ActivityPub Viewer

A small tool to view real-world ActivityPub objects as JSON! Enter a URL or username from Mastodon or a similar service below, and we'll send a request with the right Accept header to the server to view the underlying object.

Open in browser →
{ "@context": "https://www.w3.org/ns/activitystreams", "type": "OrderedCollectionPage", "orderedItems": [ { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1151666219574796288", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "content": "รัฐบาลนี้ที่ผ่านมา เลวและโง่ครับ<br /><br />ใครยังเชียร์รัฐบาลอยู่ได้ ก็จะมีแต่คนที่รวยอยู่แล้ว เป็นข้าราชการหรือไม่ก็ทำงานในบริษัทใหญ่ๆที่ต้องอาศัยรัฐบาลเพื่อให้บริษัทอยู่รอด<br /><br />เงิน 1.9 ล้านล้านบาทที่เพิ่งผ่านสภาไป นอกจากจะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่นำ้ที่ไม่ไดัตกมาถึงมือประชาชนแม้แต่บาทเดียวแล้ว ยังเป็นการส่งต่อเงินให้ข้าราชการ พรรคพวกกันที่หากินกับรัฐบาล และโครงข่ายคอรัปชั่นของรัฐให้ได้ประโยชน์ไปทั้งสิ้น ไม่มีเงินที่อัดฉีดลงมาภาคธุรกิจเลยจนถึงวันนี้ และธุรกิจส่วนใหญ่ก็ประคองลมหายใจแค่รอวันตาย <br /><br />เราอยากเห็นเงินกู้ที่ให้กับภาคธุรกิจ ที่ให้มาโดยตรงกับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรือร้านอาหาร จากการที่นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศหายไป ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่า 3 ใน 4 ของรายได้ทั้งหมด ในวงเงินกู้เพื่อให้ธุรกิจเหล่านั้นอยู่ไปได้ 1 ปี โดยไม่ต้องผ่อนคืนภายใน 2 ปีแรก เพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้ ก่อนจึงจะเริ่มจ่ายคืน เช่น ธุรกิจที่มีรายได้ 80 ล้านบาทต่อปี รัฐให้เงินกู้ 3 ใน 4 ส่วนคือ 60 ล้านบาท ไม่มีการค้ำประกัน และเริ่มจ่ายคืนในอีก 2 ปีข้างหน้า ถ้าทำแบบนี้ได้ ธุรกิจเหล่านั้นก็จะพอผ่านช่วงวิกฤติไปได้ <br /><br />อย่าลืมว่าถ้าธุรกิจเหล่านี้ต้องล้มไปในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า รัฐก็จะเกิดวิกฤติในการหารายได้จากการจัดเก็บภาษีเหมือนกัน ปัญหาก็จะกลับมาที่รัฐอยู่ดีถ้าธุรกิจส่วนใหญ่ที่มีต้องล้มหายตายจากไป เป็นเรื่องด้อยปัญญาของคนที่ดูแลภาคการเงินในอดีตที่ยังออกมาพร่ำเพ้อเรื่องวินัยการเงินการคลัง กลัวเงินจะเฟ้อ ในสภาพที่เงินบาทแข็งจนไม่มีใครอยากคบ ธุรกิจย้ายฐานการผลิตออกไปเวียดนามไม่รู้กี่โรงงานแล้ว เงินบาทมันเฟ้ออีกซักนิดน่าจะกำลังดีด้วยซ้ำ<br /><br />อยากให้รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าแบงค์ชาติ มานั่งเป็นเจ้าของธุรกิจแบบพวกเราซักแค่เดือนนึง จะได้เริ่มคิดแบบคนทำมาหากินซักที การที่ต้องโดนทวงหนี้ทุกวัน วันละ 10 ครั้ง จนถึง 5 ทุ่ม หรือการที่ลูกน้องโทรมาขอให้จ่ายเงินเดือนแล้วไม่มีให้ ประกันสังคม ก็ขย่มขอให้เราจ่ายเงินเดือนทั้งๆที่ไม่มีรายได้ หรือการต้องขึ้นศาลวันละเกือบ 7-8 คดีทุกสัปดาห์ เพราะมีเงินไม่พอจ่ายเขา ว่ามันปวดใจแค่ไหน พวกคนที่นั่งบนหอคอยงาช้างแล้วเรียกตัวเองว่าเป็นรัฐบาลไม่มีวันเข้าใจเรื่องพวกนี้ เพราะนอกจากโง่แล้วยังเย่อหยิ่ง คนที่เชียร์ก็น่าจะโง่พอกัน <br /><br />ในส่วนของความเลว ไม่ว่าประเทศและประชาชนจะลำบากแค่ไหน การคอรัปชั่นก็ยังดำเนินต่อไปในทุกภาคส่วน ไม่มีการประกวดราคา ประกวดแบบ หรือการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐในยุคใด ที่มีการจัดสรรเรียกรับผลประโยชน์อย่างเป็นระบบเท่ากับในยุคนี้ ไม่มีทางเลยที่เงินงบประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท จะกระจายลงอย่างทั่วถึงเพราะระบบคอรัปชั่นของรัฐบาลทหารชุดนี้ จะกระจายผลประโยชน์ลงไปในวงแคบเฉพาะผู้ที่เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้กับผู้มีอำนาจเท่านั้น จึงจะได้งานไป กล้าท้าให้ท่านนายกฯลงมาสุ่มตรวจการประมูลงานภาครัฐ กระทรวง กรม ไหนก็ได้ รับรองได้ว่าเจอเบาะแสคอรัปชั่นได้ทุกครั้งไปแน่นอน <br /><br />เงิน 1.9 ล้านล้านบาท ที่ประชาชนทุกคนต้องร่วมกันใช้หนี้ ก็จะเข้าไปอยู่ในกระเป๋าพวกพ้องเขา โดยที่ไม่มีภาคธุรกิจไหนได้ประโยชน์กันต่อไป ธุรกิจก็ต้องเจ็บปวดกันโดยไม่จำเป็นในขณะที่คนที่สนิทสนมกับภาครัฐก็มีชีวิตดีๆกันต่อไป ในรัฐธรรมนูญแบบนี้ ทำให้เราได้รัฐบาลที่ได้มาซึ่งอำนาจโดยไม่ต้องเห็นหัวประชาชน ชีวิตพวกเราในภาคธุรกิจก็จะต้องพบกับวิบากกรรมเช่นนี้ ในห้วงมหรรณพแห่งความทุกข์ในแบบที่ยากจะโงหัวขึ้นมาได้ และเราเหมือนกับว่ายน้ำไปโดยไม่เห็นฝั่งแห่งความหวัง แต่ก็ยังต้องว่ายต่อไปเหมือนกับพระมหาชนก ด้วยศรัทธาของชีวิตที่มีให้กับพวกเรากันเองเท่านั้น ", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1151666219574796288", "published": "2020-09-12T23:50:23+00:00", "source": { "content": "รัฐบาลนี้ที่ผ่านมา เลวและโง่ครับ\n\nใครยังเชียร์รัฐบาลอยู่ได้ ก็จะมีแต่คนที่รวยอยู่แล้ว เป็นข้าราชการหรือไม่ก็ทำงานในบริษัทใหญ่ๆที่ต้องอาศัยรัฐบาลเพื่อให้บริษัทอยู่รอด\n\nเงิน 1.9 ล้านล้านบาทที่เพิ่งผ่านสภาไป นอกจากจะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่นำ้ที่ไม่ไดัตกมาถึงมือประชาชนแม้แต่บาทเดียวแล้ว ยังเป็นการส่งต่อเงินให้ข้าราชการ พรรคพวกกันที่หากินกับรัฐบาล และโครงข่ายคอรัปชั่นของรัฐให้ได้ประโยชน์ไปทั้งสิ้น ไม่มีเงินที่อัดฉีดลงมาภาคธุรกิจเลยจนถึงวันนี้ และธุรกิจส่วนใหญ่ก็ประคองลมหายใจแค่รอวันตาย \n\nเราอยากเห็นเงินกู้ที่ให้กับภาคธุรกิจ ที่ให้มาโดยตรงกับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรือร้านอาหาร จากการที่นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศหายไป ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่า 3 ใน 4 ของรายได้ทั้งหมด ในวงเงินกู้เพื่อให้ธุรกิจเหล่านั้นอยู่ไปได้ 1 ปี โดยไม่ต้องผ่อนคืนภายใน 2 ปีแรก เพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้ ก่อนจึงจะเริ่มจ่ายคืน เช่น ธุรกิจที่มีรายได้ 80 ล้านบาทต่อปี รัฐให้เงินกู้ 3 ใน 4 ส่วนคือ 60 ล้านบาท ไม่มีการค้ำประกัน และเริ่มจ่ายคืนในอีก 2 ปีข้างหน้า ถ้าทำแบบนี้ได้ ธุรกิจเหล่านั้นก็จะพอผ่านช่วงวิกฤติไปได้ \n\nอย่าลืมว่าถ้าธุรกิจเหล่านี้ต้องล้มไปในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า รัฐก็จะเกิดวิกฤติในการหารายได้จากการจัดเก็บภาษีเหมือนกัน ปัญหาก็จะกลับมาที่รัฐอยู่ดีถ้าธุรกิจส่วนใหญ่ที่มีต้องล้มหายตายจากไป เป็นเรื่องด้อยปัญญาของคนที่ดูแลภาคการเงินในอดีตที่ยังออกมาพร่ำเพ้อเรื่องวินัยการเงินการคลัง กลัวเงินจะเฟ้อ ในสภาพที่เงินบาทแข็งจนไม่มีใครอยากคบ ธุรกิจย้ายฐานการผลิตออกไปเวียดนามไม่รู้กี่โรงงานแล้ว เงินบาทมันเฟ้ออีกซักนิดน่าจะกำลังดีด้วยซ้ำ\n\nอยากให้รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าแบงค์ชาติ มานั่งเป็นเจ้าของธุรกิจแบบพวกเราซักแค่เดือนนึง จะได้เริ่มคิดแบบคนทำมาหากินซักที การที่ต้องโดนทวงหนี้ทุกวัน วันละ 10 ครั้ง จนถึง 5 ทุ่ม หรือการที่ลูกน้องโทรมาขอให้จ่ายเงินเดือนแล้วไม่มีให้ ประกันสังคม ก็ขย่มขอให้เราจ่ายเงินเดือนทั้งๆที่ไม่มีรายได้ หรือการต้องขึ้นศาลวันละเกือบ 7-8 คดีทุกสัปดาห์ เพราะมีเงินไม่พอจ่ายเขา ว่ามันปวดใจแค่ไหน พวกคนที่นั่งบนหอคอยงาช้างแล้วเรียกตัวเองว่าเป็นรัฐบาลไม่มีวันเข้าใจเรื่องพวกนี้ เพราะนอกจากโง่แล้วยังเย่อหยิ่ง คนที่เชียร์ก็น่าจะโง่พอกัน \n\nในส่วนของความเลว ไม่ว่าประเทศและประชาชนจะลำบากแค่ไหน การคอรัปชั่นก็ยังดำเนินต่อไปในทุกภาคส่วน ไม่มีการประกวดราคา ประกวดแบบ หรือการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐในยุคใด ที่มีการจัดสรรเรียกรับผลประโยชน์อย่างเป็นระบบเท่ากับในยุคนี้ ไม่มีทางเลยที่เงินงบประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท จะกระจายลงอย่างทั่วถึงเพราะระบบคอรัปชั่นของรัฐบาลทหารชุดนี้ จะกระจายผลประโยชน์ลงไปในวงแคบเฉพาะผู้ที่เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้กับผู้มีอำนาจเท่านั้น จึงจะได้งานไป กล้าท้าให้ท่านนายกฯลงมาสุ่มตรวจการประมูลงานภาครัฐ กระทรวง กรม ไหนก็ได้ รับรองได้ว่าเจอเบาะแสคอรัปชั่นได้ทุกครั้งไปแน่นอน \n\nเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ที่ประชาชนทุกคนต้องร่วมกันใช้หนี้ ก็จะเข้าไปอยู่ในกระเป๋าพวกพ้องเขา โดยที่ไม่มีภาคธุรกิจไหนได้ประโยชน์กันต่อไป ธุรกิจก็ต้องเจ็บปวดกันโดยไม่จำเป็นในขณะที่คนที่สนิทสนมกับภาครัฐก็มีชีวิตดีๆกันต่อไป ในรัฐธรรมนูญแบบนี้ ทำให้เราได้รัฐบาลที่ได้มาซึ่งอำนาจโดยไม่ต้องเห็นหัวประชาชน ชีวิตพวกเราในภาคธุรกิจก็จะต้องพบกับวิบากกรรมเช่นนี้ ในห้วงมหรรณพแห่งความทุกข์ในแบบที่ยากจะโงหัวขึ้นมาได้ และเราเหมือนกับว่ายน้ำไปโดยไม่เห็นฝั่งแห่งความหวัง แต่ก็ยังต้องว่ายต่อไปเหมือนกับพระมหาชนก ด้วยศรัทธาของชีวิตที่มีให้กับพวกเรากันเองเท่านั้น ", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1151666219574796288/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1151665824451846144", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "content": "Driftwood คือท่อนไม้แห้งที่ลอยไปตามน้ำ รอวันเกยตื้น และไม่ได้มีประโยชน์อะไรชัดเจน<br /><br />ลอยไปทางซ้ายที ขวาที ตามที่กระแสน้ำจะพาไป ไม่มีใครขับเคลื่อนถือหางเสือบางคับคัดท้าย คิดแล้วก็เหมือนรัฐนาวาทางเศรษฐกิจในช่วงเวลานี้<br /><br />กลุ่ม <a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&amp;t=all&amp;q=CAREคิดเคลื่อนไทย\" title=\"#CAREคิดเคลื่อนไทย\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#CAREคิดเคลื่อนไทย</a> เรามองไปข้างหน้า ก็เห็นผาน้ำตกอยู่ข้างหน้า เราก็พยายามตะโกนบอกว่า ให้หันหัวเรือไปทางอื่นสิ และต้องทำอย่างไรบ้างที่เป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหา บอกมาตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว ในเวลาที่ยังแก้ไขทัน แต่รัฐบาลก็ไม่ได้สนใจ มัวแต่เล่นเกมแย่งอำนาจการเมืองกันต่อไป เล่นกันป่วนจนต้องมีคนกระโดดน้ำสละเรือกันเป็นระยะ สุดท้ายท่อนไม้ลอยน้ำ driftwood ของเราก็โดนกระแสน้ำพัดมาจนเห็นเหวน้ำตกอยู่เบื้องหน้า และมันใหญ่กว่าที่เราคิด<br /><br />มันคือเหวขนาดความลึก 7.2 ล้านล้านบาท<br /><br />ธนาคารพาณิชย์เชื่อว่าจะมีหนี้เสียไม่เกิน 30% ของหนี้ทั้งหมด ซึ่งนั่นก็ใกล้เคียงกับตัวเลข 2.2 ล้านล้านบาท ที่ทางอาจารย์เปี๋ยม ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ได้เคยให้คำแนะนำผ่านกลุ่ม CARE ไปเมื่อเกือบ 2 เดือนที่แล้ว ว่าให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมรับมือกับหนี้ที่อาจจะเสียก้อนนี้อย่างไรบ้าง แต่ก็เป็นคำแนะนำที่สูญเปล่า เพราะเป็นช่วงที่ผู้ว่าฯกำลังจะหมดวาระและรมว.คลังกำลังจะพ้นจากตำแหน่ง ส่วนท่านนายกฯก็ไม่เป็นธุระด้านเศรษฐกิจเอาเลย จนในที่สุด ระยะเวลา 150 วันที่เรากำหนดไว้ก็ใกล้หมดลง และความหายนะทางเศรษฐกิจก็มาตามนัด ในแบบที่กลุ่ม CARE ได้ทำนายเอาไว้ไม่ผิดนัก<br /><br />ในช่วงเวลาใกล้ปากเหวนี้ กลุ่ม CARE ก็ได้มีการหารือกันอย่างเข้มข้นอีกครั้งหนึ่ง และอาจารย์เปี๋ยม ก็ได้พยายามใช้ความคิดอย่างเต็มที่ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหา’ยาแรง’เพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจในโค้งสุดท้ายก่อนที่ รัฐนาวา driftwood นี้ จะพาประเทศไทยลงไปสู่ก้นเหวทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย และอาจารย์ก็ได้นำความคิดนี้เข้าสู่การหารือกันในกลุ่มเพื่อให้เราทุกคนได้ถก หารือ ปรับแก้ไข จนพร้อมที่จะนำเสนอแนวทางแก้ปัญหานี้ในนามของกลุ่ม และเตรียมที่จะนำเสนอในสัปดาห์หน้าที่กำลังจะมาถึงนี้<br /><br />ไม่ว่ารัฐบาลจะฟังหรือไม่ฟัง เรา ในฐานะประชาชนก็ต้องพยายามพาประเทศให้พ้นเหวหายนะนี้ให้ได้อย่างเต็มที่ที่สุด ให้มันรู้กันไปว่าประเทศไทยยังมีคนมีสติปัญญาอยู่ และคนมีปัญญาเหล่านั้น จะสู้กันจนวาระสุดท้าย ", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1151665824451846144", "published": "2020-09-12T23:48:49+00:00", "source": { "content": "Driftwood คือท่อนไม้แห้งที่ลอยไปตามน้ำ รอวันเกยตื้น และไม่ได้มีประโยชน์อะไรชัดเจน\n\nลอยไปทางซ้ายที ขวาที ตามที่กระแสน้ำจะพาไป ไม่มีใครขับเคลื่อนถือหางเสือบางคับคัดท้าย คิดแล้วก็เหมือนรัฐนาวาทางเศรษฐกิจในช่วงเวลานี้\n\nกลุ่ม #CAREคิดเคลื่อนไทย เรามองไปข้างหน้า ก็เห็นผาน้ำตกอยู่ข้างหน้า เราก็พยายามตะโกนบอกว่า ให้หันหัวเรือไปทางอื่นสิ และต้องทำอย่างไรบ้างที่เป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหา บอกมาตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว ในเวลาที่ยังแก้ไขทัน แต่รัฐบาลก็ไม่ได้สนใจ มัวแต่เล่นเกมแย่งอำนาจการเมืองกันต่อไป เล่นกันป่วนจนต้องมีคนกระโดดน้ำสละเรือกันเป็นระยะ สุดท้ายท่อนไม้ลอยน้ำ driftwood ของเราก็โดนกระแสน้ำพัดมาจนเห็นเหวน้ำตกอยู่เบื้องหน้า และมันใหญ่กว่าที่เราคิด\n\nมันคือเหวขนาดความลึก 7.2 ล้านล้านบาท\n\nธนาคารพาณิชย์เชื่อว่าจะมีหนี้เสียไม่เกิน 30% ของหนี้ทั้งหมด ซึ่งนั่นก็ใกล้เคียงกับตัวเลข 2.2 ล้านล้านบาท ที่ทางอาจารย์เปี๋ยม ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ได้เคยให้คำแนะนำผ่านกลุ่ม CARE ไปเมื่อเกือบ 2 เดือนที่แล้ว ว่าให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมรับมือกับหนี้ที่อาจจะเสียก้อนนี้อย่างไรบ้าง แต่ก็เป็นคำแนะนำที่สูญเปล่า เพราะเป็นช่วงที่ผู้ว่าฯกำลังจะหมดวาระและรมว.คลังกำลังจะพ้นจากตำแหน่ง ส่วนท่านนายกฯก็ไม่เป็นธุระด้านเศรษฐกิจเอาเลย จนในที่สุด ระยะเวลา 150 วันที่เรากำหนดไว้ก็ใกล้หมดลง และความหายนะทางเศรษฐกิจก็มาตามนัด ในแบบที่กลุ่ม CARE ได้ทำนายเอาไว้ไม่ผิดนัก\n\nในช่วงเวลาใกล้ปากเหวนี้ กลุ่ม CARE ก็ได้มีการหารือกันอย่างเข้มข้นอีกครั้งหนึ่ง และอาจารย์เปี๋ยม ก็ได้พยายามใช้ความคิดอย่างเต็มที่ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหา’ยาแรง’เพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจในโค้งสุดท้ายก่อนที่ รัฐนาวา driftwood นี้ จะพาประเทศไทยลงไปสู่ก้นเหวทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย และอาจารย์ก็ได้นำความคิดนี้เข้าสู่การหารือกันในกลุ่มเพื่อให้เราทุกคนได้ถก หารือ ปรับแก้ไข จนพร้อมที่จะนำเสนอแนวทางแก้ปัญหานี้ในนามของกลุ่ม และเตรียมที่จะนำเสนอในสัปดาห์หน้าที่กำลังจะมาถึงนี้\n\nไม่ว่ารัฐบาลจะฟังหรือไม่ฟัง เรา ในฐานะประชาชนก็ต้องพยายามพาประเทศให้พ้นเหวหายนะนี้ให้ได้อย่างเต็มที่ที่สุด ให้มันรู้กันไปว่าประเทศไทยยังมีคนมีสติปัญญาอยู่ และคนมีปัญญาเหล่านั้น จะสู้กันจนวาระสุดท้าย ", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1151665824451846144/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1122862016731758592", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "content": "<a href=\"https://www.minds.com/newsfeed/1122862016731758592\" target=\"_blank\">https://www.minds.com/newsfeed/1122862016731758592</a>", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/followers", "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575267155449225230" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1122862016731758592", "published": "2020-06-25T12:12:46+00:00", "inReplyTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575267155449225230/entities/urn:activity:1122849049858408448", "source": { "content": "https://www.minds.com/newsfeed/1122862016731758592", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1122862016731758592/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1121676860146208768", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "content": "การคงไว้ซึ่ง พรก.ฉุกเฉิน คือการปฏิเสธโดยตรงของรัฐ ในความตั้งใจที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว<br /><br />วันนี้เราไม่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาครบ 28 วัน ตามที่คุณหมอสั่งกันไว้พอดี <br /><br />การประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินควรจะมีขึ้นเมื่อมีภาวะฉุกเฉิน ในทันทีที่ภาวะฉุกเฉินนั้นหายไป รัฐก็ควรจะต้องรีบยกเลิกภาวะฉุกเฉินนั้นอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดสภาวะชงักงันทางเศรษฐกิจ และทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจพลิกฟื้นขึ้นมาได้<br /><br />พรก.ฉุกเฉิน คือการรวบอำนาจการปกครองและการตัดสินใจทั้งหมดในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นๆ ไปไว้ที่นายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว นั่นหมายรวมถึงการตัดสินใจในเรื่องของเศรษฐกิจและสังคมเข้าไปรวมไว้ด้วย ถ้าเศรษฐกิจเราย่ำแย่ หรือสังคมเราเสื่อมทราม ก็แปลว่าคนที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงคือนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว การบังคับใช้พรก.ฉุกเฉินจึงเป็นเหมือนดาบสองคมของอำนาจและความรับผิดชอบ ผู้นำประเทศที่เฉลียวฉลาด ก็จะไม่ถืออำนาจภายใต้พรก.ฉุกเฉินเอาไว้นาน เพราะมันเป็นความรับผิดชอบที่มากกว่าคนปรกติจะรับเอาไว้ได้ ถ้าไม่ได้เกิดมาเป็นอัจฉริยะรอบด้านมาตั้งแต่เกิด<br /><br />แต่ท่านอาจจจะคิดว่าท่านเป็นนะ อันนี้ผมก็ไม่ทราบได้<br /><br />ในขณะที่ความหายนะทางเศรษฐกิจกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างชัดเจนในอีก 150 วันข้างหน้า รัฐบาล นอกจากยังไม่มีแผนการณ์อะไรที่เป็นรูปธรรมในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาเจริญเติบโตได้ ยังมาซ้ำเติมความยากจนด้วยการชะลอการยกเลิกพรก.ฉุกเฉินออกไปอย่างไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม ควบคุมรัฐตามความเห็นความรู้สึกส่วนบุคคลโดยไม่ยอมบังคับใช้กฎหมายต่างๆที่ยุติธรรมกับประชาชนในภาวะปรกติ เป็นความโง่แห่งรัฐโดยแท้ เป็นความคิดแบบรวบยอดที่เราคุ้นเคยกันมา 6 ปี และเป็นชุดความคิดที่พาประเทศถอยหลังลงคลองเศรษฐกิจ ย่ำแย่หน้าอายที่สุดในอาเซียน และเราก็คงต้องทนกันต่อไป เพราะอธิบายมากแค่ไหน พวกเขาก็คิดได้แค่เท่าเดิม <br /><br />จุดเริ่มต้นที่เราจะพลิกเศรษฐกิจขึ้นมาให้ทันเวลา ก็คือการยกเลิกการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินทันทีครับ ถ้าทำแบบนั้น แม้ความหวังจะมีแค่น้อยนิด แต่ก็ยังมีความหวังกันอยู่บ้าง <br /><br />", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1121676860146208768", "published": "2020-06-22T05:43:23+00:00", "source": { "content": "การคงไว้ซึ่ง พรก.ฉุกเฉิน คือการปฏิเสธโดยตรงของรัฐ ในความตั้งใจที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว\n\nวันนี้เราไม่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาครบ 28 วัน ตามที่คุณหมอสั่งกันไว้พอดี \n\nการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินควรจะมีขึ้นเมื่อมีภาวะฉุกเฉิน ในทันทีที่ภาวะฉุกเฉินนั้นหายไป รัฐก็ควรจะต้องรีบยกเลิกภาวะฉุกเฉินนั้นอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดสภาวะชงักงันทางเศรษฐกิจ และทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจพลิกฟื้นขึ้นมาได้\n\nพรก.ฉุกเฉิน คือการรวบอำนาจการปกครองและการตัดสินใจทั้งหมดในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นๆ ไปไว้ที่นายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว นั่นหมายรวมถึงการตัดสินใจในเรื่องของเศรษฐกิจและสังคมเข้าไปรวมไว้ด้วย ถ้าเศรษฐกิจเราย่ำแย่ หรือสังคมเราเสื่อมทราม ก็แปลว่าคนที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงคือนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว การบังคับใช้พรก.ฉุกเฉินจึงเป็นเหมือนดาบสองคมของอำนาจและความรับผิดชอบ ผู้นำประเทศที่เฉลียวฉลาด ก็จะไม่ถืออำนาจภายใต้พรก.ฉุกเฉินเอาไว้นาน เพราะมันเป็นความรับผิดชอบที่มากกว่าคนปรกติจะรับเอาไว้ได้ ถ้าไม่ได้เกิดมาเป็นอัจฉริยะรอบด้านมาตั้งแต่เกิด\n\nแต่ท่านอาจจจะคิดว่าท่านเป็นนะ อันนี้ผมก็ไม่ทราบได้\n\nในขณะที่ความหายนะทางเศรษฐกิจกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างชัดเจนในอีก 150 วันข้างหน้า รัฐบาล นอกจากยังไม่มีแผนการณ์อะไรที่เป็นรูปธรรมในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาเจริญเติบโตได้ ยังมาซ้ำเติมความยากจนด้วยการชะลอการยกเลิกพรก.ฉุกเฉินออกไปอย่างไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม ควบคุมรัฐตามความเห็นความรู้สึกส่วนบุคคลโดยไม่ยอมบังคับใช้กฎหมายต่างๆที่ยุติธรรมกับประชาชนในภาวะปรกติ เป็นความโง่แห่งรัฐโดยแท้ เป็นความคิดแบบรวบยอดที่เราคุ้นเคยกันมา 6 ปี และเป็นชุดความคิดที่พาประเทศถอยหลังลงคลองเศรษฐกิจ ย่ำแย่หน้าอายที่สุดในอาเซียน และเราก็คงต้องทนกันต่อไป เพราะอธิบายมากแค่ไหน พวกเขาก็คิดได้แค่เท่าเดิม \n\nจุดเริ่มต้นที่เราจะพลิกเศรษฐกิจขึ้นมาให้ทันเวลา ก็คือการยกเลิกการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินทันทีครับ ถ้าทำแบบนั้น แม้ความหวังจะมีแค่น้อยนิด แต่ก็ยังมีความหวังกันอยู่บ้าง \n\n", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1121676860146208768/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1118555670246797312", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "content": "<a href=\"https://www.minds.com/newsfeed/1118555670246797312\" target=\"_blank\">https://www.minds.com/newsfeed/1118555670246797312</a>", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/followers", "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575267155449225230" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1118555670246797312", "published": "2020-06-13T15:00:53+00:00", "inReplyTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575267155449225230/entities/urn:activity:1118535258371563520", "source": { "content": "https://www.minds.com/newsfeed/1118555670246797312", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1118555670246797312/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1118555547253026816", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "content": "<a href=\"https://www.minds.com/newsfeed/1118555547253026816\" target=\"_blank\">https://www.minds.com/newsfeed/1118555547253026816</a>", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/followers", "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575267155449225230" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1118555547253026816", "published": "2020-06-13T15:00:24+00:00", "inReplyTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/575267155449225230/entities/urn:activity:1118533531502084096", "source": { "content": "https://www.minds.com/newsfeed/1118555547253026816", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1118555547253026816/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1118555278066548736", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "content": "<a href=\"https://www.bbc.com/thai/53031906\" target=\"_blank\">https://www.bbc.com/thai/53031906</a>", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1118555278066548736", "published": "2020-06-13T14:59:20+00:00", "source": { "content": "https://www.bbc.com/thai/53031906", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1118555278066548736/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1118365333840621568", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "content": "พรก.ฉุกเฉิน อนุญาตให้คนคนเดียวตัดสินใจ ถ้าเป็นคนฉลาดตัดสินใจก็ดีไป แต่ถ้าไม่ใช่ ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นกับประเทศ <br /><br />พรก.ฉุกเฉิน มีไว้ใช้ตอนฉุกเฉิน ไม่ฉุกเฉินแล้วก็เลิกเสีย รวบอำนาจปกครองไว้ที่นายกฯคนเดียว มีผลเสียมากกว่าผลดี <br /><br />สงสารประเทศไทย <br />เลิกเคอร์ฟิวไม่ใช่การเลิกพรกฉุกเฉิน", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1118365333840621568", "published": "2020-06-13T02:24:33+00:00", "source": { "content": "พรก.ฉุกเฉิน อนุญาตให้คนคนเดียวตัดสินใจ ถ้าเป็นคนฉลาดตัดสินใจก็ดีไป แต่ถ้าไม่ใช่ ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นกับประเทศ \n\nพรก.ฉุกเฉิน มีไว้ใช้ตอนฉุกเฉิน ไม่ฉุกเฉินแล้วก็เลิกเสีย รวบอำนาจปกครองไว้ที่นายกฯคนเดียว มีผลเสียมากกว่าผลดี \n\nสงสารประเทศไทย \nเลิกเคอร์ฟิวไม่ใช่การเลิกพรกฉุกเฉิน", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1118365333840621568/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1118350503244955648", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "content": "<a href=\"https://www.matichon.co.th/politics/news_2226060\" target=\"_blank\">https://www.matichon.co.th/politics/news_2226060</a>", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1118350503244955648", "published": "2020-06-13T01:25:37+00:00", "source": { "content": "https://www.matichon.co.th/politics/news_2226060", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1118350503244955648/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1117711654797479936", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "content": "มีใครว่าง ก็รอฟัง Live ผ่าน Voice TV กันนะครับ ", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1117711654797479936", "published": "2020-06-11T07:07:03+00:00", "source": { "content": "มีใครว่าง ก็รอฟัง Live ผ่าน Voice TV กันนะครับ ", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1117711654797479936/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1115478494802329600", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "content": "มันจะไม่มี New Normal นะครับ <br /><br />สิ่งนี้อาจจะทำให้หลายคนไม่ค่อยพอใจ แต่มันจะเป็นเรื่องจริงครับ<br /><br />เหตุการณ์มรสุมอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราวที่จะไม่สร้างการเปลี่ยนแปลงโลกในระดับ catastrophe ในวิธีที่จะเปลี่ยนโลกใบนี้ไปได้นะครับ เราจะรับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลก็จริง แต่สุดท้ายมนุษย์ก็จะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เสมอ จากสิ่งที่เรียกว่า Edge Of Chaos เข้าสู่ Far From Equilibrium แล้วก็เข้าสู่ New Equilibrium หรือที่ในทาง Thermo Dynamics เราเรียกว่า สมดุลย์ใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องปรกติของระบบวิวัฒนาการ (Self Organisational) ทุกระบบ และชีวิตทั้งหลายก็จะกลับสู่สภาพสมดุลย์ใหม่นั้น เราจะกลับมาค้าขาย ซื้อของเดินตลาด ท่องเที่ยว กินอาหารแบบเดิม เพิ่มเติมก็แค่มีเทคนิคใหม่ๆเพิ่มขึ้นบ้าง แต่สุดท้ายชีวิตก็จะเข้าสู่สภาพปรกติ แม้ว่าไวรัสที่ทำให้เกิดโควิด 19 มันจะยังไม่หายไปทั้งหมด แต่ชีวิตเราในทางสังคมและชีวภาพก็จะเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมันได้ อัตราการตายก็จะน้อยลงในที่สุด ทั้งเราและไวรัสก็จะอยู่ร่วมกัน (co-exists) และเป็นระบบนิเวศน์ที่สมดุลย์ <br /><br />มันจะไม่มีโลกหลังโควิดครับ<br /><br />เราและโควิดก็จะอยู่ร่วมกันบนโลกใบนี้แบบสมดุลย์ อัตราการตายเนื่องจากไวรัสก็จะมีอยู่ต่อไปในอัตราที่ไม่ต่างมากจากโรคที่รักษาๆไม่หายต่างๆที่ก็ยังมีอยู่ในปัจจุบัน เช่นเดียวกับการแพร่ระบาดของโรคอื่นๆที่เคยเกิดขึ้นอย่างรุนแรงมาแล้วในประวัติศาสตร์หลายครั้ง และทุกครั้งมนุษย์ก็จะเชื่อว่าโรคระบาดเหล่านั้นจะนำไปสู่โลกใหม่ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมในระดับ catastrophe แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นครับ โรคเหล่านั้นก็ยังอยู่ เราก็ยังอยู่ แล้วไปถึงจุดหนึ่งเราก็จะใช้ชีวิตต่อไปเหมือนเราไม่เคยมีมัน <br /><br />สิ่งที่ขาดหายไปในบทสนทนาขณะนี้ ทั้งในฝั่งของรัฐบาลและประชาชน ก็คือความสามารถในการสร้างวิสัยทัศน์ไปสู่ภาวะสมดุลย์ใหม่ที่เหมาะสม ทั้งในทางสังคมและเศรษฐกิจ รัฐบาลยังเอาตัวรอดไม่ได้จากการฟื้นฟูสังคมขึ้นมาจากโรคระบาดเลย ยังดำเนินการทุกสิ่งอย่างงกเงิ่น ล่าช้า มองหาแต่ประโยชน์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในเชิงการเงินและการสร้างฐานอำนาจ ซึ่งทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในการนำพาประเทศไปสู่สมดุลย์ใหม่นั้นไม่ได้รับการวางแผนไว้เลย ส่วนในด้านของประชาชนก็ยังขาดวิสัยทัศน์ในการสร้างระบบเศรษฐกิจและสังคมไปสู่ความรุ่งเรืองในภาวะสมดุลย์ใหม่ เรายังไม่สามารถก้าวข้ามความหวาดกลัวของโควิด 19 ได้ เราคิดว่ามันน่ากลัวจนกระทั่งกำหนดให้เราต้องเปลี่ยนภาวะปรกติของเราไปสู่ภาวะปรกติแบบใหม่ที่เต็มไปด้วยความกลัวที่มีต่อโรค New Normal ที่เราเราเรียกกัน เบื้องหลังของมันคือความหวาดกลัวที่เรามีต่อโรค และความหวาดกลัวนั้นจะกดเราเอาไว้ ทำให้เราไม่สามารถก้าวข้ามโควิด 19 ไปสู่ภาวะสมดุลย์ใหม่ทางเศรษฐกิจที่รอเราอยู่ได้ และนั่นคืออันตรายที่สุดสำหรับประเทศไทย ทั้งในทางเศรษฐกิจและสังคม<br /><br />ในภาวะเศรษฐกิจและสังคมในแบบสมดุลย์ใหม่ หรือ New Equiliribrium นี้ โลกจะเป็นพลวัติมากขึ้นอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน มนุษย์จะพัฒนาทักษะทั้งในโลกเสมือนและโลกจริงที่มีวิวัฒนาการสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์ เทคโนโลยี่และธรรมชาติจะทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว มันจะไม่มี ‘โลกจริง’ และ ‘โลกออนไลน์’ อีกต่อไป เพราะทั้งสองโลกนั้นจะทำงานร่วมกัน fold เป็นเนื้อเดียวกัน ในวิธีที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ พลังงานมาจากธรรมชาติ สมดุลย์ของธรรมชาติกลายเป็นแหล่งพลังงานที่ปราศจากข้อจำกัดสำหรับมนุษย์ แหล่งพลังงานจากเทคโนโลยี่ใหม่ที่ให้ผลตอบแทนเป็นร้อยเท่าของปัจจุบันจะถือกำเนิดขึ้น<br /><br /> ทันทีที่โลกปรับตัวเข้าสู่สมดุลย์ใหม่ การแลกเปลี่ยนในระดับท้องถิ่น (local supply chain) จะเชื่อมโยงกลายเป็นหนึ่งเดียวกับ global supply chain ด้วยความช่วยเหลือของเทคโนโลยี่ ธุรกิจอาหารจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่โดดเด่นที่สุดที่ได้ประโยชน์จาก fluidity ของ local supply chain นี้ ผู้คนจะเดินทางไปมาหาสู่กันมากขึ้นกว่าเดิมไม่ใช่น้อยลง และความต้องการที่จะไปถึงที่หมายเร็วที่สุดคือหัวใจในการพัฒนาระบบขนส่งทั้งสินค้าและบริการ ธุรกิจเราจะให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้าที่มากขึ้นพอๆกับบริการ ประเทศไทย ทั้งประชาชนและรัฐบาล ควรจะเตรียมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) ที่สนับสนุนการเกิดใหม่ของธุรกิจเหล่านี้เพื่อสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างรวดเร็วในภาวะสมดุลย์ใหม่ และสนับสนุนให้ภาคธุรกิจสามารถทำงาน เริ่มต้นธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมทั้งวิสาหกิจชุมชนต่างๆ ให้สามารถเจริญเติบโตแข็งแรงได้อย่างรวดเร็ว<br /><br />ระบบธุรกิจที่จะทำให้ประเทศแข็งแรงได้มากที่สุดในสมดุลย์ใหม่ คือธุรกิจขนาดจิ๋ว (micro business economy) ซึ่งมีขนาดเล็กลงไปกว่า SME ในอดีต เรากำลังพูดถึงธุรกิจที่มีขนาดเล็กแบบ 1-2 คน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีกำลังเข้าถึงทุนที่จะทำให้ธุรกิจขยายตัวอย่างมีประสิทธิภาพได้ แต่ธุรกิจขนาดจิ๋วนี่แหละ คือกลไกลที่สำคัญของประสิทธิภาพของระบบธุรกิจทั้งหมด เนื่องจากธุรกิจขนาดจิ๋วเหล่านี้ มีการสูญเสียน้อย และสามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิผลเสมอ ประเทศไทยในสมดุลย์ใหม่ จะถูกสร้างขึ้นจากเครือข่ายของธุรกิจขนาดจิ๋วนี้ ที่เชื่อมโยงกันเป็นโครงสร้างองค์รวมขนาดใหญ่จนสามารถก่อกำเนิดเป็นชุมชนและมี hive mind เป็นของชุมชนได้ เมื่อนั้นธุรกิจขนาดจิ๋วเหล่านี้แหละจะแข็งแรงเมื่อรวมกันและขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สมดุลย์ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ<br /><br />ประเทศของเรา จะเดินหน้าต่อไปได้อย่างทรงพลัง ประชาชนและรัฐบาลต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับอนาคต ในวิธีที่เป็นความเป็นไปได้สำหรับทุกๆคน การที่เราไม่ต่อต้าน หรือยอมแพ้กับการเปลี่ยนแปลง และในทางตรงกันข้าม โอบกอดการเปลี่ยนแปลงนั้นและสร้างวิวัฒนาการไปในบริบทที่ก่อกำเนิดใหม่นั้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาอย่างมีพลวัติ <br /><br />นั่นคือวิธีเดียวที่เราจะสร้างการคงไว้ให้ดำรงอยู่สำหรับชีวิต ", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1115478494802329600", "published": "2020-06-05T03:13:17+00:00", "source": { "content": "มันจะไม่มี New Normal นะครับ \n\nสิ่งนี้อาจจะทำให้หลายคนไม่ค่อยพอใจ แต่มันจะเป็นเรื่องจริงครับ\n\nเหตุการณ์มรสุมอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราวที่จะไม่สร้างการเปลี่ยนแปลงโลกในระดับ catastrophe ในวิธีที่จะเปลี่ยนโลกใบนี้ไปได้นะครับ เราจะรับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลก็จริง แต่สุดท้ายมนุษย์ก็จะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เสมอ จากสิ่งที่เรียกว่า Edge Of Chaos เข้าสู่ Far From Equilibrium แล้วก็เข้าสู่ New Equilibrium หรือที่ในทาง Thermo Dynamics เราเรียกว่า สมดุลย์ใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องปรกติของระบบวิวัฒนาการ (Self Organisational) ทุกระบบ และชีวิตทั้งหลายก็จะกลับสู่สภาพสมดุลย์ใหม่นั้น เราจะกลับมาค้าขาย ซื้อของเดินตลาด ท่องเที่ยว กินอาหารแบบเดิม เพิ่มเติมก็แค่มีเทคนิคใหม่ๆเพิ่มขึ้นบ้าง แต่สุดท้ายชีวิตก็จะเข้าสู่สภาพปรกติ แม้ว่าไวรัสที่ทำให้เกิดโควิด 19 มันจะยังไม่หายไปทั้งหมด แต่ชีวิตเราในทางสังคมและชีวภาพก็จะเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมันได้ อัตราการตายก็จะน้อยลงในที่สุด ทั้งเราและไวรัสก็จะอยู่ร่วมกัน (co-exists) และเป็นระบบนิเวศน์ที่สมดุลย์ \n\nมันจะไม่มีโลกหลังโควิดครับ\n\nเราและโควิดก็จะอยู่ร่วมกันบนโลกใบนี้แบบสมดุลย์ อัตราการตายเนื่องจากไวรัสก็จะมีอยู่ต่อไปในอัตราที่ไม่ต่างมากจากโรคที่รักษาๆไม่หายต่างๆที่ก็ยังมีอยู่ในปัจจุบัน เช่นเดียวกับการแพร่ระบาดของโรคอื่นๆที่เคยเกิดขึ้นอย่างรุนแรงมาแล้วในประวัติศาสตร์หลายครั้ง และทุกครั้งมนุษย์ก็จะเชื่อว่าโรคระบาดเหล่านั้นจะนำไปสู่โลกใหม่ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมในระดับ catastrophe แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นครับ โรคเหล่านั้นก็ยังอยู่ เราก็ยังอยู่ แล้วไปถึงจุดหนึ่งเราก็จะใช้ชีวิตต่อไปเหมือนเราไม่เคยมีมัน \n\nสิ่งที่ขาดหายไปในบทสนทนาขณะนี้ ทั้งในฝั่งของรัฐบาลและประชาชน ก็คือความสามารถในการสร้างวิสัยทัศน์ไปสู่ภาวะสมดุลย์ใหม่ที่เหมาะสม ทั้งในทางสังคมและเศรษฐกิจ รัฐบาลยังเอาตัวรอดไม่ได้จากการฟื้นฟูสังคมขึ้นมาจากโรคระบาดเลย ยังดำเนินการทุกสิ่งอย่างงกเงิ่น ล่าช้า มองหาแต่ประโยชน์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในเชิงการเงินและการสร้างฐานอำนาจ ซึ่งทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในการนำพาประเทศไปสู่สมดุลย์ใหม่นั้นไม่ได้รับการวางแผนไว้เลย ส่วนในด้านของประชาชนก็ยังขาดวิสัยทัศน์ในการสร้างระบบเศรษฐกิจและสังคมไปสู่ความรุ่งเรืองในภาวะสมดุลย์ใหม่ เรายังไม่สามารถก้าวข้ามความหวาดกลัวของโควิด 19 ได้ เราคิดว่ามันน่ากลัวจนกระทั่งกำหนดให้เราต้องเปลี่ยนภาวะปรกติของเราไปสู่ภาวะปรกติแบบใหม่ที่เต็มไปด้วยความกลัวที่มีต่อโรค New Normal ที่เราเราเรียกกัน เบื้องหลังของมันคือความหวาดกลัวที่เรามีต่อโรค และความหวาดกลัวนั้นจะกดเราเอาไว้ ทำให้เราไม่สามารถก้าวข้ามโควิด 19 ไปสู่ภาวะสมดุลย์ใหม่ทางเศรษฐกิจที่รอเราอยู่ได้ และนั่นคืออันตรายที่สุดสำหรับประเทศไทย ทั้งในทางเศรษฐกิจและสังคม\n\nในภาวะเศรษฐกิจและสังคมในแบบสมดุลย์ใหม่ หรือ New Equiliribrium นี้ โลกจะเป็นพลวัติมากขึ้นอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน มนุษย์จะพัฒนาทักษะทั้งในโลกเสมือนและโลกจริงที่มีวิวัฒนาการสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์ เทคโนโลยี่และธรรมชาติจะทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว มันจะไม่มี ‘โลกจริง’ และ ‘โลกออนไลน์’ อีกต่อไป เพราะทั้งสองโลกนั้นจะทำงานร่วมกัน fold เป็นเนื้อเดียวกัน ในวิธีที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ พลังงานมาจากธรรมชาติ สมดุลย์ของธรรมชาติกลายเป็นแหล่งพลังงานที่ปราศจากข้อจำกัดสำหรับมนุษย์ แหล่งพลังงานจากเทคโนโลยี่ใหม่ที่ให้ผลตอบแทนเป็นร้อยเท่าของปัจจุบันจะถือกำเนิดขึ้น\n\n ทันทีที่โลกปรับตัวเข้าสู่สมดุลย์ใหม่ การแลกเปลี่ยนในระดับท้องถิ่น (local supply chain) จะเชื่อมโยงกลายเป็นหนึ่งเดียวกับ global supply chain ด้วยความช่วยเหลือของเทคโนโลยี่ ธุรกิจอาหารจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่โดดเด่นที่สุดที่ได้ประโยชน์จาก fluidity ของ local supply chain นี้ ผู้คนจะเดินทางไปมาหาสู่กันมากขึ้นกว่าเดิมไม่ใช่น้อยลง และความต้องการที่จะไปถึงที่หมายเร็วที่สุดคือหัวใจในการพัฒนาระบบขนส่งทั้งสินค้าและบริการ ธุรกิจเราจะให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้าที่มากขึ้นพอๆกับบริการ ประเทศไทย ทั้งประชาชนและรัฐบาล ควรจะเตรียมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) ที่สนับสนุนการเกิดใหม่ของธุรกิจเหล่านี้เพื่อสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างรวดเร็วในภาวะสมดุลย์ใหม่ และสนับสนุนให้ภาคธุรกิจสามารถทำงาน เริ่มต้นธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมทั้งวิสาหกิจชุมชนต่างๆ ให้สามารถเจริญเติบโตแข็งแรงได้อย่างรวดเร็ว\n\nระบบธุรกิจที่จะทำให้ประเทศแข็งแรงได้มากที่สุดในสมดุลย์ใหม่ คือธุรกิจขนาดจิ๋ว (micro business economy) ซึ่งมีขนาดเล็กลงไปกว่า SME ในอดีต เรากำลังพูดถึงธุรกิจที่มีขนาดเล็กแบบ 1-2 คน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีกำลังเข้าถึงทุนที่จะทำให้ธุรกิจขยายตัวอย่างมีประสิทธิภาพได้ แต่ธุรกิจขนาดจิ๋วนี่แหละ คือกลไกลที่สำคัญของประสิทธิภาพของระบบธุรกิจทั้งหมด เนื่องจากธุรกิจขนาดจิ๋วเหล่านี้ มีการสูญเสียน้อย และสามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิผลเสมอ ประเทศไทยในสมดุลย์ใหม่ จะถูกสร้างขึ้นจากเครือข่ายของธุรกิจขนาดจิ๋วนี้ ที่เชื่อมโยงกันเป็นโครงสร้างองค์รวมขนาดใหญ่จนสามารถก่อกำเนิดเป็นชุมชนและมี hive mind เป็นของชุมชนได้ เมื่อนั้นธุรกิจขนาดจิ๋วเหล่านี้แหละจะแข็งแรงเมื่อรวมกันและขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สมดุลย์ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ\n\nประเทศของเรา จะเดินหน้าต่อไปได้อย่างทรงพลัง ประชาชนและรัฐบาลต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับอนาคต ในวิธีที่เป็นความเป็นไปได้สำหรับทุกๆคน การที่เราไม่ต่อต้าน หรือยอมแพ้กับการเปลี่ยนแปลง และในทางตรงกันข้าม โอบกอดการเปลี่ยนแปลงนั้นและสร้างวิวัฒนาการไปในบริบทที่ก่อกำเนิดใหม่นั้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาอย่างมีพลวัติ \n\nนั่นคือวิธีเดียวที่เราจะสร้างการคงไว้ให้ดำรงอยู่สำหรับชีวิต ", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1115478494802329600/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1115083329492750336", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "content": "<a href=\"https://www.minds.com/newsfeed/1115083329492750336\" target=\"_blank\">https://www.minds.com/newsfeed/1115083329492750336</a>", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/followers", "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110066433913528334" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1115083329492750336", "published": "2020-06-04T01:03:02+00:00", "inReplyTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110066433913528334/entities/urn:activity:1115083001841938432", "source": { "content": "https://www.minds.com/newsfeed/1115083329492750336", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1115083329492750336/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1115080197953445888", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112", "content": "เรื่องมีข่าวว่ารัฐมนตรี อยากทำ Thaifilx ออกมาแข่งกับ Netflix นี่ ผมขอด่าอย่างเป็นทางการนะครับ ว่าเป็นความคิดที่ไม่ควรออกมาจากผู้กำหนดนโยบายรัฐอย่างรัฐมนตรี หรือรัฐบาลนะครับ<br /><br />จะด่าว่าปัญญาอ่อนก็เกรงใจ<br /><br />รัฐบาล หรือ รัฐมนตรี ต้องทำงานในการกำหนดนโยบาย เพื่อสร้าง infrastructure ให้กับธุรกิจของเอกชน เมื่อเอกชนทำธุรกิจได้ดี มีเงินเพิ่มขึ้น ก็จะมีกำลังในการจ่ายภาษีมากขึ้น รัฐก็จะมีรายได้มากขึ้น นี่คือวิธีคิดที่ควรจะเป็นในการเป็นฝ่ายบริหารงานของรัฐบาล คิดบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาเพิ่อให้ภาคธุรกิจเขาทำธุรกิจได้<br /><br />ไม่ใช่มาทำธุรกิจแข่งกับเอกชนเสียเอง<br /><br />ผมถึงบ่นอยู่บ่อยๆ ว่าคนมาเป็นรัฐมนตรีนี่ มีแค่ปากอย่างเดียว ยังใช้ไม่ได้ ต้องมีสมองสั่งการด้วย และการคิดอะไรออกมาก่อนพูด ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมเป็นหลัก เราต้องอยู่กับวิธีคิดที่ไร้ค่ากับประเทศแบบนี้มา 5-6 ปีแล้ว และ GDP วันนี้เราก็ไปรั้งท้ายแถวของอาเซียนที่ -6% และตัวอย่างวิธีคิดแบบนี้ มันก็ทำให้เราเห็นได้ชัดเจนขึ้น ว่าทำไมประเทศเราถึงตกต่ำได้ขนาดนั้น<br /><br /><a href=\"https://www.minds.com/search?f=top&amp;t=all&amp;q=สงสารประเทศไทย\" title=\"#สงสารประเทศไทย\" class=\"u-url hashtag\" target=\"_blank\">#สงสารประเทศไทย</a> จริงๆครับ ", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1115080197953445888", "published": "2020-06-04T00:50:36+00:00", "source": { "content": "เรื่องมีข่าวว่ารัฐมนตรี อยากทำ Thaifilx ออกมาแข่งกับ Netflix นี่ ผมขอด่าอย่างเป็นทางการนะครับ ว่าเป็นความคิดที่ไม่ควรออกมาจากผู้กำหนดนโยบายรัฐอย่างรัฐมนตรี หรือรัฐบาลนะครับ\n\nจะด่าว่าปัญญาอ่อนก็เกรงใจ\n\nรัฐบาล หรือ รัฐมนตรี ต้องทำงานในการกำหนดนโยบาย เพื่อสร้าง infrastructure ให้กับธุรกิจของเอกชน เมื่อเอกชนทำธุรกิจได้ดี มีเงินเพิ่มขึ้น ก็จะมีกำลังในการจ่ายภาษีมากขึ้น รัฐก็จะมีรายได้มากขึ้น นี่คือวิธีคิดที่ควรจะเป็นในการเป็นฝ่ายบริหารงานของรัฐบาล คิดบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาเพิ่อให้ภาคธุรกิจเขาทำธุรกิจได้\n\nไม่ใช่มาทำธุรกิจแข่งกับเอกชนเสียเอง\n\nผมถึงบ่นอยู่บ่อยๆ ว่าคนมาเป็นรัฐมนตรีนี่ มีแค่ปากอย่างเดียว ยังใช้ไม่ได้ ต้องมีสมองสั่งการด้วย และการคิดอะไรออกมาก่อนพูด ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมเป็นหลัก เราต้องอยู่กับวิธีคิดที่ไร้ค่ากับประเทศแบบนี้มา 5-6 ปีแล้ว และ GDP วันนี้เราก็ไปรั้งท้ายแถวของอาเซียนที่ -6% และตัวอย่างวิธีคิดแบบนี้ มันก็ทำให้เราเห็นได้ชัดเจนขึ้น ว่าทำไมประเทศเราถึงตกต่ำได้ขนาดนั้น\n\n#สงสารประเทศไทย จริงๆครับ ", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/entities/urn:activity:1115080197953445888/activity" } ], "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/outbox", "partOf": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1110010540698116112/outboxoutbox" }