ActivityPub Viewer

A small tool to view real-world ActivityPub objects as JSON! Enter a URL or username from Mastodon or a similar service below, and we'll send a request with the right Accept header to the server to view the underlying object.

Open in browser →
{ "@context": "https://www.w3.org/ns/activitystreams", "type": "OrderedCollectionPage", "orderedItems": [ { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1183804709517389824", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "content": "ภายหลังการปราบกบฎบวรเดชนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จไปรักษาอาการประชวรของพระองค์ แต่กระนั้นพระองค์ก็ยังมีการคัดค้านกฎหมายบางอย่าง เช่นการออกกฎหมายนิรโทษกรรมบางอย่าง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าทรงไม่พอพระทัยในบางครั้ง เมื่อพระองค์ประทับที่ต่างประเทศอยู่นานเกินควร จึงมีการไปเชิญเสด็จให้พระองค์กลับมาประทับที่ประเทศไทย<br /><br />สิ่งที่พระองค์ตอบกลับมาคือการออกหนังสือสละราชสมบัติ เพราะความไม่พอใจที่เจอเรื่องเช่นนี้ ซึ่งแม้แต่คณะราษฎรก็มีพฤติกรรมบางอย่างอย่างที่พระองค์บริภาษไว้เช่น การเอาพรรคพวกตัวเองมาร่วมบริหาร ซึ่งการสละราชสมบัติครั้งนี้ก็ทำให้ต้องหาผู้สืบราชสมบัติต่อไป<br /><br />ปรีดี พนมยงค์ได้เสนอให้ผู้ที่สืบสายเลือดฝั่งเจ้าฟ้ามหิดลขึ้นครองราชย์ สาเหตุที่คณะราษฎรนึกถึงเจ้าฟ้ามหิดลเป็นรายแรก ๆ แม้จะมีแคนดิเดตจะขึ้นครองราชย์อย่างกรมขุนชัยนาทนเรนทร และพระองค์เจ้าจุมภฎบริภัตร แต่เมื่อครั้งคณะราษฎรยังศึกษาอยู่ที่ฝรั่งเศส ได้เคยต้อนรับเจ้าฟ้ามหิดลอยู่ครั้งหนึ่ง และพระองค์ก็มีหัวก้าวหน้าอย่างมาก จึงอยากจะให้ฝั่งเจ้าฟ้ามหิดลขึ้นครองราชย์เพื่อความสถาพรในการพัฒนาประเทศ แต่เสียตรงที่เจ้าฟ้ามหิดลได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว คนที่จะได้รับตำแหน่งก็ควรจะเป็นพระโอรสที่พระองค์มีกับเจ้าฟ้าสังวาล คือเจ้าฟ้าอานันทมหิดลและเจ้าฟ้าภูมิพล<br /><br />เจ้าฟ้าอานันทมหิดลยังทรงพระเยาว์อยู่ ก็ทรงต้องขึ้นครองราชย์แล้ว แต่กระนั้นก็ยังต้องมีผู้สำเร็จราชการอยู่ ประเทศไทยจึงได้พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ขึ้นเป็นรัชกาลที่แปดของจักรีวงศ์ คือพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรอานันทมหิดล ปกครองประเทศไทยในยุคของคณะราษฎรต่อไป<br /><br />ภาพ : การอัญเชิญพระบรมอัฏฐิพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวกลับประเทศไทยในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1183804709517389824", "published": "2020-12-10T16:17:15+00:00", "source": { "content": "ภายหลังการปราบกบฎบวรเดชนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จไปรักษาอาการประชวรของพระองค์ แต่กระนั้นพระองค์ก็ยังมีการคัดค้านกฎหมายบางอย่าง เช่นการออกกฎหมายนิรโทษกรรมบางอย่าง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าทรงไม่พอพระทัยในบางครั้ง เมื่อพระองค์ประทับที่ต่างประเทศอยู่นานเกินควร จึงมีการไปเชิญเสด็จให้พระองค์กลับมาประทับที่ประเทศไทย\n\nสิ่งที่พระองค์ตอบกลับมาคือการออกหนังสือสละราชสมบัติ เพราะความไม่พอใจที่เจอเรื่องเช่นนี้ ซึ่งแม้แต่คณะราษฎรก็มีพฤติกรรมบางอย่างอย่างที่พระองค์บริภาษไว้เช่น การเอาพรรคพวกตัวเองมาร่วมบริหาร ซึ่งการสละราชสมบัติครั้งนี้ก็ทำให้ต้องหาผู้สืบราชสมบัติต่อไป\n\nปรีดี พนมยงค์ได้เสนอให้ผู้ที่สืบสายเลือดฝั่งเจ้าฟ้ามหิดลขึ้นครองราชย์ สาเหตุที่คณะราษฎรนึกถึงเจ้าฟ้ามหิดลเป็นรายแรก ๆ แม้จะมีแคนดิเดตจะขึ้นครองราชย์อย่างกรมขุนชัยนาทนเรนทร และพระองค์เจ้าจุมภฎบริภัตร แต่เมื่อครั้งคณะราษฎรยังศึกษาอยู่ที่ฝรั่งเศส ได้เคยต้อนรับเจ้าฟ้ามหิดลอยู่ครั้งหนึ่ง และพระองค์ก็มีหัวก้าวหน้าอย่างมาก จึงอยากจะให้ฝั่งเจ้าฟ้ามหิดลขึ้นครองราชย์เพื่อความสถาพรในการพัฒนาประเทศ แต่เสียตรงที่เจ้าฟ้ามหิดลได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว คนที่จะได้รับตำแหน่งก็ควรจะเป็นพระโอรสที่พระองค์มีกับเจ้าฟ้าสังวาล คือเจ้าฟ้าอานันทมหิดลและเจ้าฟ้าภูมิพล\n\nเจ้าฟ้าอานันทมหิดลยังทรงพระเยาว์อยู่ ก็ทรงต้องขึ้นครองราชย์แล้ว แต่กระนั้นก็ยังต้องมีผู้สำเร็จราชการอยู่ ประเทศไทยจึงได้พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ขึ้นเป็นรัชกาลที่แปดของจักรีวงศ์ คือพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรอานันทมหิดล ปกครองประเทศไทยในยุคของคณะราษฎรต่อไป\n\nภาพ : การอัญเชิญพระบรมอัฏฐิพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวกลับประเทศไทยในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1183804709517389824/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1183481992624730112", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "content": "เมื่อถึงประมาณกลางปี 2476 พระองค์เจ้าบวรเดชได้แอบรวบรวมกองกำลังทหารที่ยังคงเชื่อมั่นในฝั่งคณะเจ้า ตามจังหวัดต่าง ๆ รอบกรุงเทพ และบุกเข้าตีกรุง โดยมีการกดดันรัฐบาลให้ยุติรัฐสภาและออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ภายในหนึ่งชั่วโมง<br /><br />พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาก็ได้ตั้งหลวงพิบูลสงครมขึ้นเป็นผู้นำในการจะรบกับพระองค์เจ้าบวรเดชครั้งนี้ โดยสนามการรบนั้นตั้งอยู่ที่แถบ<br />หลักสี่ ถือเป็นการรบกันกลางกรุงที่ทำให้เกิดความเสียหายในระดับหนึ่ง การต่อสู้กันในกบฎบวรเดชทำให้คณะราษฎรสายทหารบางคนเสียชีวิตไป และในที่สุด ชัยชนะก็เป็นของฝั่งคณะราษฎร และพระองค์เจ้าบวรเดชก็ถูกพลิกกลับให้เป็นกบฎ<br /><br />หลังจากกบฎบวรเดชครั้งนี้ พระยาพหลพลพยุหเสนาก็ได้เร่งรัดให้มีการจัดการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรภายในพฤศจิกายน และได้เป็นการเลือก<br />ตั้งครั้งแรกของประเทศไทย และมีการสร้างอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญในเขตหลักสี่ขึ้น<br /><br />ภาพ : พระองค์เจ้าบวรเดช", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1183481992624730112", "published": "2020-12-09T18:54:53+00:00", "source": { "content": "เมื่อถึงประมาณกลางปี 2476 พระองค์เจ้าบวรเดชได้แอบรวบรวมกองกำลังทหารที่ยังคงเชื่อมั่นในฝั่งคณะเจ้า ตามจังหวัดต่าง ๆ รอบกรุงเทพ และบุกเข้าตีกรุง โดยมีการกดดันรัฐบาลให้ยุติรัฐสภาและออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ภายในหนึ่งชั่วโมง\n\nพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาก็ได้ตั้งหลวงพิบูลสงครมขึ้นเป็นผู้นำในการจะรบกับพระองค์เจ้าบวรเดชครั้งนี้ โดยสนามการรบนั้นตั้งอยู่ที่แถบ\nหลักสี่ ถือเป็นการรบกันกลางกรุงที่ทำให้เกิดความเสียหายในระดับหนึ่ง การต่อสู้กันในกบฎบวรเดชทำให้คณะราษฎรสายทหารบางคนเสียชีวิตไป และในที่สุด ชัยชนะก็เป็นของฝั่งคณะราษฎร และพระองค์เจ้าบวรเดชก็ถูกพลิกกลับให้เป็นกบฎ\n\nหลังจากกบฎบวรเดชครั้งนี้ พระยาพหลพลพยุหเสนาก็ได้เร่งรัดให้มีการจัดการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรภายในพฤศจิกายน และได้เป็นการเลือก\nตั้งครั้งแรกของประเทศไทย และมีการสร้างอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญในเขตหลักสี่ขึ้น\n\nภาพ : พระองค์เจ้าบวรเดช", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1183481992624730112/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1182735049633222656", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "content": "ต่อมา ปรีดีมีแผนที่จะให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศไทย เพราะเดิมทีที่ราษฎรอยู่กันอย่างยากลำบาก จึงอยากจะให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจขึ้น โดยเค้าโครงเศรษฐกิจที่นายปรีดีร่างขึ้นมาก็มีชื่อว่า สมุดปกเหลือง ซึ่งมีเนื้อหาที่ค่อนข้างเอียงไปในทางสังคมนิยม โดยเนื้อหาคือมีการให้ทุนในการทำนา ให้เงินเดือนประชาชนทุกคน ซึ่งถือว่าเอียงซ้ายมากจนแม้แต่คณะราษฎรบางคนยังเกรงว่าอาจเป็นแนวทางของคอมมิวนิสต์ขึ้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงเขียนโต้สมุดปกเหลืองนี้ ในหนังสือที่เรียกว่าสมุดปกขาว เนื่องจากข้อกล่าวหาที่ว่าปรีดีมีแนวโน้มจะเป็นคอมมิวนิสต์นั้น ทำให้ปรีดีเกรงว่าจะเป็นปัญหาจึงลี้ภัยไปอยู่ที่ฝรั่งเศสชั่วคราว<br /><br />ในปี 2476 พระยามโนปกรณ์นิติธาดาเห็นถึงความขัดแย้งในรัฐสภาเรื่องของการจะใช้เค้าโครงเศรษฐิกิจที่เกิดขึ้น และเกรงว่าถ้าหากปล่อยคณะราษฎรปกครองด้วยอาจจะส่งผลกระทบในการบริหารประเทศในทางที่ไม่เป็นผลดี พระยามโนฯ จึงประกาศปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และยุบพรรคการเมืองคือพรรคของคณะราษฎร รวมทั้งยกอำนาจการออกกฎหมายให้ฝั่งคณะเจ้าขึ้น และยังมีการออกกฎหมายห้ามมีพรรคการเมืองขึ้น ซึ่งการกระทำเช่นนี้ก็ถือเป็นการยึดอำนาจจากที่มีรัฐสภาก็ตกอยู่ในกำมือของนายกเพียงคนเดียว ครั้งนี้ถือเป็นการรัฐประหารครั้งที่หนึ่งของประเทศไทย นับเป็นการรัฐประหารพลเรือนคือการยึดอำนาจโดยไม่ใช่วิธีการใช้กำลัง<br /><br />เดือนมิถุนายน 2476 พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาเห็นท่าไม่ดี เพราะสิ่งที่คณะราษฎรต้องการคือการถกเถียงแก้ปัญหาตามระบอบในรัฐสภา แต่พระมโนฯ กลับทำเช่นนี้ซึ่งขัดต่อระบอบรัฐสภา จึงวางแผนที่จะรัฐประหารยึดอำนาจจากพระยามโนปกรณ์นิติธาดา โดยมีผู้ร่วมทีมคือ พระยาทรงสุรเดช หลวงพิบูลสงคราม และนายประยูร ภมรมนตรี การวางแผนเสร็จสิ้นแล้ว จึงรีบเข้ายึดอำนาจพระยามโนฯ ในช่วงใกล้กับวันที่ 24 มิถุนาซึ่งเป็นการครบรอบวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง การรัฐประหารครั้งนี้ถือเป็นการรัฐประหารโดยกำลังทหารเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งในทางประชาธิปไตยถือว่ามีความชอบธรรมในระดับหนึ่ง เพราะว่าเป็นการใช้กำลังทหารเปิดรัฐสภาให้เป็นไปตามครรลองของประชาธิปไตย ภายหลังการรัฐประหาร พระยามโนฯ ต้องลี้ภัยไปอยู่อังกฤษ และพระยาพหลพลพยุหเสนาก็ได้ขึ้นเป็นนายกคนที่สองของประเทศไทย และเปิดรัฐสภาขึ้น โดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็อนุมัติให้เปิดประชุมรัฐสภาขึ้น<br /><br />พระยาพหลพลพยุหเสนาต้องการจะกู้ทุกสิ่งที่พระยามโนฯได้ส่งท้ายทิ้งไว้ จึงได้เชิญปรีดีกลับมาบริหารเศรษฐกิจให้โดยรับตำแหน่งกระทรวงมหาดไทย<br /><br />การที่อำนาจจากคณะเจ้าไปอยู่ในคณะราษฎรครั้งนี้ ก็เป็นชนวนเหตุให้เกิดความรุนแรงต่อไป<br /><br />ภาพ : เค้าโครงเศรษฐกิจของปรีดี พนมยงค์", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1182735049633222656", "published": "2020-12-07T17:26:48+00:00", "source": { "content": "ต่อมา ปรีดีมีแผนที่จะให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศไทย เพราะเดิมทีที่ราษฎรอยู่กันอย่างยากลำบาก จึงอยากจะให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจขึ้น โดยเค้าโครงเศรษฐกิจที่นายปรีดีร่างขึ้นมาก็มีชื่อว่า สมุดปกเหลือง ซึ่งมีเนื้อหาที่ค่อนข้างเอียงไปในทางสังคมนิยม โดยเนื้อหาคือมีการให้ทุนในการทำนา ให้เงินเดือนประชาชนทุกคน ซึ่งถือว่าเอียงซ้ายมากจนแม้แต่คณะราษฎรบางคนยังเกรงว่าอาจเป็นแนวทางของคอมมิวนิสต์ขึ้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงเขียนโต้สมุดปกเหลืองนี้ ในหนังสือที่เรียกว่าสมุดปกขาว เนื่องจากข้อกล่าวหาที่ว่าปรีดีมีแนวโน้มจะเป็นคอมมิวนิสต์นั้น ทำให้ปรีดีเกรงว่าจะเป็นปัญหาจึงลี้ภัยไปอยู่ที่ฝรั่งเศสชั่วคราว\n\nในปี 2476 พระยามโนปกรณ์นิติธาดาเห็นถึงความขัดแย้งในรัฐสภาเรื่องของการจะใช้เค้าโครงเศรษฐิกิจที่เกิดขึ้น และเกรงว่าถ้าหากปล่อยคณะราษฎรปกครองด้วยอาจจะส่งผลกระทบในการบริหารประเทศในทางที่ไม่เป็นผลดี พระยามโนฯ จึงประกาศปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และยุบพรรคการเมืองคือพรรคของคณะราษฎร รวมทั้งยกอำนาจการออกกฎหมายให้ฝั่งคณะเจ้าขึ้น และยังมีการออกกฎหมายห้ามมีพรรคการเมืองขึ้น ซึ่งการกระทำเช่นนี้ก็ถือเป็นการยึดอำนาจจากที่มีรัฐสภาก็ตกอยู่ในกำมือของนายกเพียงคนเดียว ครั้งนี้ถือเป็นการรัฐประหารครั้งที่หนึ่งของประเทศไทย นับเป็นการรัฐประหารพลเรือนคือการยึดอำนาจโดยไม่ใช่วิธีการใช้กำลัง\n\nเดือนมิถุนายน 2476 พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาเห็นท่าไม่ดี เพราะสิ่งที่คณะราษฎรต้องการคือการถกเถียงแก้ปัญหาตามระบอบในรัฐสภา แต่พระมโนฯ กลับทำเช่นนี้ซึ่งขัดต่อระบอบรัฐสภา จึงวางแผนที่จะรัฐประหารยึดอำนาจจากพระยามโนปกรณ์นิติธาดา โดยมีผู้ร่วมทีมคือ พระยาทรงสุรเดช หลวงพิบูลสงคราม และนายประยูร ภมรมนตรี การวางแผนเสร็จสิ้นแล้ว จึงรีบเข้ายึดอำนาจพระยามโนฯ ในช่วงใกล้กับวันที่ 24 มิถุนาซึ่งเป็นการครบรอบวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง การรัฐประหารครั้งนี้ถือเป็นการรัฐประหารโดยกำลังทหารเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งในทางประชาธิปไตยถือว่ามีความชอบธรรมในระดับหนึ่ง เพราะว่าเป็นการใช้กำลังทหารเปิดรัฐสภาให้เป็นไปตามครรลองของประชาธิปไตย ภายหลังการรัฐประหาร พระยามโนฯ ต้องลี้ภัยไปอยู่อังกฤษ และพระยาพหลพลพยุหเสนาก็ได้ขึ้นเป็นนายกคนที่สองของประเทศไทย และเปิดรัฐสภาขึ้น โดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็อนุมัติให้เปิดประชุมรัฐสภาขึ้น\n\nพระยาพหลพลพยุหเสนาต้องการจะกู้ทุกสิ่งที่พระยามโนฯได้ส่งท้ายทิ้งไว้ จึงได้เชิญปรีดีกลับมาบริหารเศรษฐกิจให้โดยรับตำแหน่งกระทรวงมหาดไทย\n\nการที่อำนาจจากคณะเจ้าไปอยู่ในคณะราษฎรครั้งนี้ ก็เป็นชนวนเหตุให้เกิดความรุนแรงต่อไป\n\nภาพ : เค้าโครงเศรษฐกิจของปรีดี พนมยงค์", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1182735049633222656/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1182374618307518464", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "content": "และแล้วในที่สุด เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทย ถือเป็นก้าวแรกของประชาธิปไตยในไทย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้เป็นพระประมุขในการบริหารประเทศ โดยโมเดลการตั้งสถานะของพระมหากษัตริย์ได้ถือเอาอย่างอังกฤษเป็นหลัก เพราะอังกฤษถือได้ว่ามีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่แข็งแกร่งที่สุด<br /><br />ทางคณะราษฎรแรกเริ่มได้ใช้พระที่นั่งอนันตสมาคมให้เป็นรัฐสภาแห่งแรก ให้มีผู้แทนราษฎรจำนวน 70 คน แบ่งเป็นคณะเจ้า 30 คนและคณะราษฎร 40 คน โดยรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ให้เป็นฝ่ายคณะเจ้าที่ดูแลการบริหารกระทรวง และให้ฝ่ายคณะราษฎรเป็นรัฐมนตรีที่ไม่ได้สังกัดกระทรวงต่าง ๆ โดยตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังคงเป็นของพระยามโนปกรณ์นิติธาดา<br /><br />ว่าด้วยเรื่องตัวหนังสือรัฐธรรมนูญนั้น พระยามโนปกรณ์นิติธาดาเห็นว่า รัฐธรรมนูญถือดป็นกฎหมายสูงสุดระดับประเทศ ที่แม้แต่องค์พระมหากษัตริย์ยังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ จึงให้มีประเพณีการเขียนรัฐธรรมนูญด้วยลายมือขึ้น โดยผู้เขียนจะเป็นเจ้าพนักงานอาลักษณ์ลิขิต เขียนด้วยตัวบรรจงเป็นแบบแผนลงในสมุดไทย แล้วแต่ความสั้นยาวและความมากน้อยของรัฐธรรมนูญในฉบับนั้น และจะไม่มีการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว จะมีเพียงแต่การเขียนรัฐธรรมนูญฉบับถาวรเท่านั้น โดยรัฐธรรมนูญฉบับวันที่ 10 ธันวาคมนั้นก็ถือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่เขียนด้วยลายมือ<br />ในปัจจุบัน รัฐธรรมนูญไทยจะได้รับการเขียนโดยสำนักอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยจะเขียนไว้ทั้งหมด 3 ฉบับ และแบ่งเก็บไว้ในสถานที่ถึง 3 แห่ง คือสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักราชเลขาธิการ<br /><br />เมื่อมีรัฐสภาขึ้นแล้ว จึงมีการวางแผนที่จะให้มีการเลือกตั้งภายใน 5 เดือนหลังได้รัฐธรรมนูญ ซึ่งปัญหาข้อหนึ่งคือการที่ไม่มีพรรคการเมือง การตั้งพรรคการเมืองนั้น นัยยะหนึ่งจะเป็นการขัดกับความเป็นสมบูรณายาสิทธิราชย์ แต่ในเมื่อประเทศจะต้องเป็นประชาธิปไตย จึงต้องมีการตั้งพรรคการเมืองพรรคแรกคือ สมาคมคณะราษฎรขึ้น โดยพระยามโนฯเองก็เห็นว่าชักจะเริ่มเป็นปัญหาแล้ว ปัญหาที่เข้ามาแทรกอีกคือการมีเค้าโครงเศรษฐกิจขึ้นมา<br /><br />ตอนต่อไปจะเล่าถึงการรัฐประหารครั้งแรกและครั้งที่สองของไทย <br /><br />ภาพ : พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานรัฐธรรมนูญ", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1182374618307518464", "published": "2020-12-06T17:34:35+00:00", "source": { "content": "และแล้วในที่สุด เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทย ถือเป็นก้าวแรกของประชาธิปไตยในไทย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้เป็นพระประมุขในการบริหารประเทศ โดยโมเดลการตั้งสถานะของพระมหากษัตริย์ได้ถือเอาอย่างอังกฤษเป็นหลัก เพราะอังกฤษถือได้ว่ามีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่แข็งแกร่งที่สุด\n\nทางคณะราษฎรแรกเริ่มได้ใช้พระที่นั่งอนันตสมาคมให้เป็นรัฐสภาแห่งแรก ให้มีผู้แทนราษฎรจำนวน 70 คน แบ่งเป็นคณะเจ้า 30 คนและคณะราษฎร 40 คน โดยรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ให้เป็นฝ่ายคณะเจ้าที่ดูแลการบริหารกระทรวง และให้ฝ่ายคณะราษฎรเป็นรัฐมนตรีที่ไม่ได้สังกัดกระทรวงต่าง ๆ โดยตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังคงเป็นของพระยามโนปกรณ์นิติธาดา\n\nว่าด้วยเรื่องตัวหนังสือรัฐธรรมนูญนั้น พระยามโนปกรณ์นิติธาดาเห็นว่า รัฐธรรมนูญถือดป็นกฎหมายสูงสุดระดับประเทศ ที่แม้แต่องค์พระมหากษัตริย์ยังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ จึงให้มีประเพณีการเขียนรัฐธรรมนูญด้วยลายมือขึ้น โดยผู้เขียนจะเป็นเจ้าพนักงานอาลักษณ์ลิขิต เขียนด้วยตัวบรรจงเป็นแบบแผนลงในสมุดไทย แล้วแต่ความสั้นยาวและความมากน้อยของรัฐธรรมนูญในฉบับนั้น และจะไม่มีการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว จะมีเพียงแต่การเขียนรัฐธรรมนูญฉบับถาวรเท่านั้น โดยรัฐธรรมนูญฉบับวันที่ 10 ธันวาคมนั้นก็ถือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่เขียนด้วยลายมือ\nในปัจจุบัน รัฐธรรมนูญไทยจะได้รับการเขียนโดยสำนักอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยจะเขียนไว้ทั้งหมด 3 ฉบับ และแบ่งเก็บไว้ในสถานที่ถึง 3 แห่ง คือสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักราชเลขาธิการ\n\nเมื่อมีรัฐสภาขึ้นแล้ว จึงมีการวางแผนที่จะให้มีการเลือกตั้งภายใน 5 เดือนหลังได้รัฐธรรมนูญ ซึ่งปัญหาข้อหนึ่งคือการที่ไม่มีพรรคการเมือง การตั้งพรรคการเมืองนั้น นัยยะหนึ่งจะเป็นการขัดกับความเป็นสมบูรณายาสิทธิราชย์ แต่ในเมื่อประเทศจะต้องเป็นประชาธิปไตย จึงต้องมีการตั้งพรรคการเมืองพรรคแรกคือ สมาคมคณะราษฎรขึ้น โดยพระยามโนฯเองก็เห็นว่าชักจะเริ่มเป็นปัญหาแล้ว ปัญหาที่เข้ามาแทรกอีกคือการมีเค้าโครงเศรษฐกิจขึ้นมา\n\nตอนต่อไปจะเล่าถึงการรัฐประหารครั้งแรกและครั้งที่สองของไทย \n\nภาพ : พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานรัฐธรรมนูญ", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1182374618307518464/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1182024076387602432", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "content": "คณะราษฎรได้เลือกที่จะเจอกันครึ่งทางกับฝั่งเจ้า โดยแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ คณะราษฎร และเรียนกลุ่มขุนนางเก่าว่า คณะเจ้า บรรดา โดยแบ่งที่นั่งคณะผู้แทนราษฎรกับคณะเจ้า ซึ่งการบริหารงานครั้งนี้ทำเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น และให้พระยามโนปกรณ์นิติธาดา ซึ่งเป็นฝั่งคณะเจ้า ให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย<br /><br />พระยามโนปกรณ์นิติธาดา เดิมเป็นลูกหลานคนจีน เมื่อโตมาก็ได้เข้าศึกษาในโรงเรียนอัสสัมชัญ และเรียนในโรงเรียนกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม จนได้รับทุนการศึกษาไปศึกษาด้านกฎหมายต่อที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อกลับมาก็เข้ารับตำแหน่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์และได้เป็นประธานศาลฎีกา<br /><br />พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงไว้วางใจในการปรึกษาด้านกฎหมายต่อพระยามโนฯ มาก และก็ได้รับการไว้วางใจจากคณะราษฎรเช่นกัน เพราะคณะราษฎรเล็งเห็นถึงความหัวสมัยใหม่ของพระยามโนฯ และหวังว่าจะเป็นการดีลกับฝั่งเจ้าได้ดีที่สุด<br /><br />ตอนต่อไปจะเริ่มอธิบายถึงการเกิดขึ้นของรัฐสภาไทย<br /><br />ภาพ : พระยามโนปกรณ์นิติธาดา ถ่ายรูปคู่กับภรรยาคุณหญิงนิตย์ มโนปกรณ์นิติธาดา", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1182024076387602432", "published": "2020-12-05T18:21:39+00:00", "source": { "content": "คณะราษฎรได้เลือกที่จะเจอกันครึ่งทางกับฝั่งเจ้า โดยแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ คณะราษฎร และเรียนกลุ่มขุนนางเก่าว่า คณะเจ้า บรรดา โดยแบ่งที่นั่งคณะผู้แทนราษฎรกับคณะเจ้า ซึ่งการบริหารงานครั้งนี้ทำเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น และให้พระยามโนปกรณ์นิติธาดา ซึ่งเป็นฝั่งคณะเจ้า ให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย\n\nพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เดิมเป็นลูกหลานคนจีน เมื่อโตมาก็ได้เข้าศึกษาในโรงเรียนอัสสัมชัญ และเรียนในโรงเรียนกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม จนได้รับทุนการศึกษาไปศึกษาด้านกฎหมายต่อที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อกลับมาก็เข้ารับตำแหน่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์และได้เป็นประธานศาลฎีกา\n\nพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงไว้วางใจในการปรึกษาด้านกฎหมายต่อพระยามโนฯ มาก และก็ได้รับการไว้วางใจจากคณะราษฎรเช่นกัน เพราะคณะราษฎรเล็งเห็นถึงความหัวสมัยใหม่ของพระยามโนฯ และหวังว่าจะเป็นการดีลกับฝั่งเจ้าได้ดีที่สุด\n\nตอนต่อไปจะเริ่มอธิบายถึงการเกิดขึ้นของรัฐสภาไทย\n\nภาพ : พระยามโนปกรณ์นิติธาดา ถ่ายรูปคู่กับภรรยาคุณหญิงนิตย์ มโนปกรณ์นิติธาดา", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1182024076387602432/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1181514361113845760", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "content": "ขณะที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพักผ่อนหย่อนใจในวังไกลกังวล ด้วยการปลดภาระทางการบริหารให้สบายพระหทีย ก็มีข้าราชบริพารท่านหนึ่งได้มาแจ้งข่าวถึงเหตุการณ์ในกรุงเทพ พระองค์ก็ดูเหมือนตระหนักได้ว่านี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นอยู่แล้ว รวมทั้งมีการขอให้พระองค์เสด็จนิวัติกลับกรุงเทพมหานครเพื่อรับตำแหน่งคือการเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญพระองค์แรกของไทย เพราะถ้าหากไม่เสด็จกลับ บรรดาองค์ประกันทั้งหมดอาจเป็นอันตรายได้ พระองค์จึงยินยอมเสด็จกลับแต่โดยดี โดยมีทหารอารักขาพระองค์ไปตลอดทางที่ขึ้นรถไฟในวันรุ่งขึ้น<br /><br />วันถัดมา บรรดาคณะราษฎรโดยมีผู้นำคือนายปรีดี พนมยงค์ ได้เข้าเฝ้าต่อพระเจ้าอยู่หัวเรื่องการให้ลงพระปรมาภิไธยในหนังสือสองฉบับ คือหนังสือนิรโทษกรรม และรัฐธรรมนูญฉบับที่คิดจะประกาศใช้ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ได้ลงพระปรมาภิไธยในหนังสือนิรโทษกรรมผู้ก่อการในวันที่ 25 มิถุนายน และลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญฉบับแรกในวันที่ 26 มิถุนายน โดยพระองค์ทรงเติมคำว่า \"ฉบับชั่วคราว\" หลังคำว่ารัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ประกาศใช้อย่างไม่เป็นทางการในราชอาณาจักรไทย<br /><br />พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงยอมให้มีรัฐธรรมนูญในการจำกัดพระราชอำนาจของพระองค์ เพราะที่คือสิ่งที่พระองค์เองก็คาดหวังอยากจะให้เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ก่อนการอภิวัฒน์ครั้งนี้พระองค์ได้มีการร่างรัฐธรรมนูญโดยมีที่ปรึกษาเป็นชาวต่างชาติ โดยจะมีการจัดตั้งรัฐสภาขึ้น เพียงแต่มาตราที่ 1 ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ให้อำนาจสูงสุดในการปกครองยังคงเป็นของพระมหากษัตริย์ ซึ่งต่างจากฉบับของคณะราษฎรที่ให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน<br /><br />ในประกาศคณะราษฎรได้มีการกล่าวถึงหลักที่จะมีการใช้ในการปกครองประเทศ หลักการนี้มี 6 ข้อ จึงเรียกว่าหลัก 6 ประการของคณะราษฎร อันได้แก่<br /><br />1. เอกราช ประชาชนทุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นข้าไพร่ จะได้เป็นไทกันถ้วนหน้า<br />2. ความปลอดภัย ประชาชนจะไม่ต้องกลัวว่าจะต้องหาคนปกป้องคุ้มภัยให้ ทางรัฐจะรับรองความปลอดภัยในชีวิต <br />3. เศรษฐกิจ ประชาชนจะได้รับหน้าที่การงานในการทำมาหากิน ไม่ต้องอดอยากจากวิกฤตเศรษฐกิจอีกต่อไป<br />4. เสมอภาค ประชาชนได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียมกัน<br />5. เสรีภาพ ประชาชนมีเสรีภาพในการไปมาหาสู่กัน มีเสรีภาพในการประกอบอาชีพ นับถือศาสนา<br />6. การศึกษา ประชาชนทุกคนจะได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาคถ้วนหน้า<br /><br />เมื่อคณะราษฎรได้เข้ามามีบทบาทแล้ว จึงเปิดฉากระบบรัฐสภาขึ้นในกาลต่อมา<br /><br />อ่านประกาศคณะราษฎร : <a href=\"https://pridi.or.th/th/libraries/1583202126\" target=\"_blank\">https://pridi.or.th/th/libraries/1583202126</a><br /><br />ภาพ : พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงซออู้", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1181514361113845760", "published": "2020-12-04T08:36:14+00:00", "source": { "content": "ขณะที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพักผ่อนหย่อนใจในวังไกลกังวล ด้วยการปลดภาระทางการบริหารให้สบายพระหทีย ก็มีข้าราชบริพารท่านหนึ่งได้มาแจ้งข่าวถึงเหตุการณ์ในกรุงเทพ พระองค์ก็ดูเหมือนตระหนักได้ว่านี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นอยู่แล้ว รวมทั้งมีการขอให้พระองค์เสด็จนิวัติกลับกรุงเทพมหานครเพื่อรับตำแหน่งคือการเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญพระองค์แรกของไทย เพราะถ้าหากไม่เสด็จกลับ บรรดาองค์ประกันทั้งหมดอาจเป็นอันตรายได้ พระองค์จึงยินยอมเสด็จกลับแต่โดยดี โดยมีทหารอารักขาพระองค์ไปตลอดทางที่ขึ้นรถไฟในวันรุ่งขึ้น\n\nวันถัดมา บรรดาคณะราษฎรโดยมีผู้นำคือนายปรีดี พนมยงค์ ได้เข้าเฝ้าต่อพระเจ้าอยู่หัวเรื่องการให้ลงพระปรมาภิไธยในหนังสือสองฉบับ คือหนังสือนิรโทษกรรม และรัฐธรรมนูญฉบับที่คิดจะประกาศใช้ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ได้ลงพระปรมาภิไธยในหนังสือนิรโทษกรรมผู้ก่อการในวันที่ 25 มิถุนายน และลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญฉบับแรกในวันที่ 26 มิถุนายน โดยพระองค์ทรงเติมคำว่า \"ฉบับชั่วคราว\" หลังคำว่ารัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ประกาศใช้อย่างไม่เป็นทางการในราชอาณาจักรไทย\n\nพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงยอมให้มีรัฐธรรมนูญในการจำกัดพระราชอำนาจของพระองค์ เพราะที่คือสิ่งที่พระองค์เองก็คาดหวังอยากจะให้เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ก่อนการอภิวัฒน์ครั้งนี้พระองค์ได้มีการร่างรัฐธรรมนูญโดยมีที่ปรึกษาเป็นชาวต่างชาติ โดยจะมีการจัดตั้งรัฐสภาขึ้น เพียงแต่มาตราที่ 1 ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ให้อำนาจสูงสุดในการปกครองยังคงเป็นของพระมหากษัตริย์ ซึ่งต่างจากฉบับของคณะราษฎรที่ให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน\n\nในประกาศคณะราษฎรได้มีการกล่าวถึงหลักที่จะมีการใช้ในการปกครองประเทศ หลักการนี้มี 6 ข้อ จึงเรียกว่าหลัก 6 ประการของคณะราษฎร อันได้แก่\n\n1. เอกราช ประชาชนทุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นข้าไพร่ จะได้เป็นไทกันถ้วนหน้า\n2. ความปลอดภัย ประชาชนจะไม่ต้องกลัวว่าจะต้องหาคนปกป้องคุ้มภัยให้ ทางรัฐจะรับรองความปลอดภัยในชีวิต \n3. เศรษฐกิจ ประชาชนจะได้รับหน้าที่การงานในการทำมาหากิน ไม่ต้องอดอยากจากวิกฤตเศรษฐกิจอีกต่อไป\n4. เสมอภาค ประชาชนได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียมกัน\n5. เสรีภาพ ประชาชนมีเสรีภาพในการไปมาหาสู่กัน มีเสรีภาพในการประกอบอาชีพ นับถือศาสนา\n6. การศึกษา ประชาชนทุกคนจะได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาคถ้วนหน้า\n\nเมื่อคณะราษฎรได้เข้ามามีบทบาทแล้ว จึงเปิดฉากระบบรัฐสภาขึ้นในกาลต่อมา\n\nอ่านประกาศคณะราษฎร : https://pridi.or.th/th/libraries/1583202126\n\nภาพ : พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงซออู้", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1181514361113845760/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1181404730703962112", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "content": "ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ยังคงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเองก็ไม่ได้ศึกษาวิชาด้านการปกครองเพื่อจะเตรียมรับมือกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ จึงเป็นที่กลุ้มพระหทัยของพระองค์มาก พระองค์จึงเสด็จไปพักผ่อนที่วังไกลกังวล เพื่อผ่อนคลายจากความเครียดในการบริหารบ้านเมือง<br /><br />เช้าตรู่ของวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปประทับที่วังไกลกังวลอยู่นั้น พระยาพหลพลพยุหเสนาและพระยาทรงสุรเดชได้เข้าไปยังหน่วยทหารม้า บอกให้กองทหารทั้งหมดเร่งนำรถถัง ปืนใหญ่ ไปไว้ที่หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม แลพได้พาทหารที่มีอยู่ซึ่งมีจำนวนไม่มาก ออกไปยังหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม แม้แต่ตัวทหารเองยังไม่อาจทราบว่าตัวเองจะต้องมาทำอะไรเช่นนี้ ทั้งฝั่งพันตรีควง อภัยวงศ์ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะราษฎรเช่นกัน ก็ร่วมมือช่วยด้วยการตัดสายโทรศัพท์ไว้ ทำให้ข่าวการยึดอำนาจครั้งนี้กว่าจะไปถึงพระเนตรพระกรรณของพระเจ้าอยู่หัวก็สายเสียแล้ว<br /><br />พระยาพหลพลพยุหเสนาได้ออกมาต่อหน้าบรรดากองทหาร และอ่านประกาศคณะราษฎร ซึ่งมีเนื้อหาโจมตีการปกครองแบบเก่าอย่างมาก เนื้อหานี้ร่างโดยอาจารย์ปรีดี ข้อความที่สำคัญของประกาศนี้คือข้อความที่ว่า \"ประเทศนี้เป็นของราษฎร\" พระยาพหลฯได้ยืนอ่านประกาศอยู่นาน เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ เพราะสมัยนั้นไม่มีเฟสบุ๊คหรือเว็บไซต์เอาไว้ให้ประกาศเรื่องต่าง ๆ นอกจากจะประกาศให้ประชาชนฟังแล้ว ก็มีการแจกประกาศอันนี้ให้ถึงมือประชาชน <br /><br />บรรดากลุ่มผู้ก่อการบางส่วนได้บุกเข้าหาบรรดาเชื้อพระวงศ์ คนสำคัญที่ถูกเป็นองค์ประกันคือ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต การนำองค์ประกันมาครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อกดดันให้พระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับมายังกรุงเทพเพื่อน้อมรับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข<br /><br />คณะราษฎรได้ประกาศหลัก 6 ประการเพื่อใช้ในการบริหารประเทศ ซึ่งเป็นหลักสำคัญเะอการบริหารประเทศในยุคของคณะราษฎรต่อไป<br />", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1181404730703962112", "published": "2020-12-04T01:20:36+00:00", "source": { "content": "ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ยังคงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเองก็ไม่ได้ศึกษาวิชาด้านการปกครองเพื่อจะเตรียมรับมือกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ จึงเป็นที่กลุ้มพระหทัยของพระองค์มาก พระองค์จึงเสด็จไปพักผ่อนที่วังไกลกังวล เพื่อผ่อนคลายจากความเครียดในการบริหารบ้านเมือง\n\nเช้าตรู่ของวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปประทับที่วังไกลกังวลอยู่นั้น พระยาพหลพลพยุหเสนาและพระยาทรงสุรเดชได้เข้าไปยังหน่วยทหารม้า บอกให้กองทหารทั้งหมดเร่งนำรถถัง ปืนใหญ่ ไปไว้ที่หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม แลพได้พาทหารที่มีอยู่ซึ่งมีจำนวนไม่มาก ออกไปยังหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม แม้แต่ตัวทหารเองยังไม่อาจทราบว่าตัวเองจะต้องมาทำอะไรเช่นนี้ ทั้งฝั่งพันตรีควง อภัยวงศ์ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะราษฎรเช่นกัน ก็ร่วมมือช่วยด้วยการตัดสายโทรศัพท์ไว้ ทำให้ข่าวการยึดอำนาจครั้งนี้กว่าจะไปถึงพระเนตรพระกรรณของพระเจ้าอยู่หัวก็สายเสียแล้ว\n\nพระยาพหลพลพยุหเสนาได้ออกมาต่อหน้าบรรดากองทหาร และอ่านประกาศคณะราษฎร ซึ่งมีเนื้อหาโจมตีการปกครองแบบเก่าอย่างมาก เนื้อหานี้ร่างโดยอาจารย์ปรีดี ข้อความที่สำคัญของประกาศนี้คือข้อความที่ว่า \"ประเทศนี้เป็นของราษฎร\" พระยาพหลฯได้ยืนอ่านประกาศอยู่นาน เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ เพราะสมัยนั้นไม่มีเฟสบุ๊คหรือเว็บไซต์เอาไว้ให้ประกาศเรื่องต่าง ๆ นอกจากจะประกาศให้ประชาชนฟังแล้ว ก็มีการแจกประกาศอันนี้ให้ถึงมือประชาชน \n\nบรรดากลุ่มผู้ก่อการบางส่วนได้บุกเข้าหาบรรดาเชื้อพระวงศ์ คนสำคัญที่ถูกเป็นองค์ประกันคือ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต การนำองค์ประกันมาครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อกดดันให้พระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับมายังกรุงเทพเพื่อน้อมรับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข\n\nคณะราษฎรได้ประกาศหลัก 6 ประการเพื่อใช้ในการบริหารประเทศ ซึ่งเป็นหลักสำคัญเะอการบริหารประเทศในยุคของคณะราษฎรต่อไป\n", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1181404730703962112/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1180917863037485056", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "content": "บรรดานักเรียนทุนที่ได้ไปศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศส โดยมีปรีดีเป็นตัวตั้งตัวตี ร่วมมือกับนายประยูร ภมรมนตรี ได้ไปชักชวนนักเรียนทุนด้วยกันมาประชุมกันในห้องพักที่อยู่ชั้นบนของคาเฟ่แห่งหนึ่งกับเพื่อนอีก 5 คนรวมกันเป็น 7 คนได้ก่อตั้งคณะราษฎรขึ้นมาอย่างไม่เป็นทางการ และได้ประชุมหารือกันถึง 5 วัน 5 คืน และได้แนวทางในการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา<br /><br />เมื่อกลับมาประเทศไทย กลุ่มคนที่ได้ร่วมกันหารือในวันนั้นก็ได้วิ่งแสวงหาพรรคพวกเพื่อหวังจะได้ประกอบการอภิวัฒน์เปลี่ยนแปลงการปกครองได้อย่างราบรื่น อย่างปรีดีซึ่งได้ไปเป็นครูสอนกฎหมายในโรงเรียนกฎหมายนั้นก็ชักชวนนักเรียนมาร่วมด้วย และนายประยูร ภมรมนตรีก็มีส่วนสำคัญในการชวนกลุ่มนักเรียนทุนมาร่วมขบวนการด้วย (เพราะนายประยูรเองมีมารดาเป็นครูที่สอนนักเรียนทุนในเยอรมัน จึงมีความรู้จักกับบรรดานักเรียนที่เรียนที่เยอรมันด้วย) จนได้บุคคลที่มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งนี้ คือ พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน)<br /><br />ครั้นเมื่ออยู่ที่ฝรั่งเศส ก็สามารถคุยกันไปมาหาสู่ได้ง่าย แต่เมื่ออยู่ในประเทศไทยก็ต้องคุยกันอย่างลับ ๆ เพื่อไม่ให้แผนการนี้หลุดรั่วได้ง่าย เพราะถ้าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปจนฝั่งทางการรู้เข้า ทั้งคณะก็อาจถูกข้อหากบฏต่อพระมหากษัตริย์ มีโทษอย่างรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิต แต่ข้อหนึ่งที่ทำให้ฝั่งทางการไว้ใจบรรดานักเรียนและนายทหารที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ไปมาหากันคือการที่คนเหล่านี้มีอำนาจทหารในมืออยู่ไม่มากจนถึงไม่มีเลย ทางการเองจึงปล่อยปละละเลยโดยไม่นำมาใส่ใจให้แสลง<br /><br />ในวิกฤติเศรษฐกิจที่ลำบากเช่นนี้ คนที่ได้ยังสามารถดำรงอยู่อย่างสุขสบายก็มีเพียงข้าราชการชั้นสูง ขุนนางเก่า ฝ่ายเจ้าศักดินา ส่วนข้าราชการชั้นกลางจนถึงชั้นล่างก็ถูกลดเงินเดือน บ้างก็ถูกปลดไปเลย เพราะข้าราชการในระดับนั้น นัยยะหนึ่งก็มิใช่ผู้ที่มีเชื้อเจ้าหรือมีเส้นสาย บรรดาข้าราชการชั้นสูงก็ต้องรักษาเครือข่ายของตนให้แน่นหนาเอาไว้ จึงเลือกที่จะปล่อยข้าราชการชั้นล่าง ๆ เรื่องการดำรงเครือข่ายนี้ นายทหารอย่างพระยาพหลโยธินเองก็ย่อมรู้ดีและเขาก็ไม่ต้องการจะปล่อยให้เน่าเฟะไปกว่านี้<br /><br />เมื่อทุกอย่างเข้าที่ที่ควรจะอยู่แล้ว ก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองต่อไป<br /><br />ภาพ : นักเรียนทุนฝรั่งเศส", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1180917863037485056", "published": "2020-12-02T17:05:57+00:00", "source": { "content": "บรรดานักเรียนทุนที่ได้ไปศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศส โดยมีปรีดีเป็นตัวตั้งตัวตี ร่วมมือกับนายประยูร ภมรมนตรี ได้ไปชักชวนนักเรียนทุนด้วยกันมาประชุมกันในห้องพักที่อยู่ชั้นบนของคาเฟ่แห่งหนึ่งกับเพื่อนอีก 5 คนรวมกันเป็น 7 คนได้ก่อตั้งคณะราษฎรขึ้นมาอย่างไม่เป็นทางการ และได้ประชุมหารือกันถึง 5 วัน 5 คืน และได้แนวทางในการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา\n\nเมื่อกลับมาประเทศไทย กลุ่มคนที่ได้ร่วมกันหารือในวันนั้นก็ได้วิ่งแสวงหาพรรคพวกเพื่อหวังจะได้ประกอบการอภิวัฒน์เปลี่ยนแปลงการปกครองได้อย่างราบรื่น อย่างปรีดีซึ่งได้ไปเป็นครูสอนกฎหมายในโรงเรียนกฎหมายนั้นก็ชักชวนนักเรียนมาร่วมด้วย และนายประยูร ภมรมนตรีก็มีส่วนสำคัญในการชวนกลุ่มนักเรียนทุนมาร่วมขบวนการด้วย (เพราะนายประยูรเองมีมารดาเป็นครูที่สอนนักเรียนทุนในเยอรมัน จึงมีความรู้จักกับบรรดานักเรียนที่เรียนที่เยอรมันด้วย) จนได้บุคคลที่มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งนี้ คือ พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน)\n\nครั้นเมื่ออยู่ที่ฝรั่งเศส ก็สามารถคุยกันไปมาหาสู่ได้ง่าย แต่เมื่ออยู่ในประเทศไทยก็ต้องคุยกันอย่างลับ ๆ เพื่อไม่ให้แผนการนี้หลุดรั่วได้ง่าย เพราะถ้าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปจนฝั่งทางการรู้เข้า ทั้งคณะก็อาจถูกข้อหากบฏต่อพระมหากษัตริย์ มีโทษอย่างรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิต แต่ข้อหนึ่งที่ทำให้ฝั่งทางการไว้ใจบรรดานักเรียนและนายทหารที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ไปมาหากันคือการที่คนเหล่านี้มีอำนาจทหารในมืออยู่ไม่มากจนถึงไม่มีเลย ทางการเองจึงปล่อยปละละเลยโดยไม่นำมาใส่ใจให้แสลง\n\nในวิกฤติเศรษฐกิจที่ลำบากเช่นนี้ คนที่ได้ยังสามารถดำรงอยู่อย่างสุขสบายก็มีเพียงข้าราชการชั้นสูง ขุนนางเก่า ฝ่ายเจ้าศักดินา ส่วนข้าราชการชั้นกลางจนถึงชั้นล่างก็ถูกลดเงินเดือน บ้างก็ถูกปลดไปเลย เพราะข้าราชการในระดับนั้น นัยยะหนึ่งก็มิใช่ผู้ที่มีเชื้อเจ้าหรือมีเส้นสาย บรรดาข้าราชการชั้นสูงก็ต้องรักษาเครือข่ายของตนให้แน่นหนาเอาไว้ จึงเลือกที่จะปล่อยข้าราชการชั้นล่าง ๆ เรื่องการดำรงเครือข่ายนี้ นายทหารอย่างพระยาพหลโยธินเองก็ย่อมรู้ดีและเขาก็ไม่ต้องการจะปล่อยให้เน่าเฟะไปกว่านี้\n\nเมื่อทุกอย่างเข้าที่ที่ควรจะอยู่แล้ว ก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองต่อไป\n\nภาพ : นักเรียนทุนฝรั่งเศส", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1180917863037485056/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1180801890038448128", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "content": "นายแปลก ขีตตะสังคะ เกิดมาด้วยหน้าตาที่แปลก ๆ ในจังหวัดนนทบุรี เพราะมีหูที่อยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าตา จึงตั้งชื่ว่าแปลก เมื่อเติบใหญ่จึงได้เข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยเป็นเวลา 6 ปี จึงได้เข้าสังกัดทหารปืนใหญ่ในวัย 18 ปีในยศว่าที่ร้อยตรี<br /><br />ต่อมานายแปลกก็ได้เข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยปืนใหญ่ และเมื่อจบการศึกษาก็ได้เข้าเรียนในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก และได้ทุนการศึกษาให้ไปศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศส สิ่งที่นายแปลกไปศึกษามาก็มีวิชากาาต่าง ๆ ทั้งด้านภาษาฝรั่งเศส วิชาคำนวณ และวิชาการทหาร เพื่อให้นำความรู้เหล่านี้มาพัฒนาบ้านเมืองต่อไป<br /><br />เมื่อกลับมาถึงประเทศไทย ก็ได้เข้ารับราชการด้วยยศร้อยเอก พร้อมทั้งมีชื่อตำแหน่งเท่ ๆ ว่า \"หลวงพิบูลสงคราม\"<br /><br />ภายหลังนายแปลกได้เข้ารวมกลุ่มกับบรรดานักเรียนทุนไทยที่ได้มาศึกษาต่อที่ฝรั่งเศส เพื่อจะนำพาการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทยให้เฟื่องฟูวัฒนาต่อไป<br /><br />ประวัติจอมพล ป. พิบูลสงคราม ฉบับ BBC : <a href=\"https://www.bbc.com/thai/thailand-53399231\" target=\"_blank\">https://www.bbc.com/thai/thailand-53399231</a><br /><br />ภาพ : จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในวัยหนุ่ม", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1180801890038448128", "published": "2020-12-02T09:25:07+00:00", "source": { "content": "นายแปลก ขีตตะสังคะ เกิดมาด้วยหน้าตาที่แปลก ๆ ในจังหวัดนนทบุรี เพราะมีหูที่อยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าตา จึงตั้งชื่ว่าแปลก เมื่อเติบใหญ่จึงได้เข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยเป็นเวลา 6 ปี จึงได้เข้าสังกัดทหารปืนใหญ่ในวัย 18 ปีในยศว่าที่ร้อยตรี\n\nต่อมานายแปลกก็ได้เข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยปืนใหญ่ และเมื่อจบการศึกษาก็ได้เข้าเรียนในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก และได้ทุนการศึกษาให้ไปศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศส สิ่งที่นายแปลกไปศึกษามาก็มีวิชากาาต่าง ๆ ทั้งด้านภาษาฝรั่งเศส วิชาคำนวณ และวิชาการทหาร เพื่อให้นำความรู้เหล่านี้มาพัฒนาบ้านเมืองต่อไป\n\nเมื่อกลับมาถึงประเทศไทย ก็ได้เข้ารับราชการด้วยยศร้อยเอก พร้อมทั้งมีชื่อตำแหน่งเท่ ๆ ว่า \"หลวงพิบูลสงคราม\"\n\nภายหลังนายแปลกได้เข้ารวมกลุ่มกับบรรดานักเรียนทุนไทยที่ได้มาศึกษาต่อที่ฝรั่งเศส เพื่อจะนำพาการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทยให้เฟื่องฟูวัฒนาต่อไป\n\nประวัติจอมพล ป. พิบูลสงคราม ฉบับ BBC : https://www.bbc.com/thai/thailand-53399231\n\nภาพ : จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในวัยหนุ่ม", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1180801890038448128/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1180575219353739264", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "content": "ปรีดีนั้นเป็นบุตรชายของลูกชาวนาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครอบครัวของปรีดีสืบเชื้อสายมาจากพระนมของกษัตริย์ในสมัยอยุธยา ครอบครัวของเขาจึงตั้งนามสกุลว่า พนมยงค์ ตามชื่อวัดที่สืบทอดมาในตระกูลคือวัดพนมยงค์ ซึ่งปรีดีเองก็เกิดในแถบนั้นเช่นกัน<br /><br />แม้ว่าปรีดีจะเกิดมาในคอบครัวที่ต้องทำไร่ทำนา หากแต่บิดามารดาก็เล็งเห็นความสำคัญของการศึกษา จึงส่งเสียให้ปรีดีเรียนหนังสือจนจบมัธยมปลายที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จากนั้นจึงได้เข้าศึกษาในโรงเรียนกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม และเขาก็ได้เรียนภาษาฝรั่งเศสในตอนนั้น ภายหลังปรีดีสามารถสอบชิงทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศสในมหาวิทยาลัยก็อง (Universite de Caen) จนจบปริญญาเอกสำเร็จ<br /><br />ภายหลังจากจบการศึกษาที่ฝรั่งเศสแล้ว เมื่อกลับมาประเทศไทย เขาก็ถูกรับเชิญให้ไปเป็นอาจารย์สอนกฎหมายในกระทรวงยุติธรรม ระหว่างนั้นเขาก็ได้มีลูกศิษย์มากหน้าหลายตา ที่ได้รับอุดมการณ์เสรีนิยมไปจากเขา และลูกศิษย์เหล่านี้ก็จะเป็นแรงขับเคลื่อนแก่ชาติในภายภาคหน้า<br /><br />ตั้งแต่วัยเด็ก ปรีดีได้เห็นความทุกข์ยากของการทำนา และมักจะไปคุยเรื่องความเป็นอยู่ที่ลำบาก ทำให้ปรีดีเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นอย่างมาก รวมถึงวิกฤตเศรษฐกิจ The Great Depression ที่ทำให้ความเป็นอยู่ของคนในประเทศลำบากนั้น ปรีดีจึงมีอุดมการณ์ที่อยากจะช่วยเหลือคนเหล่านี้ให้ได้ และเขาก็ไม่หยุดที่จะสานฝันอันนี้ให้ไปถึงตลอดรอดฝั่ง และอุดมการณ์อันนี้ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้การเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทยสำเร็จในที่สุด<br /><br />*การเล่าประวัติของบุคคลสำคัญครั้งนี้จะเล่าเพียงคร่าว ๆ เพราะไม่ได้เป็นใจความสำคัญของบทความชุดนี้*<br /><br />ประวัติของปรีดี พนมยงค์ฉบับ BBC : <a href=\"https://www.bbc.com/thai/thailand-52598950\" target=\"_blank\">https://www.bbc.com/thai/thailand-52598950</a><br /><br />ภาพ : ปรีดี พนมยงค์ ในวัยหนุ่ม", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1180575219353739264", "published": "2020-12-01T18:24:25+00:00", "source": { "content": "ปรีดีนั้นเป็นบุตรชายของลูกชาวนาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครอบครัวของปรีดีสืบเชื้อสายมาจากพระนมของกษัตริย์ในสมัยอยุธยา ครอบครัวของเขาจึงตั้งนามสกุลว่า พนมยงค์ ตามชื่อวัดที่สืบทอดมาในตระกูลคือวัดพนมยงค์ ซึ่งปรีดีเองก็เกิดในแถบนั้นเช่นกัน\n\nแม้ว่าปรีดีจะเกิดมาในคอบครัวที่ต้องทำไร่ทำนา หากแต่บิดามารดาก็เล็งเห็นความสำคัญของการศึกษา จึงส่งเสียให้ปรีดีเรียนหนังสือจนจบมัธยมปลายที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จากนั้นจึงได้เข้าศึกษาในโรงเรียนกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม และเขาก็ได้เรียนภาษาฝรั่งเศสในตอนนั้น ภายหลังปรีดีสามารถสอบชิงทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศสในมหาวิทยาลัยก็อง (Universite de Caen) จนจบปริญญาเอกสำเร็จ\n\nภายหลังจากจบการศึกษาที่ฝรั่งเศสแล้ว เมื่อกลับมาประเทศไทย เขาก็ถูกรับเชิญให้ไปเป็นอาจารย์สอนกฎหมายในกระทรวงยุติธรรม ระหว่างนั้นเขาก็ได้มีลูกศิษย์มากหน้าหลายตา ที่ได้รับอุดมการณ์เสรีนิยมไปจากเขา และลูกศิษย์เหล่านี้ก็จะเป็นแรงขับเคลื่อนแก่ชาติในภายภาคหน้า\n\nตั้งแต่วัยเด็ก ปรีดีได้เห็นความทุกข์ยากของการทำนา และมักจะไปคุยเรื่องความเป็นอยู่ที่ลำบาก ทำให้ปรีดีเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นอย่างมาก รวมถึงวิกฤตเศรษฐกิจ The Great Depression ที่ทำให้ความเป็นอยู่ของคนในประเทศลำบากนั้น ปรีดีจึงมีอุดมการณ์ที่อยากจะช่วยเหลือคนเหล่านี้ให้ได้ และเขาก็ไม่หยุดที่จะสานฝันอันนี้ให้ไปถึงตลอดรอดฝั่ง และอุดมการณ์อันนี้ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้การเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทยสำเร็จในที่สุด\n\n*การเล่าประวัติของบุคคลสำคัญครั้งนี้จะเล่าเพียงคร่าว ๆ เพราะไม่ได้เป็นใจความสำคัญของบทความชุดนี้*\n\nประวัติของปรีดี พนมยงค์ฉบับ BBC : https://www.bbc.com/thai/thailand-52598950\n\nภาพ : ปรีดี พนมยงค์ ในวัยหนุ่ม", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1180575219353739264/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1180503242710540288", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "content": "นับตั้งแต่การปฏิรูปการปกครองประเทศให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศในสมัยล้นเกล้าพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทำให้ประเทศไทยได้มีความก้าวหน้าจากเดิม วิทยาการจากต่างประเทศได้เข้าสู่สยามช่วยพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า ทั้งศาสตร์ด้านรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์อันบรรดาเจ้านายทั้งหลายได้ไปศึกษายังต่างประเทศ เป็นส่วนช่วยให้ชาติไทยก้าวหน้ามากขึ้น <br /><br />แต่กระนั้นมิได้หมายความว่าราษฎรเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด ชาวบ้านร้านตลาดยังต้องทำนาทำไร่อย่างยากลำบาก ยังไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้มากนัก แม้ว่าจะมีการเลิกทาสซึ่งไม่ได้เสียเลือดเสียเนื้อแม้แต่นิดเดียว แต่ระบบไพร่ยังไม่สามารถปลดออกได้อย่างจริงจัง ผู้คนยังต้องทำนาทำไร่ส่งแก่นายทุน และส่งให้ส่วนกลางตามระบบการรวมศูนย์อำนาจเพื่อปกป้องความมั่นคงของแผ่นดินไทยจากจักรวรรดินิยมอังกฤษและฝรั่งเศส<br /><br />เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต เจ้าฟ้าวชิราวุธจึงได้สืบราชสมบัติขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายหลังจากสืบราชสมบัติได้ไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งส่งผลกระทบไปในระดับโลก พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 มีนโยบายทางการทหารเพิ่มขึ้นมา เช่น การตั้งกองเสือป่า ซึ่งจะพัฒนามาเป็นกิจการลูกเสือในที่สุด รวมทั้งมีการส่งเสริมในความเป็นชาตินิยม มีบทกวีปลุกใจรักชาติมากมาย เช่น สยามานุสติ และอุดมการณ์ชาตินิยมนี้ได้สอดแทรกเข้าไปในบทละครต่าง ๆ ที่ใช้ขับระบำรำฟ้อนภายในวัง เช่น ละครเรื่องพระร่วง เสภาสามัคคีเสวก เป็นต้น<br /><br />เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในรัชสมัยของพระองค์อย่างหนึ่งคือ กบฏ ร.ศ.130 ซึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มทหารที่ไม่พอใจกับนโยบายทางการทหารของพระองค์ จึงมีการวางแผนลอบปลงพระชนม์แล้วจะเปลี่ยนระบอบการปกครองใหม่ ให้เป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญหรือสาธารณรัฐเลย แต่กระนั้นความลับก็ได้หลุดรั่วไปถึงพระเนตรพระกรรณของพระเจ้าอยู่หัว พระองค์จึงสั่งจับกุมทหารเหล่านั้น แต่ท้ายที่สุดพระองค์ก็ปล่อยตัวกบฏเหล่านั้น และสัญญาว่าจะมีการก่อตั้งรัฐสภาขึ้นมา<br /><br />ภายหลังสงครามโลกสิ้นสุดลงไประยะเวลาหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ได้เสด็จสวรรคตไปโดยไม่มีทายาทสืบทอด อีกทั้งเชื้อพระวงศ์ในลำดับที่จะสืบทอดตำแหน่งต่อได้บ้างก็สิ้นพระชนม์ไป บ้างก็มีคุณสมบัติที่ไม่สมบูรณ์ หวยจึงตกไปอยู่ที่เจ้าฟ้าประชาธิปก ซึ่งเป็นพระอนุชาร่วมมารดากับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 แต่เนื่องจากเจ้าฟ้าประชาธิปกไม่ได้ศึกษาทางการเมืองการปกครองมาก่อน เพราะไม่ทรงคาดคิดว่าจะได้รับราชสมบัติด้วยซ้ำ เมื่อทรงขึ้นครองราชย์ในช่วงแรกก็มักจะทรงวิตกในการปกครองบ้านเมืองอยู่เสมอ<br /><br />ผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 1 คือภาวะวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่หรือ The Great Depression ซึ่งส่งผลไปทั่วโลก ประเทศไทยเองก็เกิดสภาวะที่อดอยากปากแห้งในยุคนั้นเช่นกัน ผู้คนต่างมีปัญหาตั้งแต่ระดับไพร่ไปจนถึงเจ้านาย แม้แต่ท้องพระคลังก็เริ่มร่อยหรอจนต้องปลดพนักงานราชการบางส่วนไป แม้กระนั้นพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ไม่สามารถประคองสภาวะนี้ไปตลอดรอดฝั่ง ผู้คนเริ่มหมดความเชื่อมั่นในราชสำนักในการบริหารประเทศ สิ่งเหล้านี้จะเป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองต่อไป<br /><br />ภาพประกอบ : ซุ้มรับเสด็จพระพุทธเจ้าหลวงกลับมาจากการประพาสยุโรป<br />", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1180503242710540288", "published": "2020-12-01T13:38:24+00:00", "source": { "content": "นับตั้งแต่การปฏิรูปการปกครองประเทศให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศในสมัยล้นเกล้าพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทำให้ประเทศไทยได้มีความก้าวหน้าจากเดิม วิทยาการจากต่างประเทศได้เข้าสู่สยามช่วยพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า ทั้งศาสตร์ด้านรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์อันบรรดาเจ้านายทั้งหลายได้ไปศึกษายังต่างประเทศ เป็นส่วนช่วยให้ชาติไทยก้าวหน้ามากขึ้น \n\nแต่กระนั้นมิได้หมายความว่าราษฎรเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด ชาวบ้านร้านตลาดยังต้องทำนาทำไร่อย่างยากลำบาก ยังไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้มากนัก แม้ว่าจะมีการเลิกทาสซึ่งไม่ได้เสียเลือดเสียเนื้อแม้แต่นิดเดียว แต่ระบบไพร่ยังไม่สามารถปลดออกได้อย่างจริงจัง ผู้คนยังต้องทำนาทำไร่ส่งแก่นายทุน และส่งให้ส่วนกลางตามระบบการรวมศูนย์อำนาจเพื่อปกป้องความมั่นคงของแผ่นดินไทยจากจักรวรรดินิยมอังกฤษและฝรั่งเศส\n\nเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต เจ้าฟ้าวชิราวุธจึงได้สืบราชสมบัติขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายหลังจากสืบราชสมบัติได้ไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งส่งผลกระทบไปในระดับโลก พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 มีนโยบายทางการทหารเพิ่มขึ้นมา เช่น การตั้งกองเสือป่า ซึ่งจะพัฒนามาเป็นกิจการลูกเสือในที่สุด รวมทั้งมีการส่งเสริมในความเป็นชาตินิยม มีบทกวีปลุกใจรักชาติมากมาย เช่น สยามานุสติ และอุดมการณ์ชาตินิยมนี้ได้สอดแทรกเข้าไปในบทละครต่าง ๆ ที่ใช้ขับระบำรำฟ้อนภายในวัง เช่น ละครเรื่องพระร่วง เสภาสามัคคีเสวก เป็นต้น\n\nเหตุการณ์หนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในรัชสมัยของพระองค์อย่างหนึ่งคือ กบฏ ร.ศ.130 ซึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มทหารที่ไม่พอใจกับนโยบายทางการทหารของพระองค์ จึงมีการวางแผนลอบปลงพระชนม์แล้วจะเปลี่ยนระบอบการปกครองใหม่ ให้เป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญหรือสาธารณรัฐเลย แต่กระนั้นความลับก็ได้หลุดรั่วไปถึงพระเนตรพระกรรณของพระเจ้าอยู่หัว พระองค์จึงสั่งจับกุมทหารเหล่านั้น แต่ท้ายที่สุดพระองค์ก็ปล่อยตัวกบฏเหล่านั้น และสัญญาว่าจะมีการก่อตั้งรัฐสภาขึ้นมา\n\nภายหลังสงครามโลกสิ้นสุดลงไประยะเวลาหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ได้เสด็จสวรรคตไปโดยไม่มีทายาทสืบทอด อีกทั้งเชื้อพระวงศ์ในลำดับที่จะสืบทอดตำแหน่งต่อได้บ้างก็สิ้นพระชนม์ไป บ้างก็มีคุณสมบัติที่ไม่สมบูรณ์ หวยจึงตกไปอยู่ที่เจ้าฟ้าประชาธิปก ซึ่งเป็นพระอนุชาร่วมมารดากับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 แต่เนื่องจากเจ้าฟ้าประชาธิปกไม่ได้ศึกษาทางการเมืองการปกครองมาก่อน เพราะไม่ทรงคาดคิดว่าจะได้รับราชสมบัติด้วยซ้ำ เมื่อทรงขึ้นครองราชย์ในช่วงแรกก็มักจะทรงวิตกในการปกครองบ้านเมืองอยู่เสมอ\n\nผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 1 คือภาวะวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่หรือ The Great Depression ซึ่งส่งผลไปทั่วโลก ประเทศไทยเองก็เกิดสภาวะที่อดอยากปากแห้งในยุคนั้นเช่นกัน ผู้คนต่างมีปัญหาตั้งแต่ระดับไพร่ไปจนถึงเจ้านาย แม้แต่ท้องพระคลังก็เริ่มร่อยหรอจนต้องปลดพนักงานราชการบางส่วนไป แม้กระนั้นพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ไม่สามารถประคองสภาวะนี้ไปตลอดรอดฝั่ง ผู้คนเริ่มหมดความเชื่อมั่นในราชสำนักในการบริหารประเทศ สิ่งเหล้านี้จะเป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองต่อไป\n\nภาพประกอบ : ซุ้มรับเสด็จพระพุทธเจ้าหลวงกลับมาจากการประพาสยุโรป\n", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1180503242710540288/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1180046085671022592", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "content": "คิดว่าครึ่งเดือนแรก น่าจะเขียนเกี่ยวกับวันรัฐธรรมนูญ <br />ครึ่งเดือนหลัง คงเขียนประวัติศาสตร์ศาสนาคริสต์จนถึงยุคพระเยซู<br /><br />พูดไปงั้นแหละใครจะอ่านเยอะอ่านน้อยช่างแม่ง 55555555", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1180046085671022592", "published": "2020-11-30T07:21:51+00:00", "source": { "content": "คิดว่าครึ่งเดือนแรก น่าจะเขียนเกี่ยวกับวันรัฐธรรมนูญ \nครึ่งเดือนหลัง คงเขียนประวัติศาสตร์ศาสนาคริสต์จนถึงยุคพระเยซู\n\nพูดไปงั้นแหละใครจะอ่านเยอะอ่านน้อยช่างแม่ง 55555555", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1180046085671022592/activity" }, { "type": "Create", "actor": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "object": { "type": "Note", "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1148880618709086208", "attributedTo": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341", "content": "เขียนบทความอะไรดี~~~", "to": [ "https://www.w3.org/ns/activitystreams#Public" ], "cc": [ "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/followers" ], "tag": [], "url": "https://www.minds.com/newsfeed/1148880618709086208", "published": "2020-09-05T07:21:24+00:00", "source": { "content": "เขียนบทความอะไรดี~~~", "mediaType": "text/plain" } }, "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/entities/urn:activity:1148880618709086208/activity" } ], "id": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/outbox", "partOf": "https://www.minds.com/api/activitypub/users/1107382363324686341/outboxoutbox" }