสุขสมจากปลายนิ้วมือที่บิดเปิดประตูกระสันอย่างจริงใจ",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/entities/urn:activity:1110448569263357952/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/entities/urn:activity:1110448133428228096",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892",
"content": "Forest<br />.<br />\"หนูชอบแบบนี้\"<br />เธอเอ่ยปากหลังจากโน้มตัวลงมาจุมพิตผมอย่างแผ่วเบา ลิ้นของเราไม่ได้แลกกัน แต่เป็นริมฝีปากที่ต่างเริงระบำ กระตุกตุ้นให้ริมฝีปากของเรา พยักเพยิด เป็นจังหวะการจูบที่รสชาติเหมือนไอศกรีมรสวานิลลาอ่อนๆ ที่กินแล้วอยากกินอีก กินแล้วอยากกินอีก <br />ย้อนไปเมื่อ 4 ชั่วโมงที่แล้ว เรายังนอนตักกันบนรถตู้ระหว่างจังหวัด เราค่อนข้างอิดโรยจากการเดินทางหลายต่อ เราเดินทางด้วยรถไฟ ต่อรถเมล์ประจำทาง และเป็นรถตู้ อันเป็นพาหนะสุดท้ายก่อนเราจะเดินทางมาไกลถึงรีสอร์ตแห่งนี้ รีสอร์ตร่มรื่นกลางแมกไม้ และการโอบกอดของขุนเขาสีเขียวขจี<br />ไม่รู้ว่าเพราะอะไรดลใจให้เรากดคลิกจองห้องพักในที่แห่งนี้ อาจเป็นเพราะคำว่าเหงาที่เธอเอ่ยปาก หรือเป็นเพราะคำว่าหนีไปจากเมืองแห่งนี้สักพักเถอะที่ผมเขียนฝากไว้ให้เธอ แต่ไม่ว่าเพราะอะไร มันก็นำพาให้เราต้องดั้นด้นมา ผู้คนสำเนียงแปลกถิ่น แต่งกายแตกต่าง ดูเป็นเรื่องใหม่ในวัยนั้นของผม<br />เรามาถึงเมื่อพระอาทิตย์กำลังลาลับไปกับหมู่ของขุนเขา เธอวางสัมภาระในห้องแล้วขอนั่งเล่นมองยามอัสดง ห้องนอนของเราอยู่ติดระเบียง ผนังและพื้นทำจากไม้เนื้อแข็งเคลือบเงา หลังจากจัดแจงเก็บของ ผมเดินเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ ทันใดนั้นเธอเปิดประตูเข้ามา ร่างกายเธอสวมใส่แต่เพียงชั้นใน<br />เธอค่อยๆบรรจงถูหลังให้ผมด้วยผงขัดผิวกลิ่นหอม มือเรียวเล็กของเธอสัมผัสกับหัวนมของผมและย้อนกลับไปขัดถูด้านหลัง การมาตากอากาศกันครั้งแรกของผมกับเธอเริ่มต้นท่ามกลางฟองสบู่ฟูฟ่องบนกายอันเปล่าเปลือยของผม และชั้นในลูกไม้สีขาวของเธอ ผมย้อนหันกลับไปจูบเธออย่างตะกละตะกลาม อย่างคนหิวโหย<br />เธอผละออกจากผม แล้วปล่อยให้ผมชำระล้างตัวจนเสร็จ เธอนิ่งเงียบไม่สนทนากับผมต่อ เหมือนแมวที่เมินเฉยหลังจากกระเซ้า เย้าหยอกเจ้าของพอประมาณ และตอนนี้นิ่งเงียบ ไม่แยแสต่อสิ่งเร้าใดๆ ผมคุยกับเธอเรื่องสัพเพเหระ สักพัก ก่อนจะกล่าวลาวันอันแสนเหนื่อยล้าจากการเดินทาง และเอื้อมไปปิดไฟ<br />เพียงไม่กี่อึดใจหลังผมข่มตาหลับ เธอก็โน้มตัวมาจูบผมจากด้านบน ริมฝีปากของเธอพริ้วไหว คล้ายกำลังสอนสั่ง ดุจคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ต่อทาสผู้กระทำการผิดพลาด ที่เคยใช้ลิ้นรุกรานเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม เมื่อสมรภูมิในห้องน้ำนั้น เธอจูบผมยาวนาน ก่อนจะกระซิบบอกกับผมว่า <br />\"ชอบแบบนี้มากกว่า\"<br />จังหวะเริ่มต้นระหว่างเราเหมือนคู่เต้นรำที่เพิ่งเริ่มต้นจับคู่กัน ชายหนุ่มจากดาวอังคาร กับสาวน้อยจากดาวศุกร์ค่อยๆ เริงระบำ กับจังหวะ Waltz ตามความต้องการของชาวดาวศุกร์ ผมกดข่มความต้องการที่จะกรรโชกท่วงท่าของผม ด้วยท่า Tango ในจิตใจไว้ภายใน เพราะตอนนี้เป็นเธอที่คอยคุมเกมส์รัก<br />เธอขึ้นคร่อมไปอยู่ข้างบนตัวผมก่อนบรรจงจูบไล่ลงมาที่ท้องน้อย ผมครางเสียวเล็กน้อย ยอมรับเลยว่าเธอใช้ริมฝีปากได้เก่งกาจ และน้ำใสๆก็ค่อยๆไหลรินออกมาจากน้องชายที่กำลังแข็งตัวตั้งตระหง่านรับกับความเสียวจากปากของเธอ หลังจากผ่านท้องไป เธอก็เริ่มให้ริมฝีปากแสนซนทำความรู้จักกับน้องชายของผม<br />\"ม๊วบบบบ\" !<br />ปากสีชมพูอ่อนของเธอค่อยๆบรรจง เล้าโลมเลีย เข้ากับปลายโคนของน้องผม เลีย แล้วก็ดูด เลียไล้ลิ้น แล้วก็ดูด สลับไปแบบนี้ นิ้วมือของเธอก็ซุกซนไม่แพ้กัน นิ้วเรียวเล็กของเธอคอยก่อกวนหัวนมของผมให้เต่งตึง และเพิ่มความเสียวสะท้านอย่างยิ่งยวด น้ำลายและน้ำหล่อลื่นเริ่มผสมจนชุ่มโชก<br />ปากของเธอค่อยๆสูบน้ำหล่อลื่นของผม กระพุ้งแก้มบีบรัดน้องชายทั้งแท่งจนคับปาก เธอค่อยๆดูด กึ่งชัก อย่างช้าๆ ผมดิ้นรนด้วยความเสียวที่ปากเธอตอดรัด และเอานิ้วมือจิกผมสีดำขลับยาวสยายปกคลุมท่อนล่างจนมืดมิด ผมดิ้นอย่างทุรนทุรายก่อนที่จะหลั่ง..เธอสูบน้ำขุ่นข้นผมไปจนหมด กลืนกินลงคอไปอึกใหญ่<br />ตัวของผมอ่อนระทวย หมดคราบชายหนุ่มฉกรรจ์ผู้กลัดมัน ที่สอดใส่ลิ้นลงไปในปากของเธอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ชายผู้ร้อนเร่าให้เต้นจังหวะ Tango อย่างหยิ่งผยอง ทุกอย่างถูกสยบลงด้วยรสริมฝีปากสีชมพู ที่ซ่อนเงื้อมง่ามความอันตรายอยู่ภายใน ไม่ต่างอะไรกับแมลงที่ตายคาปากของต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง<br />หลังจากเสร็จสิ้นการสั่งสอน ทายาทของผม ในสภาพน้ำขุ่นข้น ถูกเธอดูดกลืนกิน ริมฝีปากของเธอยิ้มอย่างผู้ชนะ ท่ามกลางเงาจากแสงจันทรา กลางหมู่แมกไม้ของพงไพร ผมหมดกำลังกลางกับดักสัตว์ ที่เธอวางลอบเอาไว้ เธอโน้มตัวมากอดผมแล้วบอกกับผมด้วยประโยคคุ้นหูกับผมว่า <br />\"หนูชอบแบบนี้ค่ะ\"",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1110448133428228096",
"published": "2020-05-22T06:04:25+00:00",
"source": {
"content": "Forest\n.\n\"หนูชอบแบบนี้\"\nเธอเอ่ยปากหลังจากโน้มตัวลงมาจุมพิตผมอย่างแผ่วเบา ลิ้นของเราไม่ได้แลกกัน แต่เป็นริมฝีปากที่ต่างเริงระบำ กระตุกตุ้นให้ริมฝีปากของเรา พยักเพยิด เป็นจังหวะการจูบที่รสชาติเหมือนไอศกรีมรสวานิลลาอ่อนๆ ที่กินแล้วอยากกินอีก กินแล้วอยากกินอีก \nย้อนไปเมื่อ 4 ชั่วโมงที่แล้ว เรายังนอนตักกันบนรถตู้ระหว่างจังหวัด เราค่อนข้างอิดโรยจากการเดินทางหลายต่อ เราเดินทางด้วยรถไฟ ต่อรถเมล์ประจำทาง และเป็นรถตู้ อันเป็นพาหนะสุดท้ายก่อนเราจะเดินทางมาไกลถึงรีสอร์ตแห่งนี้ รีสอร์ตร่มรื่นกลางแมกไม้ และการโอบกอดของขุนเขาสีเขียวขจี\nไม่รู้ว่าเพราะอะไรดลใจให้เรากดคลิกจองห้องพักในที่แห่งนี้ อาจเป็นเพราะคำว่าเหงาที่เธอเอ่ยปาก หรือเป็นเพราะคำว่าหนีไปจากเมืองแห่งนี้สักพักเถอะที่ผมเขียนฝากไว้ให้เธอ แต่ไม่ว่าเพราะอะไร มันก็นำพาให้เราต้องดั้นด้นมา ผู้คนสำเนียงแปลกถิ่น แต่งกายแตกต่าง ดูเป็นเรื่องใหม่ในวัยนั้นของผม\nเรามาถึงเมื่อพระอาทิตย์กำลังลาลับไปกับหมู่ของขุนเขา เธอวางสัมภาระในห้องแล้วขอนั่งเล่นมองยามอัสดง ห้องนอนของเราอยู่ติดระเบียง ผนังและพื้นทำจากไม้เนื้อแข็งเคลือบเงา หลังจากจัดแจงเก็บของ ผมเดินเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ ทันใดนั้นเธอเปิดประตูเข้ามา ร่างกายเธอสวมใส่แต่เพียงชั้นใน\nเธอค่อยๆบรรจงถูหลังให้ผมด้วยผงขัดผิวกลิ่นหอม มือเรียวเล็กของเธอสัมผัสกับหัวนมของผมและย้อนกลับไปขัดถูด้านหลัง การมาตากอากาศกันครั้งแรกของผมกับเธอเริ่มต้นท่ามกลางฟองสบู่ฟูฟ่องบนกายอันเปล่าเปลือยของผม และชั้นในลูกไม้สีขาวของเธอ ผมย้อนหันกลับไปจูบเธออย่างตะกละตะกลาม อย่างคนหิวโหย\nเธอผละออกจากผม แล้วปล่อยให้ผมชำระล้างตัวจนเสร็จ เธอนิ่งเงียบไม่สนทนากับผมต่อ เหมือนแมวที่เมินเฉยหลังจากกระเซ้า เย้าหยอกเจ้าของพอประมาณ และตอนนี้นิ่งเงียบ ไม่แยแสต่อสิ่งเร้าใดๆ ผมคุยกับเธอเรื่องสัพเพเหระ สักพัก ก่อนจะกล่าวลาวันอันแสนเหนื่อยล้าจากการเดินทาง และเอื้อมไปปิดไฟ\nเพียงไม่กี่อึดใจหลังผมข่มตาหลับ เธอก็โน้มตัวมาจูบผมจากด้านบน ริมฝีปากของเธอพริ้วไหว คล้ายกำลังสอนสั่ง ดุจคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ต่อทาสผู้กระทำการผิดพลาด ที่เคยใช้ลิ้นรุกรานเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม เมื่อสมรภูมิในห้องน้ำนั้น เธอจูบผมยาวนาน ก่อนจะกระซิบบอกกับผมว่า \n\"ชอบแบบนี้มากกว่า\"\nจังหวะเริ่มต้นระหว่างเราเหมือนคู่เต้นรำที่เพิ่งเริ่มต้นจับคู่กัน ชายหนุ่มจากดาวอังคาร กับสาวน้อยจากดาวศุกร์ค่อยๆ เริงระบำ กับจังหวะ Waltz ตามความต้องการของชาวดาวศุกร์ ผมกดข่มความต้องการที่จะกรรโชกท่วงท่าของผม ด้วยท่า Tango ในจิตใจไว้ภายใน เพราะตอนนี้เป็นเธอที่คอยคุมเกมส์รัก\nเธอขึ้นคร่อมไปอยู่ข้างบนตัวผมก่อนบรรจงจูบไล่ลงมาที่ท้องน้อย ผมครางเสียวเล็กน้อย ยอมรับเลยว่าเธอใช้ริมฝีปากได้เก่งกาจ และน้ำใสๆก็ค่อยๆไหลรินออกมาจากน้องชายที่กำลังแข็งตัวตั้งตระหง่านรับกับความเสียวจากปากของเธอ หลังจากผ่านท้องไป เธอก็เริ่มให้ริมฝีปากแสนซนทำความรู้จักกับน้องชายของผม\n\"ม๊วบบบบ\" !\nปากสีชมพูอ่อนของเธอค่อยๆบรรจง เล้าโลมเลีย เข้ากับปลายโคนของน้องผม เลีย แล้วก็ดูด เลียไล้ลิ้น แล้วก็ดูด สลับไปแบบนี้ นิ้วมือของเธอก็ซุกซนไม่แพ้กัน นิ้วเรียวเล็กของเธอคอยก่อกวนหัวนมของผมให้เต่งตึง และเพิ่มความเสียวสะท้านอย่างยิ่งยวด น้ำลายและน้ำหล่อลื่นเริ่มผสมจนชุ่มโชก\nปากของเธอค่อยๆสูบน้ำหล่อลื่นของผม กระพุ้งแก้มบีบรัดน้องชายทั้งแท่งจนคับปาก เธอค่อยๆดูด กึ่งชัก อย่างช้าๆ ผมดิ้นรนด้วยความเสียวที่ปากเธอตอดรัด และเอานิ้วมือจิกผมสีดำขลับยาวสยายปกคลุมท่อนล่างจนมืดมิด ผมดิ้นอย่างทุรนทุรายก่อนที่จะหลั่ง..เธอสูบน้ำขุ่นข้นผมไปจนหมด กลืนกินลงคอไปอึกใหญ่\nตัวของผมอ่อนระทวย หมดคราบชายหนุ่มฉกรรจ์ผู้กลัดมัน ที่สอดใส่ลิ้นลงไปในปากของเธอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ชายผู้ร้อนเร่าให้เต้นจังหวะ Tango อย่างหยิ่งผยอง ทุกอย่างถูกสยบลงด้วยรสริมฝีปากสีชมพู ที่ซ่อนเงื้อมง่ามความอันตรายอยู่ภายใน ไม่ต่างอะไรกับแมลงที่ตายคาปากของต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง\nหลังจากเสร็จสิ้นการสั่งสอน ทายาทของผม ในสภาพน้ำขุ่นข้น ถูกเธอดูดกลืนกิน ริมฝีปากของเธอยิ้มอย่างผู้ชนะ ท่ามกลางเงาจากแสงจันทรา กลางหมู่แมกไม้ของพงไพร ผมหมดกำลังกลางกับดักสัตว์ ที่เธอวางลอบเอาไว้ เธอโน้มตัวมากอดผมแล้วบอกกับผมด้วยประโยคคุ้นหูกับผมว่า \n\"หนูชอบแบบนี้ค่ะ\"",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/entities/urn:activity:1110448133428228096/activity"
},
{
"type": "Create",
"actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892",
"object": {
"type": "Note",
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/entities/urn:activity:1110447173897302016",
"attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892",
"content": "Fizz<br />.<br />Sex ครั้งแรกของผมกับเธอ เกิดขึ้นในคืนวันนั้น เธอนั่งอยู่ที่มุมเคาเตอร์ ผมสั่ง Fizz แล้วเริ่มชวนเธอสนทนา เสียงหัวเราะเคล้าไปกับ Cosmopolitan สีแดงใสของเธอ คืนนั้นเราเปิดห้องบนโรงแรมชั้น 17 ของโรงแรม แอร์เย็นเยียบ เธอเริ่มบรรจงจูบผมแผ่วเบา<br />เธอบอกว่าวิวโค้งแม่น้ำนี้สวยมาก ผมคุยเรื่องจังหวะของเพลง Take five ที่เพิ่งบรรเลงจบลงไม่กี่นาทีก่อนเราขึ้นมาดื่มต่อกันบนห้อง แต่ยังไม่ทันจะคุยต่อริมฝีปากเธอก็สัมผัสกับริมฝีปากของผมแล้ว กลิ่นของวอดก้า และแครนเบอรี่ยังสะกดอยู่กับลิ้นของเธอ เคมีของเธอกับผมเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ<br />คืนวันนั้นเราเริ่มต้นบทสนทนาแห่งความใคร่กันโดยปราศจากแสงเทียน ปราศจากแสงจากโคมไฟ แสงประดิษฐ์ใดๆ หากแต่แสงที่เล็ดลอดเข้ามาในห้องของเราคือแสงของไฟยามค่ำคืนของเมืองใหญ่ มันสว่างเพียงพอจะทำให้เห็นเนินปทุมถันที่เพิ่งเฉิดฉายภายหลังจากผมปลดตะขอเสื้อในของเธอออก เนินนมเธอชูชันรับความเย็น<br />แม้ว่าอุณหภูมิห้องจะหนาวเย็นเยียบขนาดไหน แต่หัวใจของเราทั้งคู่เต้นระรัวรุนแรง เราเริ่มกระหน่ำรุกรานกันอย่างรวดเร็ว ความอบอุ่น กลายเป็นความร้อนแรง ผิวหนังเริ่มเผยเหงื่อไคล ระบายความใคร่อย่างดุเดือด บางจังหวะคือความแผ่วเบา และนุ่มนวล แต่บางจังหวะกลับเร่งเร้า และป่าเถื่อน !<br />แสงไฟของรถยนต์เบื้องล่างวิ่งสร้างแสงระยิบไปมา สะท้อนกับกระจกของหน้าต่าง เงาบนกระจกสะท้อนเท้าของเธอ เธอหลับลงหลังจากผ่านศึกระหว่างเรา ผมเหม่อมองแสงที่เคลื่อนไหว และลูบไล้เนินบั้นท้ายเรียบเนียนที่ผมเพิ่งเช็ดคราบน้ำรักที่เพิ่งถูกกระดาษทิชชู่ซับออกจากร่างกาย ก่อนจูบแผ่นหลังเธอแผ่วเบา<br />เธอหลับอยู่สักพักก่อนจะถูกปลุกขึ้นจากการลูบไล้ด้วยมือของผม เธอบอกผมว่าความรู้สึกของเธอคล้ายกับนกที่โบยบิน ในช่วงสุดท้ายของจังหวะที่เราร่วมรัก จนจุดสุดยอดที่เธอแตะ นกตัวนั้นก็บินออกจากกรงสีทอง เธอเกริ่นถามผมในคืนนั้นว่า sex แบบไหนที่ผมพึงใจ ผมตอบว่า BDSM เธอแสยะยิ้มที่มุมปาก<br />เธอยิ้มที่มุมปาก แต่ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา ผมเหลือบดูนาฬิกา จวนจะเที่ยงคืนแล้ว ผมบอกราตรีสวัส... ปากของเธอประกบเข้ากับปากของผม ก่อนกระซิบแผ่วเบาว่า \"อย่าเพิ่งปล่อยให้คืนนี้ผ่านไปสิ\" ผมยิ้มแล้วพลิกตัวเธอลงไปข้างล่าง ก่อนไซร้ซอกคอแล้วบอกว่า \"ผมติดใจคุณแล้วล่ะ\" คืนนั้นผ่านไปเนิ่นนาน",
"to": [
"https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public"
],
"cc": [
"https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/followers"
],
"tag": [],
"url": "https://www.minds.com/newsfeed/1110447173897302016",
"published": "2020-05-22T06:00:36+00:00",
"source": {
"content": "Fizz\n.\nSex ครั้งแรกของผมกับเธอ เกิดขึ้นในคืนวันนั้น เธอนั่งอยู่ที่มุมเคาเตอร์ ผมสั่ง Fizz แล้วเริ่มชวนเธอสนทนา เสียงหัวเราะเคล้าไปกับ Cosmopolitan สีแดงใสของเธอ คืนนั้นเราเปิดห้องบนโรงแรมชั้น 17 ของโรงแรม แอร์เย็นเยียบ เธอเริ่มบรรจงจูบผมแผ่วเบา\nเธอบอกว่าวิวโค้งแม่น้ำนี้สวยมาก ผมคุยเรื่องจังหวะของเพลง Take five ที่เพิ่งบรรเลงจบลงไม่กี่นาทีก่อนเราขึ้นมาดื่มต่อกันบนห้อง แต่ยังไม่ทันจะคุยต่อริมฝีปากเธอก็สัมผัสกับริมฝีปากของผมแล้ว กลิ่นของวอดก้า และแครนเบอรี่ยังสะกดอยู่กับลิ้นของเธอ เคมีของเธอกับผมเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ\nคืนวันนั้นเราเริ่มต้นบทสนทนาแห่งความใคร่กันโดยปราศจากแสงเทียน ปราศจากแสงจากโคมไฟ แสงประดิษฐ์ใดๆ หากแต่แสงที่เล็ดลอดเข้ามาในห้องของเราคือแสงของไฟยามค่ำคืนของเมืองใหญ่ มันสว่างเพียงพอจะทำให้เห็นเนินปทุมถันที่เพิ่งเฉิดฉายภายหลังจากผมปลดตะขอเสื้อในของเธอออก เนินนมเธอชูชันรับความเย็น\nแม้ว่าอุณหภูมิห้องจะหนาวเย็นเยียบขนาดไหน แต่หัวใจของเราทั้งคู่เต้นระรัวรุนแรง เราเริ่มกระหน่ำรุกรานกันอย่างรวดเร็ว ความอบอุ่น กลายเป็นความร้อนแรง ผิวหนังเริ่มเผยเหงื่อไคล ระบายความใคร่อย่างดุเดือด บางจังหวะคือความแผ่วเบา และนุ่มนวล แต่บางจังหวะกลับเร่งเร้า และป่าเถื่อน !\nแสงไฟของรถยนต์เบื้องล่างวิ่งสร้างแสงระยิบไปมา สะท้อนกับกระจกของหน้าต่าง เงาบนกระจกสะท้อนเท้าของเธอ เธอหลับลงหลังจากผ่านศึกระหว่างเรา ผมเหม่อมองแสงที่เคลื่อนไหว และลูบไล้เนินบั้นท้ายเรียบเนียนที่ผมเพิ่งเช็ดคราบน้ำรักที่เพิ่งถูกกระดาษทิชชู่ซับออกจากร่างกาย ก่อนจูบแผ่นหลังเธอแผ่วเบา\nเธอหลับอยู่สักพักก่อนจะถูกปลุกขึ้นจากการลูบไล้ด้วยมือของผม เธอบอกผมว่าความรู้สึกของเธอคล้ายกับนกที่โบยบิน ในช่วงสุดท้ายของจังหวะที่เราร่วมรัก จนจุดสุดยอดที่เธอแตะ นกตัวนั้นก็บินออกจากกรงสีทอง เธอเกริ่นถามผมในคืนนั้นว่า sex แบบไหนที่ผมพึงใจ ผมตอบว่า BDSM เธอแสยะยิ้มที่มุมปาก\nเธอยิ้มที่มุมปาก แต่ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา ผมเหลือบดูนาฬิกา จวนจะเที่ยงคืนแล้ว ผมบอกราตรีสวัส... ปากของเธอประกบเข้ากับปากของผม ก่อนกระซิบแผ่วเบาว่า \"อย่าเพิ่งปล่อยให้คืนนี้ผ่านไปสิ\" ผมยิ้มแล้วพลิกตัวเธอลงไปข้างล่าง ก่อนไซร้ซอกคอแล้วบอกว่า \"ผมติดใจคุณแล้วล่ะ\" คืนนั้นผ่านไปเนิ่นนาน",
"mediaType": "text/plain"
}
},
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/entities/urn:activity:1110447173897302016/activity"
}
],
"id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/outbox",
"partOf": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110432267890597892/outboxoutbox"
}